แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 342 ออกไปข้างนอกด้วยกัน
กงจี้ไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาของเขากลับเย็นชามาก
หลิวจิ้งอี๋มองกงหย่าหรูที่ยืนนิ่งค้างแข็งทื่ออยู่ตรงหน้าเขาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “นี่… นี่หรูเอ๋อร์เป็นอะไร ?”
กงหย่าหรูมองหลิวจิ้งอี๋ ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอ้อนวอน
เจียงป่าวชิงไม่อยากพูดอะไรมากมายจึงเดินเข้าไปเก็บเข็มเงินบนตัวกงหย่าหรูกลับมา แต่ทว่าฤทธิ์ยาที่นางฝังไปนั้นยังคงอยู่ กงหย่าหรูจึงยังไม่สามารถขยับตัวหรือพูดได้ ต้องรอให้ผ่านไปสักระยะหนึ่งก่อน
“ถ้าหากว่าครั้งหน้านางมาหาเรื่องข้าถึงห้องอีกละก็…” เจียงป่าวชิงพูดขึ้นอย่างสงบ “ข้าจะให้นางยืนแข็งแบบนี้ที่หน้าเตียงข้าทั้งคืนเลยคอยดู”
ในดวงตากงหย่าหรูเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
หลิวจิ้งอี๋อยากพูดอะไรบางอย่าง เข้าอ้าปากทว่าก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ข้าต้องขอโทษแม่นางเจียงด้วยที่สร้างปัญหาให้แม่นาง”
ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดูก็รู้แล้วว่ากงหย่าหรูต้องเป็นฝ่ายมายุแหย่เจียงป่าวชิงก่อนถึงที่ ส่วนภาพตรงหน้าที่เห็นนี้คือนางคงถูกเจียงป่าวชิง “ตอบโต้” เข้าให้แล้ว
เจียงป่าวชิงพยักหน้ารับรู้ “อื้ม นางก็สร้างปัญหาให้ข้าไม่น้อยเลยจริง ๆ นั่นแหละ ไม่อย่างนั้นตอนนี้ข้าคงได้นอนหลับพักผ่อนอย่างสบายเนื้อสบายตัวไปตั้งนานแล้ว”
เมื่อเห็นสีหน้าเหนื่อยล้าของเจียงป่าวชิง อารมณ์กงจี้ขุ่นเคืองขึ้นทันที เขามองหลิวหมิงอันอย่างหาเรื่องพร้อมพูดเสียงต่ำว่า “แยกกันเข้าเมืองหลวงตั้งแต่วันพรุ่งนี้”
หลิวหมิงอันชะงักไป แต่เขายังคงพยักหน้า “อืม เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน”
น้ำตาใสไหลรินออกมาจากดวงตากงหย่าหรู แต่นางกลับพูดไม่ได้แม้แต่คำเดียว ตัวนางแข็งทื่อ อยากพูดอะไรก็พูดไม่ได้ ต้องจำยอมถูกหลิวจิ้งอี๋อุ้มกลับไปที่ห้องของตัวเอง
การโวยวายของกงหย่าหรูใช่ว่าจะไม่มีส่วนดีเลย ตั้งแต่วันต่อมา ตลอดทางเจียงป่าวชิงก็ไม่ได้เห็นกงหย่าหรูอีกเลย ไม่ต้องพูดถึงว่าชีวิตของนางสะดวกสบายขึ้นมากเพียงใด
ดีจริง ๆ!
ถึงกระนั้นก็อาจมีเรื่องน่าหงุดหงิดอยู่บ้างเพราะกงจี้มักขี่ม้ามาดูนางอยู่บ่อยครั้งจนเริ่มน่ารำคาญ ไหนจะเจ้าน้องสาวเจ้าเล่ห์ตัวดีอย่างเจียงฉิงยังชอบอำนวยความสะดวกทุกอย่างเสียเหลือเกิน เด็กหญิงชอบให้นางกับกงจี้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ซึ่งนี่ทำให้เจียงป่าวชิงไม่มีที่ให้ระบายอารมณ์เซ็ง
คงเป็นเพราะเดินทางขึ้นเหนือมากขึ้นเรื่อย ๆ อากาศจึงหนาวเย็นมากยิ่งขึ้น เมื่อผ่านตัวเมืองกงจี้ก็ให้กองทัพเช่าเหมาโรงเตี๊ยม ส่วนเขาเตรียมพาเจียงป่าวชิงไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ เขาเหนื่อยที่จะเห็นนางในชุดผู้ชายเต็มที
เจียงฉิงตาเป็นประกาย รีบเอ่ยในทันใด “พี่สาว ข้าขอไม่ไปด้วยนะจ๊ะ ข้างนอกหนาวมาก ข้าขอนอนกอดกาน้ำร้อนอยู่ในห้องนี่แหละ”
เจียงป่าวชิงเอ่ยเสียงดุ “เจ้าไม่ไปแล้วจะซื้อเสื้อผ้าให้เจ้าได้ยังไงล่ะ”
เจียงป่าวชิงรู้ว่าเจ้าเด็กเจ้าเล่ห์นี่อยากให้นางกับกงจี้อยู่ด้วยกันสองคนอีกครั้ง บัดนี้รู้สึกจนปัญญาดีแท้ แม้แต่น้องสาวว่านอนสอนง่ายก็ยังหักหลังกันได้ลง
“ไอ้ยา! ถึงยังไงพี่ก็รู้ขนาดตัวข้าเป็นอย่างดีอยู่แล้วนี่จ๊ะ พี่เลือกให้ข้าหน่อยนะ ๆ ๆ” จากนั้นเจียงฉิงผลักเจียงป่าวชิงไปข้างนอก “พี่สาวรีบไปเถอะ ข้ารอพี่อยู่ที่โรงเตี๊ยมนี่แหละ”
เจียงฉิงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ในขณะที่เจียงป่าวชิงได้แต่ถอนหายใจจำยอมถูกผลักออกจากห้องตามแรงของผู้เป็นน้องแต่โดยดี
กงจี้รออยู่ข้างนอก สีหน้าเขาแลดูเบื่อหน่ายอย่างเคย ทว่าเมื่อเห็นว่าเจียงป่าวชิงในชุดผู้ชายออกมาคนเดียว เขาก็อดพยักหน้าพึงพอใจไม่ได้และรู้สึกขึ้นมาว่าเด็กอย่างเจียงฉิงนี่ช่างเข้าใจอะไรง่ายดีจริง ๆ
“ไปเถอะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงป่าวชิงออกไปข้างนอกกับกงจี้แค่สองคน ถ้าหากว่านางเป็นคนนิสัยเรียบร้อยใจกว้างก็คงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ทว่าตอนที่เดินด้วยกันนางกลับไม่ค่อยมองไปทางกงจี้เลยด้วยซ้ำ
เมื่อเดินผ่านแผงขายของเล็ก ๆ เจียงป่าวชิงก็ถูกดึงดูดสายตา ปิ่นปักผมรูปแมลงปอปลายบัวขนาดเล็กที่วางอยู่บนแผงขายของนั้นช่างน่ารักจริง ๆ แม้มันไม่ใช่วัสดุล้ำค่าอะไร ไหนจะบนปิ่นปักผมยังมีรอยเปื้อนจาง ๆ ที่เห็นได้อยู่เล็กน้อย แต่ปิ่นปักผมอันนี้มีดีที่การแกะสลักประณีตสวยงาม ทั้งแมลงปอทั้งดอกบัวเล็ก ๆ เห็นได้ชัดว่าถูกแกะสลักอย่างตั้งใจจนออกมาดูสมจริงจนเจียงป่าวชิงเห็นเพียงครั้งแรกก็ถูกใจ
เป็นปิ่นปักผมที่ดูมีเสน่ห์อย่างยิ่ง!
กงจี้ที่อยู่ข้าง ๆ หรี่ตามองตามสายตาของเจียงป่าวชิง “เจ้าชอบแบบนี้รึ ยามปกติข้าให้เจ้าตั้งเยอะแยะแต่เจ้ากลับไม่ยอมรับสักอัน”
เจียงป่าวชิงเหลือบมองเขา “คุณชายกง เมื่อก่อนอยู่ดี ๆ เจ้าก็ให้เครื่องประดับล้ำค่ากับข้ามากมาย ข้าไม่มีงานทำและไร้รายได้ มันมิสมควรหากข้าจะรับเอาของของคุณชายอย่างเจ้ามาเสียดื้อ ๆ ด้วยภูมิหลังของครอบครัวเจ้า เจ้าอาจไม่เห็นของเหล่านี้อยู่ในสายตา แต่สำหรับข้า ถ้าหากว่ามันไม่ใช่ของของข้า เครื่องประดับสวย ๆ งาม ๆ พวกนี้ก็เหมือนเป็นของร้อนลวกมือ ทำไมข้าต้องรับเอามันมาเพิ่มความกลุ้มใจให้กับตัวเองด้วย”
เจียงป่าวชิงพูดแต่ละอย่างทำให้กงจี้รู้สึกกลุ้มใจ โดยเฉพาะการที่นางเริ่มเรียกเขาว่าคุณชายกงอีกแล้ว…
เจียงป่าวชิงไม่มองกงจี้อีก นางหันไปถามราคากับเจ้าของแผงขายของ “เถ้าแก่เจ้าคะ อันนี้เท่าไรหรือเจ้าคะ ?”
เถ้าแก่เจ้าของแผงขายของเห็นเด็กสาวน่ารักพูดเพราะอย่างเจียงป่าวชิงถามราคา แม้เขาจะแปลกใจที่เด็กสาวใส่เสื้อผ้าผู้ชายแต่ก็ยิ้มให้นางอย่างเป็นมิตร อันที่จริงเขาฟังสองคนพูดคุยกันมาได้สักพักแล้ว สายตาอันเฉียบแหลมของเขามองปราดเดียวก็รู้ว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แม่นางคนนี้รูปลักษณ์ท่าทางชัดเจนว่าเป็นคนมั่งคั่งร่ำรวย ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
เขาสังเกตได้จากบทสนทนาของทั้งสองว่าชายหนุ่มคนนี้คงตามตื๊อแม่นางผู้น่ารักจิ้มลิ้ม อยากได้นางเป็นคนรักมายาวนานประมาณนั้น
เถ้าแก่ตาเป็นประกายทันที “เจ้าหนู เจ้าช่างมีแววตาเฉียบคมดีจริง ๆ ปิ่นปักผมอันนี้ไม่แพง แค่ห้าตำลึงเท่านั้นเอง”
เจียงป่าวชิงชั่งน้ำหนักความคุ้มค่าอยู่ในใจและพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ขอโทษนะเจ้าคะเถ้าแก่ ห้าตำลึงยังไม่แพงอีกหรือ ? โปรดอย่าทำเหมือนว่าข้าไม่รู้จักสินค้าเลย ข้าชอบการแกะสลักนี้และดูออกว่าวัสดุของมันไม่คุ้มกับราคานี้เลยด้วยซ้ำนะเจ้าคะ”
กงจี้กำลังจะพูดว่า ‘ข้าซื้อให้เจ้าเอง’ แต่กลับถูกเจียงป่าวชิงที่รู้อยู่ก่อนแล้วว่าเขาจะพูดถลึงตาใส่เสียก่อน ความหมายของนางคือสั่งให้เขาหุบปาก
กงจี้รู้สึกงุนงงที่นางถลึงตาใส่ เขามองนางด้วยสีหน้าพิศวง ‘เจ้าถลึงตาใส่ข้าเพราะเรื่องแค่นี้รึ ?!’
ตอนนี้ในแววตาของเขามีแต่ความคัดค้าน
เจียงป่าวชิงไม่สนใจกงจี้ หลังจากต่อรองราคากับเถ้าแก่เจ้าของแผงขายไปหนึ่งรอบ สุดท้ายก็ตกลงราคากันได้ที่สามตำลึงกับอีกเจ็ดสลึง
เจียงป่าวชิงให้เจ้าของแผงขายของช่วยห่อปิ่นปักผมอันนั้นให้นางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่หลังจากที่เดินออกมาจากแผงขายของได้สักพัก นางก็เห็นว่ากงจี้ยังคงมีท่าทีไม่พอใจอยู่เล็กน้อยจึงใช้นิ้วจิ้มแขนของเขาพร้อมเอ่ยถามเสียงเบา “เจ้าเป็นอะไร ?”
กงจี้มองเจียงป่าวชิงอย่างน้อยใจ “ทำไมเจ้าถึงไม่ให้ข้าซื้อของให้เจ้า ?”
ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง เจียงป่าวชิงหลุบตามองพื้นก่อนจะพูดขึ้นช้า ๆ “ข้ากับเจ้าเป็นเพียงคนรู้จักกัน ทำไมข้าต้องใช้เงินของเจ้าด้วย ?”
กงจี้รู้สึกโมโหกับคำพูดของเจียงป่าวชิง มือเขาคว้าไปฉุดดึงนางพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่ “ทำไมเจ้าดื้อนัก! หรือว่าเจ้าอยากให้ข้าจูบสั่งสอนกลางถนนใหญ่อย่างนั้นรึ ?”
เจียงป่าวชิงหน้าถอดสีทันที นางรู้ว่าคนเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจอย่างกงจี้สามารถทำเรื่องบ้า ๆ ได้จริง
ก็ได้… เจ้าเก่ง เจ้าเก่งที่สุดข้ายอมแล้ว!
เจียงป่าวชิงยอมแพ้ ‘เอาล่ะ ถ้าอยากจ่ายเงินนัก งั้นจ่ายก็จ่าย จ่าย ๆ ไปให้หมดนั่นแหละ! ถือว่าเป็นค่ารักษากานซุ่ยก็แล้วกัน’
สำหรับฝีมือการฝังเข็มรักษาโรคของนาง ตอนที่รักษาให้กับพวกข้าราชการชั้นสูงกับพวกผู้ดีในยุคปัจจุบัน พวกเขาจ่ายเงินให้เยอะกว่านี้อีกจะบอกให้!
เจียงป่าวชิงพูดปลอบใจตัวเองในใจ แต่สุดท้ายก็ยอมให้เขาอยู่ดี “ข้าซื้อปิ่นปักผมอันเมื่อครู่นี้ให้อาฉิง… ถ้าเจ้าอยากจ่ายให้ งั้นข้าให้เจ้าจ่ายให้ก็ได้”
กงจี้เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจ เขาพูดด้วยความเสียดาย “ทำไมเจ้าถึงได้ยอมแพ้เร็วนัก ข้ายังคาดหวังให้เจ้าคัดค้านอีกสักหน่อย ข้าจะได้…” กงจี้มองริมฝีปากของเจียงป่าวชิงอย่างเจ้าเล่ห์
เจียงป่าวชิงก้าวถอยหลังและรีบวิ่งไปข้างหน้าราวกับกำลังหลบหนี “ข้างหน้ามีร้านเสื้อผ้า ข้าไปก่อนล่ะ”
กงจี้มองเจียงป่าวชิงที่รีบวิ่งหนีไป สีหน้าเขาส่ออารมณ์เซ็ง แต่อย่างไรก็ตาม ลึกในดวงตาเขาเกิดประกายแสงแห่งความหวังราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
‘ป่าวชิง ไม่ว่าในใจเจ้าจะยังมีไอ้โจรคนนั้นหรือไม่ แต่ข้าจะต้องแย่งเจ้ากลับคืนมาให้ได้!’
.
.