แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 313 การพบกันอีกครั้งของภูเขาและลำน้ำ
ชายใบหน้ารอยแผลเป็นตกตะลึงทันที เขารีบไปดูที่ริมหน้าต่างอย่างรวดเร็ว
นี่ช่างแปลกจริง ๆ ตลอดสามปีนี้ตั้งแต่ที่ขาสหายของเขาคนนี้หายดี กงจี้ก็มักมีท่าทีไม่เต็มใจที่จะสนใจผู้อื่นมาโดยตลอด แม้เมื่อก่อนก็ไม่ค่อยสนใจใครอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรตอนนั้นเขาก็ยังพูดถากถางคนอื่นบ้างเล็กน้อย ต่างจากตอนนี้หลังจากที่ขาของเขาหายดีแล้ว ชายใบหน้ารอยแผลเป็นก็แทบไม่เคยเห็นเพื่อนของเขาเปิดเผยความรู้สึกออกมามากนัก
ในที่สุดใบไม้ที่น่ารำคาญบนศีรษะเจียงป่าวชิงก็ถูกดึงออกสักที นางส่งยิ้มให้จิ้นเทียนหยู่ “ข้ารบกวนท่านเรื่องใบไม้นี้ซะแล้ว ขอบคุณที่ช่วยเอาออกให้ข้า”
จิ้นเทียนหยู่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีพลันหมุนตัวมาบังฝ่ามือคมกริบของผู้มาใหม่
แต่ดูเหมือนว่าผู้มาใหม่ไม่ได้มาเพื่อโจมตี หลังจากที่ฝ่ายนั้นผลักจิ้นเทียนหยู่ให้ก้าวถอยหลังแล้วก็ไม่ได้โจมตีอะไร
จิ้นเทียนหยู่ยังคงแปลกใจ ดูจากการบุกมาหาเรื่อง ชายผู้นี้ต้องเป็นผู้มีฝีมือสูงอย่างแน่นอน ทำไมเขาไม่ใช้ประโยชน์จากจุดได้เปรียบแล้วลงมือโจมตีไปเลยล่ะ
แต่จิ้นเทียนหยู่กลับเห็นผ้าที่เจียงป่าวชิงกอดไว้อยู่ในอ้อมแขนร่วงหล่นลงไปบนพื้น แล้วชายคนที่ผลักเขาให้ถอยหลังด้วยความโหดเหี้ยมก็กระชากนางเข้าไปซบอก
เจียงป่าวชิงไม่ได้ดิ้นรนอะไร นางตัวสั่นเล็กน้อยและปล่อยให้ชายคนนั้นโอบกอดอยู่ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนา
…
เจียงป่าวชิงไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งจะได้พบเจอกับกงจี้อีกครั้ง และไม่เคยคิดมาก่อนว่านางกับเขาจะพบกันอีกครั้งภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
ไม่เจอกันสามปี เมื่อเทียบกับเมื่อสามปีที่แล้ว ความเย็นชาและรังสีสังหารที่ชอบมีอยู่ตรงระหว่างคิ้วของชายหนุ่มรูปงามผู้สูงส่งคนนี้มีมากกว่าเดิม แต่เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
นางถูกกงจี้กอดไว้อยู่ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนา ภายใต้ชุดทหารเต็มยศนั้น นางรู้สึกเหมือนว่ากงจี้กำลังตัวสั่นเบา ๆ
“เจ้ายังไม่ตาย…” น้ำเสียงของกงจี้มีความโมโหเจืออยู่อย่างมาก “เจียงป่าวชิงหนอเจียงป่าวชิง เจ้ายังอยู่ดีจริง ๆ เจ้ายังไม่ตายแล้วทำไมไม่มาหาข้า ?!”
เขาต้องใช้ชีวิตอย่างไรรู้บ้างไหมในช่วงสามปีที่ผ่านมา!
ช่วงที่ชีหลี่โวประสบภัยน้ำท่วม ตอนที่เขารีบไป ไม่เพียงแต่ชีหลี่โวเท่านั้น แม้แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดหยูเฟิงก็ถูกปกคลุมไปด้วยผืนน้ำกว้างสุดลูกหูลูกตา เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วบริเวณรอบ ๆ และมีศพมากมายลอยอยู่บนผิวน้ำอย่างน่าอนาถใจ
แต่กงจี้ไม่ตายใจ เขาหาเจียงป่าวชิงอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายถึงได้ยินคนบอกว่าเห็นนางถูกใครไม่รู้ผลักตกจากสะพาน หลังจากนั้นเขาเจอศพผู้หญิงที่ทั้งร่างแช่แม่น้ำจนตัวบวมแทบดูไม่ออกว่าเป็นคนลอยอยู่ตรงริมฝั่งแม่น้ำตรงปากน้ำ และมีรองเท้าอยู่ที่เท้าของศพนี้ ซึ่งมันเหมือนกับรองเท้าคู่โปรดของเจียงป่าวชิงทุกประการ
กงจี้เลือกสถานที่ที่สวยงามเพื่อฝังศพร่างนั้น จากนั้นเขาก็ล้มป่วยลง
ชายผู้ไม่เคยเสียใจกับเรื่องอะไรเลยกลับนั่งเสียใจแทบทุกวัน เพราะความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเขาแท้ ๆ ไม่ใช่ว่าแค่ถูกปฏิเสธหรอกรึ ถูกปฏิเสธแล้วยังไง ตอนนั้นเขาน่าจะรั้งนางไว้ทุกวิถีทางและมันคงจะดีกว่าถ้าเขาตายด้วยไข้ใจในบั้นปลายชีวิตของตัวเอง
เขาใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างทุกข์ทรมาน มีเพียงการฆ่าในสนามรบเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกสงบแม้เพียงเสี้ยวเวลาอันน้อยนิด
เจียงป่าวชิงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับช่วงเวลาสามปีนี้ของกงจี้เลย แต่นางเป็นคนฉลาด เพียงได้ยินเขาพูดว่านางยังไม่ตาย แม้มีความแปลกใจอยู่บ้างทว่านางก็เดาได้ว่าทำไมเขาถึงคิดเช่นนี้ ทั้งจังหวัดหยูเฟิงล้วนถูกน้ำท่วมมากกว่าครึ่ง โดยเฉพาะหมู่บ้านในชนบทเหล่านั้นยิ่งไม่เหลืออะไรเลย ชีหลี่โวเองก็จมอยู่ใต้กระแสน้ำเชี่ยวกรากและโคลนถล่ม เป็นเรื่องปกติที่กงจี้จะคิดว่านางตายแล้ว
“ข้า…” เจียงป่าวชิงพูดออกมาเพียงเท่านี้ แล้วก็พบว่าตัวเองพูดไม่ออก
ตลอดสามปีที่ผ่านมา นางไม่เคยพูดเรื่องกงจี้กับใคร แต่นางก็ไม่เคยลืมเขา…
ตลอดเวลาไม่เคยลืม…
ในตอนนั้นเอง แรงอันทรงพลังกระชากเจียงป่าวชิงออกจากอ้อมแขนของกงจี้ จิ้นเทียนหยู่โมโหจนแทบพ่นไฟออกมาจากในตาได้ เขามองกงจี้ด้วยความโกรธขึ้ง ถามน้ำเสียงหาเรื่อง
“เจ้าเป็นใคร ?!”
กงจี้หรี่ตาลงมองเจียงป่าวชิงสลับกับมองจิ้นเทียนหยู่ นึกถึงภาพเมื่อครู่นี้ที่เขาเห็นจากบนชั้นสอง ภาพที่เจียงป่าวชิงส่งยิ้มหวานให้ชายบึกบึนคนนี้
“เป็นข้ามากกว่าที่ควรถามคำถามนี้ เจียงป่าวชิง เขาคือใคร ?” กงจี้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ท่าทางของเขาเหมือนกำลังจับชู้กลางถนนอย่างไรอย่างนั้น
เจียงป่าวชิงชะงักค้าง นางไม่รู้ว่าควรแนะนำพวกเขายังไงดี แต่ก็ตัดสินใจพูดออกไป “เอ่อ… หัวหน้าสาม คนที่อยู่ตรงหน้าท่านคือกงจี้ เขาคือเพื่อนเก่าข้าเอง แต่ในตอนหลังเราไม่ได้ติดต่อกัน”
“กงจี้ นี่คือหัวหน้าสามของหมู่บ้านที่ข้าพักอาศัยอยู่ในตอนนี้”
เพียงแค่คิดถึงภาพตอนที่จากกัน ในใจนางรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน
แต่การแสดงออกของนางตกอยู่ในสายตากงจี้เรียบร้อยแล้ว เขาสังเกตเห็นว่านางกำลังขาดความมั่นใจ
มิน่า… นางถึงไม่เคยมาหาเขาเลยตลอดสามปีนี้ ก็เพราะว่านางมีรักใหม่แล้วนั่นเอง
สีหน้ากงจี้อึมครึมจนถึงขีดสุด แม้ยังมีรอยยิ้มเย็นชาประดับอยู่ที่มุมปาก แต่กระแสสังหารในดวงตาเขากลับเป็นความจริง
ชายใบหน้ารอยแผลเป็นเห็นท่าไม่ดี รีบกระโดดตามลงมาที่ริมถนนจากชั้นสองอย่างรวดเร็ว เขาเห็นชัดเจนว่ากงจี้อารมณ์ไม่ดีเอามาก ๆ และกำลังจะฆ่าใครสักคนอย่างควบคุมไม่ได้
“คุณชายเล็กใจเย็น ๆ ก่อน ใจเย็น ๆ ก่อนเถอะ” ชายผู้มีใบหน้ารอยแผลเป็นพยายามกล่อมกงจี้ แต่เขาพบว่ากล่อมอีกฝ่ายไม่ได้จึงหันไปมองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม พอเขาเห็นเจียงป่าวชิงในชุดผู้ชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา เขาก็หยุดหายใจเล็กน้อย
กงจี้ ชายผู้ที่ทั้งกองทัพบอกว่ากินเนื้อและดื่มเหล้าได้อย่างเฉยเมย มีรสนิยมชอบแบบนี้รึ ?
เรื่องนี้ไม่สามารถโทษชายใบหน้ารอยแผลเป็นได้ เพราะเห็นกับตาเช่นนี้ก็ยากที่จะคิดเป็นอื่น แม้เขาเคยเห็นเจียงป่าวชิงมาก่อนแต่ก็เพียงครู่เดียว ประกอบกับไม่ได้เจอกันสามปี เจียงป่าวชิงเองก็ต่างจากสาวน้อยอ่อนวัยในตอนนั้นมาก รูปลักษณ์ของนางเผยความสาวออกมาเต็มที่แล้วเช่นกันจึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่ชายใบหน้ารอยแผลเป็นจะจำนางไม่ได้
แต่เจียงป่าวชิงเป็นคนประเภทที่ว่าถ้าเห็นใครแล้วจะไม่ลืม นางจำชายผู้มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าคนนี้ได้ นี่คือหลิวหมิงอันที่เคยมาหากงจี้ที่หน้าบ้าน
“ท่านหลิว ไม่เจอกันนานเลยนะ” เจียงป่าวชิงทักทายหลิวหมิงอันอย่างสุภาพ
ชายใบหน้ารอยแผลเป็นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เจ้ารู้จักข้ารึ ?”
เจียงป่าวชิงยิ้มจาง ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร
กงจี้หัวเราะอย่างเย็นชา “เหอะ ๆ เจ้าจำได้แม้กระทั่งเขาแต่กลับลืมข้าแล้วใช่ไหม ?”
ใบหน้ายิ้มแย้มของเจียงป่าวชิงค่อย ๆ เย็นชาขึ้นอย่างช้า ๆ นางเงยหน้ามองกงจี้ ในใจรู้ดีว่าตัวเองไม่เคยลืมเขาเลยตลอดสามปีมานี้ และไม่เคยลืมการตัดขาดระหว่างกันในตอนนั้นด้วย
หลังจากที่ความสุขจากการพบกันที่ไม่ได้เจอกันนานค่อย ๆ หายไป สิ่งที่อยู่ในใจเหลือเพียงความทุกข์ระทมอันไร้ขอบเขต
เจอหน้ากันอีกครั้งแล้วอย่างไร ยังคงมีช่องว่างที่ผ่านไปได้ยากระหว่างพวกเขา
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ช่องว่างนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข ตรงกันข้ามกลับเป็นการยากที่จะข้ามผ่านมันไปได้ ก็ในเมื่อตอนนี้นางคือหมอของหมู่บ้านฟู่กุ้ย หมู่บ้านโจรที่มีชื่อเสียง ไม่ใช่เด็กสาวเจียงป่าวชิงคนเดิมแล้ว
เจียงป่าวชิงก้าวถอยหลังเล็กน้อย
กงจี้มองการกระทำของนางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แต่แววตาเขากลับเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ
เจียงป่าวชิงก้มลงไปเก็บผ้าที่หล่นจากอ้อมแขนด้วยความตกใจเมื่อครู่ ปัดฝุ่นบนผ้าเบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพทว่าห่างเหิน “คุณชายกง ไม่พบกันนานสบายดีไหม… แต่ตอนนี้ข้าต้องรีบกลับจึงขอไม่ทักทายคุณชายกงนานนักก็แล้วกัน เพราะถึงยังไงเราคงไม่ได้เจอกันอีก”
ท่าทางของนางเหมือนต้องการขีดเส้นแบ่งแดนกับกงจี้อย่างไรอย่างนั้น
กงจี้ไม่ได้พูดอะไร ดวงตาคมจ้องมองนางอย่างน่ากลัว
เจียงป่าวชิงพูดเสร็จก็หมุนตัวเดินจากไป หลังจากที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวนางก็วิ่งราวกับอดกลั้นอะไรบางอย่างไม่ได้จึงต้องรีบหนีไปให้ไกลจากตรงนี้
จิ้นเทียนหยู่มองกงจี้ด้วยสีหน้าซับซ้อน สุดท้ายก็หมุนตัววิ่งตามเจียงป่าวชิงไป
.
.