แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 358 ปรองดองกัน
ตอนที่เจียงป่าวชิงกลับมาจากร้านยาของเกิ่งจื่อเจียง นางไปซื้อขนมที่ร้านขายขนมเล็ก ๆ จำได้ว่าเหมือนเจียงหยุนชานเคยพูดว่าเลี่ยวชุนหยู่ชอบกินขนมกุ้ยฮวา บังเอิญร้านนี้มีขายพอดีนางจึงซื้อขนมกุ้ยฮวากลับไปให้เลี่ยวชุนหยู่ที่เอาเข้าจริงนางก็มองว่าเขาเป็นน้องชาย
ตอนกลับถึงบ้าน ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป กลิ่นหอมเย้ายวนของอาหารลอยออกมาจากในบ้านหลังเล็ก เจียงฉิงคงกำลังทำมื้อเย็นอยู่
ทว่าเจียงป่าวชิงเกิดความประหลาดใจเพราะเลี่ยวชุนหยู่อยู่ในห้องครัวด้วย เขากำลังช่วยเจียงฉิงด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ โดยมีเสียงเจียงฉิงชี้แนะดังออกมาให้ได้ยินเป็นครั้งคราวจากในครัว “เจ้าไปช่วยตักน้ำมาให้ข้าหน่อย”
“ไฟไม่แรงพอ เพิ่มฟืนอีกหน่อยเร็ว”
“ฝาหม้อ! หยิบฝาหม้อมาให้ข้า”
เลี่ยวชุนหยู่ถูกเจียงฉิงสั่งให้วิ่งไปวิ่งมาซึ่งเขาไม่กล้าพูดอะไร ใบหน้าเล็กของเขาเปื้อนขี้เถ้าเป็นขีด ๆ ดูก็รู้ว่าเจียงฉิงจงใจวาดใบหน้าของเขา
เจียงป่าวชิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย …อาฉิงของนางช่างเก่งจริง ๆ
ตอนที่เลี่ยวชุนหยู่วิ่งไปหยิบฟืน เขาก็เห็นว่าเจียงป่าวชิงกลับมาแล้ว เด็กชายเกิดความเกร็ง ยืนนิ่งอยู่กับที่และขยับริมฝีปากอยู่สักพัก แข็งทื่ออยู่นาน ในที่สุดเขาก็พูดคำว่า “พี่สาวคนโต” ออกมาอย่างเสียมิได้
เจียงป่าวชิงตอบรับว่า “อื้อ” ซึ่งนี่ถือว่าเป็นการตอบรับแล้ว นางถือของที่ซื้อกลับมาเข้าไปในห้อง วางของเสร็จก็หยิบผ้าผืนหนึ่งขึ้นมามัดผมแล้วเข้าไปในห้องครัวอย่างคล่องแคล่ว “อาฉิง มีอะไรให้ช่วยอีกไหม ?” นางถาม
“ไอ้ยา! พี่สาวกลับมาแล้ว” เจียงฉิงที่กำลังผัดอาหารพูดขึ้นอย่างดีใจ “ข้าผัดใกล้เสร็จแล้วจ้ะ ไม่มีอะไรแล้ว… แต่เอ๊ะ พี่สาวไปช่วยเตรียมส้มกับชุนหยู่ก็ดีเหมือนกันจ้ะ”
เจียงป่าวชิงเลิกคิ้ว ก่อนจะไปเลือกส้มมาสองลูกแล้วปอกเปลือกออกอย่างคล่องแคล่ว เสร็จแล้วนางหยิบไปป้อนเจียงฉิงหนึ่งชิ้น
เจียงฉิงเอียงศีรษะกินส้มที่อยู่ในมือของเจียงป่าวชิง นางรู้สึกเปรี้ยวมากจนเผลอโพล่งออกมา “โอ้โห! ส้มนี้เปรี้ยวมากเลย”
เจียงป่าวชิงมองเจียงฉิงด้วยแววตาตำหนิ “เป็นเพราะเจ้ากินผลไม้เชื่อมหวาน ๆ มากเกินไปในช่วงสองสามวันมานี้ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ กระป๋องใส่ผลไม้เชื่อมหมดเกลี้ยงแล้ว”
เจียงฉิงหดคอ นางแกล้งแลบลิ้นใส่เจียงป่าวชิงและยิ้มอย่างอาย ๆ
ไม่รู้ว่าเลี่ยวชุนหยู่มายืนอยู่ตรงประตูห้องครัวตั้งแต่เมื่อไหร่ เขามองสองพี่น้องพูดคุยกันอยู่ตรงนั้นอย่างเหม่อลอย ความอิจฉาปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาซึ่งเขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
เจียงป่าวชิงเดินเข้าไปหาเขาและยื่นมือที่ถือจานผลไม้ไปตรงหน้า “กินส้มไหม ?”
เลี่ยวชุนหยู่อดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนที่เจียงป่าวชิงตบหน้าเขาในคืนนั้น นางทั้งเย็นชาทั้งดุร้าย เป็นคนละคนกับพี่สาวแสนสวยนุ่มนวลช่างยิ้มแย้มตรงหน้าโดยสิ้นเชิง เขาขดตัว ไขว้มือไว้ด้านหลัง “ข้าเพิ่งถือฟืน ยังไม่ได้ล้างมือเลย”
“อ้อ งั้นรึ” เจียงป่าวชิงไม่นึกสนใจ นางหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วยื่นไปที่ริมฝีปากของเลี่ยวชุนหยู่ “อ้าปากสิ ลองชิมดูว่าเปรี้ยวหรือเปล่า”
ส้มสีเหลืองส้มที่แกะมาอย่างดีแล้วถูกส่งไปยังริมฝีปากของเลี่ยวชุนหยู่ เขาตกตะลึงเล็กน้อยแต่เมื่อเห็นเจียงป่าวชิงกำลังมองมาอย่างเป็นธรรมชาติก็รู้สึกตื้นตันใจ
เด็กชายหมุนตัววิ่งหนีไปทันที
เจียงฉิงมองเห็นจากในห้องครัวจึงพูดขึ้น “พี่ไม่ต้องสนใจเขาหรอกจ้ะ ถ้าเขาไม่กินข้ากินเอง พี่ป้อนข้าแทนเถอะ”
“เมื่อกี้นี้เจ้ายังบอกว่าเปรี้ยวอยู่เลยไม่ใช่รึ ?” เจียงป่าวชิงถามยิ้ม ๆ
“พี่สาวป้อนข้าเถอะน่า เปรี้ยวก็เปลี่ยนเป็นหวานได้นี่จ๊ะ” เจียงฉิงตอบเสียงอ่อนเสียงหวานและทำท่าทางอ้าปากรอให้เจียงป่าวชิงป้อน
“อ้า~~~”
เจียงป่าวชิงถูกหยอกเย้าให้หัวเราะขำขัน นางป้อนส้มเด็กหญิงไปสองชิ้น แต่ด้วยความที่กลัวว่าเจียงฉิงจะกินส้มมากเกินไปทำให้กินมื้อเย็นไม่ไหวจึงนำจานผลไม้ไปเก็บก่อน
……
ตอนที่เจียงหยุนชานกลับมา เขาเห็นว่าบรรยากาศในบ้านค่อนข้างแตกต่างไปจากเดิม อาหารหลากหลายวางอยู่บนโต๊ะ น้องสาวทั้งสองนั่งพูดคุยเรื่องทั่ว ๆ ไปอยู่ข้างโต๊ะอาหารอย่างน่ารัก แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดคือเลี่ยวชุนหยู่ผู้ซึ่งโวยวายโมโหมาหลายวันแล้วก็นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารด้วยโดยกำลังก้มหน้าลง สองมือวางอยู่บนตักใต้โต๊ะและกำลังขยับนิ้วอย่างประหม่า
เมื่อเห็นว่าเจียงหยุนชานกลับมาแล้ว เลี่ยวชุนหยู่เด้งตัวลุกขึ้นจากบนเก้าอี้อย่างมีปฏิกิริยาตอบสนองและเกือบชนจนถ้วยกับตะเกียบตรงหน้าคว่ำอยู่รอมร่อ
เจียงฉิงเอื้อมมือไปจับถ้วยไว้แล้วพูดขึ้นยิ้ม ๆ “โตขนาดนี้แล้วทำไมยังสะเพร่าอยู่อีกหื้ม ?”
นี่ไม่เหมือนเป็นการตำหนิ แต่เหมือนเป็นการดุระหว่างคนในครอบครัวเสียมากกว่า
เลี่ยวชุนหยู่ก้มหน้าเงียบ ๆ จนเจียงหยุนชานรู้สึกแปลกใจ เมื่อก่อนหากเจียงฉิงพูดเช่นนี้ เลี่ยวชุนหยู่ต้องระเบิดอารมณ์เป็นแน่แท้ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่านิสัยของเขาเปลี่ยนไป
ตอนที่เจียงหยุนชานกำลังรู้สึกแปลกใจก็ได้ยินเลี่ยวชุนหยู่พูดติดอ่าง “พี่… พี่… พี่กลับมาแล้ว ขะ… ข้าจะรินน้ำให้พี่”
เจียงหยุนชานยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ เด็กซนอย่างเลี่ยวชุนหยู่รู้จักรินน้ำให้เขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
เลี่ยวชุนหยู่ยกกาน้ำขึ้นมา เขารินน้ำให้เจียงหยุนชานในท่าทางแบบเด็กว่านอนสอนง่ายผิดหูผิดตา แต่คงเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เด็กชายรินน้ำให้คนอื่นจึงรู้สึกประหม่าอย่างมาก สุดท้ายน้ำหกออกมาจนได้
เจียงหยุนชานถอนหายใจและหยิบกาน้ำมาจากมือของเลี่ยวชุนหยู่ “พอแล้ว อย่าให้ลวกมือล่ะ”
เลี่ยวชุนหยู่มองเจียงหยุนชานด้วยความกระวนกระวายใจ “พี่เหนื่อยไหม ? ข้าทุบหลังให้พี่เอาไหม ?”
เจียงหยุนชานรู้สึกได้อย่างราง ๆ แล้วว่าเหตุใดเลี่ยวชุนหยู่ถึงเป็นเช่นนี้ คงเป็นเพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกส่งไปให้คนอื่นเลี้ยงดู
“ไม่ต้อง” เจียงหยุนชานปฏิเสธเลี่ยวชุนหยู่ เขามองดูท่าทางตื่นกลัวของเจ้าเด็กคนนี้ ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวแล้ว “เอาล่ะ รีบกินข้าวกันเถอะ”
“…” เลี่ยวชุนหยู่คอตกเสียใจ นั่งลงอย่างท้อแท้
เจียงฉิงเห็นว่าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเริ่มกระอักกระอ่วนแล้ว นางจึงส่งเสียงหัวเราะกลบเกลื่อนและชี้ไปที่อาหารบนโต๊ะ “วันนี้ชุนหยู่มาช่วยข้าที่ห้องครัวด้วย เขาช่วยทำกับข้าวพวกนี้ทั้งหมด พี่หยุนชานลองชิมดูสิจ๊ะ ลองดูว่าอร่อยหรือเปล่า”
เจียงหยุนชานพยักหน้าเงียบ ๆ ก่อนจะคีบอาหารแต่ละอย่างมาลองชิม “อืม ไม่แย่ รสดีใช้ได้” และเขาก็กลับไปเงียบไม่พูดอะไรอีก
เดิมทีเลี่ยวชุนหยู่ไม่ใช่คนที่อดกลั้นอะไรได้นาน ๆ อยู่แล้ว เมื่อเขาเห็นว่าเจียงหยุนชานเหมือนจะไม่มีความคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกับทุกสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นเสียงเบา “พี่… พี่อย่าส่งข้าไปที่อื่นเลยนะ ข้าจะปรับเปลี่ยนนิสัยที่ไม่ดีทั้งหมดที่ข้าเคยมีในอดีต”
เจียงหยุนชานวางตะเกียบลงเบา ๆ แล้วมองเลี่ยวชุนหยู่ก่อนจะพูดขึ้นอย่างตั้งใจ “ชุนหยู่ ที่เจ้าโตมามีนิสัยเอาแต่ใจและใช้อำนาจบาตรใหญ่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าเองก็มีส่วนทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าไม่มีคุณสมบัติเลี้ยงดูเจ้าและเป็นพี่ชายของเจ้าอีกต่อไปแล้ว ที่ข้าตัดสินใจจะส่งเจ้าไปให้คนอื่นเลี้ยงก็เพราะหวังดีกับเจ้า… ข้าหาครอบครัวที่ยินดีรับเลี้ยงเจ้าได้แล้ว วันพรุ่งข้าจะพาไปดู แล้วเจ้าก็…”
เจียงหยุนชานยังพูดไม่ทันจบ เลี่ยวชุนหยู่จิตใจแตกสลาย เขาลุกจากเก้าอี้แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเจียงหยุนชาน สองแขนโอบกอดขาพี่ชาย ร้องไห้น้ำตาไหลพราก “พี่อย่าไล่ข้าไปที่อื่นเลย ข้าจะปรับปรุงตัวเอง ต่อไปพี่พูดอะไรข้าจะฟังพี่ทุกอย่าง และข้าจะไม่แกล้งหรืออิจฉาสองพี่น้องคู่นี้แล้วด้วย ข้าจะปรับปรุงตัวเองทุก ๆ อย่าง พี่อย่าให้ข้าไปเลยนะ…”
ความอึดอัดปรากฏขึ้นในดวงตาของเจียงหยุนชาน แต่เขากลับหลับตาเพื่อพยายามอดกลั้นไว้ ตอนที่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขามีท่าทีแน่วแน่อย่างมาก “ชุนหยู่ การร้องไห้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรอก”
“พี่หยุนชาน ข้าคิดว่าจริง ๆ แล้วสันดานเดิมของชุนหยู่ไม่ได้แย่” อยู่ ๆ เจียงฉิงพูดขึ้นเสียงเบา “ข้าว่า… พี่ลองให้โอกาสเขาอีกสักครั้งเถอะ”
เลี่ยวชุนหยู่พยักหน้าอย่างแรง เขาร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลเปียกไปทั่วสองข้างแก้ม “พี่ให้โอกาสข้าอีกสักครั้งเถอะนะ ข้าสัญญาว่าจะไม่เป็นเด็กไม่ดีอีกแล้ว”
เจียงป่าวชิงถอนหายใจพลางลุกขึ้นยืนและเดินไปด้านหน้า “พอแล้วพี่ พี่ดูสิ แม้แต่เจียงฉิงเองก็กำลังจะคุกเข่าให้พี่ด้วยอีกคน สิ่งที่ชุนหยู่ทำก่อนหน้านี้ไม่ดีจริง ๆ แต่เราที่เป็นพี่ชายพี่สาวของเขาก็ควรสอนเขาให้ดี ๆ อีกที ข้าคิดว่าตอนนี้ชุนหยู่คงตระหนักถึงความผิดของเขาแล้วจริง ๆ ลองให้โอกาสเขาอีกสักครั้งเถอะ”
.
.