แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 336 หรูนี้ หรูนั้น
หลิวจิ้งอี๋ไม่มีอะไรจะพูด ทำได้เพียงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างละเหี่ย
เจียงฉิงมองหลี่อันหรูที่ยืนหลบมุมอยู่ไกลออกไปและกระซิบข้างหูเจียงป่าวชิง “พี่สาว สีหน้าเมื่อกี้ของหลี่อันหรูแปลกมาก ราวกับว่านางจะกินคนยังไงยังงั้นเลยนะจ๊ะพี่”
เจียงป่าวชิงลูบแขนเสื้อของเจียงฉิงและพบว่าไม่ค่อยชื้นเท่าไหร่ นางคงไม่ได้เป็นหวัด หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็พูดขึ้นอย่างนุ่มนวล “เจ้าไม่ต้องสนใจนางหรอก นางคงรู้ว่าข้ารู้สถานะที่แท้จริงของนางแล้ว”
อันที่จริงก็ไม่ได้ถือว่าถูกเจียงป่าวชิงขุดค้นจนพบ ทว่าตอนที่จิ้นเทียนหยู่ลักพาตัวนางกลับมายังหมู่บ้านในตอนแรกนั้น กู่ฟู่กุ้ยขอให้เจียงป่าวชิงเขียนจดหมายถึงคนรู้จักของเขาในเมืองหลวง เหตุเพราะสงสัยเกี่ยวกับหลี่อันหรู เจียงป่าวชิงจึงถามถึงสถานการณ์ความเป็นไปทั่ว ๆ ไปของหญิงสาวในเมืองหลวงอย่างอ้อม ๆ ผ่านทางจดหมาย
คนรู้จักคนนั้นไม่รู้ว่ากู่ฟู่กุ้ยเป็นโจรภูเขาไปแล้ว เขาแนะนำหญิงสาวที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงให้กับกู่ฟู่กุ้ยโดยที่จดหมายตอบกลับมาของเขายาวนับสิบแผ่นและหนึ่งแผ่นในนั้นก็พูดถึงหลี่อันหรูด้วยเช่นกัน
ว่ากันว่านางมีรูปลักษณ์ดีเยี่ยมทั้งยังเป็นที่รู้จักในนามห้าสาวงามของเมืองหลวง วงศ์ตระกูลก็สูงส่งบริสุทธิ์ ซื่อตรง และนางยังเป็นบุตรสาวของตระกูลขุนนาง มีความชำนาญมากมายอย่างเช่นตีขิม เล่นหมากรุกหรือวาดภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางรักการอ่านหนังสือเป็นพิเศษโดยมักจะอ่านหนังสือติดมือวางไม่ลงอยู่ตลอด ได้ยินว่านางยังอายุไม่ครบสิบห้าปี แต่พวกแม่สื่อก็พากันเหยียบธรณีประตูบ้านนางกันคลาคล่ำ
ทว่า… คนรู้จักของกู่ฟู่กุ้ยทอดถอนใจในจดหมายหน้าสุดท้ายว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้เขาบังเอิญได้ยินว่าแม่นางหลี่คนนี้ไปที่บ้านคุณปู่ในเขตจู่ไท่ หากต้องการมาดู กู่ฟู่กุ้ยสามารถถือโอกาสนี้มาเจอแม่นางหลี่ที่งานชุมนุมบทกวีได้ในอีกไม่กี่วัน
ตอนนั้น ทุกคนในหมู่บ้านฟู่กุ้ยคิดว่าหลี่อันหรูคนนี้คือบุตรสาวของตระกูลขุนนางที่กล่าวถึงในจดหมาย เพราะถึงอย่างไรคำว่า “ไปที่บ้านคุณปู่ยังไม่กลับมา” ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าเป็นความรับผิดชอบในการหายตัวไปของหลี่อันหรู ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงไม่ได้สงสัยอะไร ส่วนพวกหญิงสาวคนอื่น ๆ ที่พูดถึงในจดหมาย กู่ฟู่กุ้ยไม่สนใจแม้แต่น้อย เขาโยนจดหมายฉบับนั้นให้กับเจียงป่าวชิง
เจียงป่าวชิงละเอียดรอบคอบกว่า จากการสังเกตและตรวจสอบพบว่าหลี่อันหรูที่อยู่ในหมู่บ้านฟู่กุ้ยของพวกเขาดูเหมือนจะแตกต่างจาก “หลี่อันหรู” ในจดหมาย
แน่นอนว่าไม่สามารถตัดออกได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นภาพลวงตาที่ตระกูลหลี่สร้างขึ้นเพื่อทำให้พวกหญิงสาวบ้านตัวเองเป็นที่น่าสนใจ
แต่ความแตกต่างนั้นมากเกินไป การกระทำของหลี่อันหรูคนที่หัวหน้าสามจับมานี้ไม่ค่อยเหมือนคุณหนูผู้ถูกเลี้ยงมาจากครอบครัวสูงส่งสักเท่าไหร่ จุดสำคัญที่สุดคือเนื้อความในจดหมายบอกว่าหลี่อันหรูรักการอ่านเป็นพิเศษและอ่านหนังสือติดมือชนิดที่ว่าแทบไม่วาง ทว่าตั้งแต่ที่หลี่อันหรูมาถึงหมู่บ้านฟู่กุ้ย เจียงป่าวชิงเองก็เคยไปดูอาการบาดเจ็บที่ขาให้นางตั้งหลายครั้งหลายครา นางกลับไม่เคยเห็นหลี่อันหรูแตะหนังสือแม้แต่เล่มเดียว
เจียงป่าวชิงถึงกับไปถามซิ่วผิงที่คอยเฝ้าดูหลี่อันหรู ซิ่วผิงก็บอกว่าไม่เคยเห็นแม่นางหลี่อ่านหนังสือเลย แม้หลู่เว่ยต้งจะซื้อข้าวของมามากมายรวมทั้งหนังสือเผื่อให้นางไว้อ่านตอนเบื่อหน่าย แต่ทั้งหมดกลับถูกวางอยู่ในห้องเฉย ๆ นางไม่เคยแตะมันเลย
เวลานี้หญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกกล่าวถึงในจดหมายได้เข้าสู่ความสงสัยของเจียงป่าวชิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หญิงสาวคนนี้มีนามว่ากงหย่าหรูซึ่งรูปโฉมงดงามเช่นเดียวกัน รูปลักษณ์นางเปรียบเสมือนดอกไม้เขินอายช่างเก็บตัวราวกับพระจันทร์ยามเมฆบดบัง ทั้งยังเป็นบุตรสาวของตระกูลตำแหน่งจาวฮุยและเป็นที่รู้จักในนามห้าสาวงามของเมืองหลวงเช่นเดียวกับหลี่อันหรูอีกด้วย ในจดหมายกล่าวว่าช่วงนี้กงหย่าหรูมักจะไปที่วัดเพื่อขอพรให้กับท่านย่าที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงของนาง เห็นได้ชัดว่านางเป็นคนกตัญญูคนหนึ่งและมีชื่อเสียงที่ดีในเมืองหลวง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง แสดงว่าคุณหนูกงคนนี้ ณ ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง
เจียงป่าวชิงเพียงแค่สงสัยแต่ไม่มีหลักฐานอะไร ประกอบกับไม่ว่าหญิงสาวในหมู่บ้านจะเป็นบุตรสาวของตระกูลขุนนางหรือเป็นบุตรสาวของตระกูลตำแหน่งจาวฮุย สำหรับเจียงป่าวชิงแล้วทั้งคู่ต่างก็น่าจะเป็นพวกที่สร้างความยุ่งยากได้เหมือน ๆ กัน
ก่อนหน้านี้เจียงป่าวชิงเคยหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาบอกหลิวหมิงอันแต่เขากลับฟังเฉย ๆ ไม่ได้เปิดโปงฉีกหน้าอะไรหลี่อันหรู และเพียงแค่มองเจียงป่าวชิงยิ้ม ๆ เท่านั้น อันที่จริง เจียงป่าวชิงรู้ว่าจะต้องมีเรื่องอะไรอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าหลิวหมิงอันถูกน้องชายสั่งไว้ถึงไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจนเช่นนี้
เจียงป่าวชิงไม่ได้สนใจ แต่กงหย่าหรูดูเหมือนจะเริ่มสะเพร่ามากขึ้นหลังจากที่ได้รับการสนับสนุน ถ้าหากว่าไม่กดดันนางอย่างแรงในตอนนี้ นางคงออกมาขัดเกลาการมีตัวตนของนางเป็นครั้งคราว เช่นนี้จะทำให้คนอื่นรำคาญใจเปล่า ๆ
ดังนั้น ตอนที่กงหย่าหรูทำเรื่องให้มันกลับตาลปัตรต่อหน้าหลิวจิ้งอี๋เมื่อครู่นี้ เจียงป่าวชิงจึงตัดสินใจเจาะกระดาษหน้าต่างมันชั้นนี้ซะเลย ความหมายชัดเจนมากอยู่แล้ว ‘เหอะ! ข้ากุมสถานะที่แท้จริงของเจ้าแล้ว ทางที่ดีอย่ามาหาเรื่องกันจะดีกว่า’
ถ้าหากว่าคุณหนูที่เป็นโสดคนใดถูกโจรลักพาตัวไปแล้วมีคนรู้เข้า แม้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ในสายตาคนอื่นความบริสุทธิ์ก็ถือว่าถูกทำลายไปแล้วอยู่ดี กงหย่าหรูโกหกว่าตัวเองคือหลี่อันหรูก็เท่ากับว่าเป็นการสาดน้ำสกปรกให้กับหลี่อันหรูตัวจริง
เจียงป่าวชิงไม่รู้ว่ากงหย่าหรูแค้นอะไรหลี่อันหรูหรือไม่ แต่ถ้าหากว่าคนอื่นรู้ถึงพฤติกรรมย่ำแย่ที่นางเอาชื่อคนอื่นมาแอบอ้างเช่นนี้ กงหย่าหรูคงต้องจบเห่เป็นแน่แท้
ดังนั้น เมื่อสักครู่ตอนที่กงหย่าหรูได้ยินเจียงป่าวชิงพูดอย่างมีความหมายว่า “แต่จะเป็นหลี่อันหรูหรือเปล่านั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง” นางถึงมีท่าทีตกใจลนลานขนาดนั้น
……
ทันทีที่เจียงฉิงได้ยินเจียงป่าวชิงพูดถึงตัวตนที่แท้จริงของหลี่อันหรู เด็กหญิงกะพริบตาอย่างประหลาดใจ “หืม นี่นางยังมีสถานะอื่นอีกหรือจ๊ะ ?”
เจียงป่าวชิงลูบศีรษะอาฉิงเบา ๆ “เอาล่ะ ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ แม่นางคนนั้นแท้จริงแล้วนางชื่อกงหย่าหรู แต่ ‘หลี่อันหรู’ ตัวจริงคืออีกคน อาฉิง ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเด็กดี เชื่อฟังและรู้ความ แต่ถึงยังไงเรื่องนี้ข้าก็ต้องกำชับเจ้า ต่อไปถ้าเข้าไปในเมืองแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหลี่อันหรูหรือกงหย่าหรู เราต้องทำเป็นไม่รู้จักพวกนางทั้งสอง”
“หรูนี้ หรูนั้น…” เจียงฉิงหมุนศีรษะเล็ก ๆ ไปมาเหมือนงุนงงทว่าเอาเข้าจริงเด็กหญิงกลับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว และถึงกับรู้สึกเอือมระอาต่อกงหย่าหรูมากกว่าเดิม “เฮ้อ! ข้านึกแล้วเชียวว่านางไม่ใช่คนดีอะไรจริง ๆ ด้วย… ช่างเถอะ ถึงยังไงต่อไปเราคงไม่ได้คบค้าสมาคมอะไรกับนางอีกแล้วล่ะ พี่สาวว่าใช่ไหมจ๊ะ ?”
สองพี่น้องกำลังพูดคุยกันอยู่ กงจี้ก็เดินถือร่มเข้ามาในห้องจากท่ามกลางสายฝนตกหนักข้างนอก ด้านหลังของเขามีเหล่าทหารหลายคนที่จัดการกับม้าเรียบร้อยแล้วและคนที่สวมใส่เสื้อกันฝนก็ได้เข้ามาหลบฝนข้างในด้วย เดิมทีในนี้เป็นห้องหลักค่อนข้างโล่งกว้าง ทว่าเมื่อพวกเขาเข้ามามันกลับกลายเป็นที่แออัดในทันที
ก่อนหน้านี้พวกเขานั่งอยู่ในรถม้า แต่หลังจากพบเจอบ้านหลังนี้และเพื่อให้กองทัพได้พัก กงจี้จึงออกมาจากรถม้า
เจียงป่าวชิงมองกงจี้พลางนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในรถม้าอย่างกะทันหัน แก้มขาวนวลขึ้นสีแดงเรื่อ นางรู้สึกไม่เป็นตัวเองอย่างมาก
กงจี้หุบเก็บร่มแล้วส่งให้นายทหารยศสูงที่อยู่ด้านหลัง เขาเดินตรงมาทางเจียงป่าวชิง สอดส่ายสายตาสังเกตนางและเห็นว่าเสื้อผ้าของนางชื้นเพียงเล็กน้อย และตัวของนางก็แห้งดีจึงพยักหน้าพึงพอใจ “อีกเดี๋ยวจะมีคนต้มน้ำขิง เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะให้คนนำมาส่งให้เจ้า”
เจียงป่าวชิงไม่ใช่คนที่ถ้าหากไม่สบอามรมณ์แล้วจะเริ่มไม่สนใจสิ่งรอบกายใด ๆ เจียงฉิงยังเด็ก เพื่อดิ้นรนเอาชีวิตรอดเมื่อสองสามปีก่อน ร่างกายของนางจึงไม่ค่อยแข็งแรงนัก ถึงแม้ว่าเจียงป่าวชิงจะบำรุงร่างกายให้นางมาตลอดสามปีนี้ แต่การดูแลอย่างพิถีพิถันก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ฝนตกในฤดูใบไม้ร่วงทั้งมืดและชื้น การดื่มน้ำขิงอุ่น ๆ สักถ้วยเพื่อขับไล่ความหนาวเย็นนั้นดีต่อร่างกายของเจียงฉิง
เจียงป่าวชิงพยักหน้า นางอยากพูดอะไรบางอย่างแต่กลับเห็นใครคนหนึ่งวิ่งฝ่าสายฝนเข้ามาจากด้านนอก เขาเปียกไปทั้งตัว ดูก็รู้ว่ารีบมากถึงขั้นไม่ทันได้ใส่เสื้อกันฝนเลยด้วยซ้ำ
แม้ใครคนนั้นจะร้อนใจมากเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากงจี้ เขาก็ยังทำความเคารพอย่างพยายามควบคุมอารมณ์ สงวนท่าที แล้วค่อยเดินเข้ามารายงานด้วยเสียงอันเบา
ผู้ที่เป็นศิลปะการต่อสู้อย่างพวกเขาลดน้ำเสียงให้เบาลงเพราะไม่อยากให้คนนอกได้ยิน แน่นอนว่าคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ยินจริง ๆ
ทว่าเจียงป่าวชิงไม่สนใจอยากสอดแนมความลับของคนอื่นอยู่แล้ว นางหลุบสายตาลงด้วยท่าทางไม่สนใจอะไร พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ฟังสิ่งที่พวกเขากำลังพูดกัน
.
.