แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 366 ข้ารู้ตัวว่าผิดแล้ว
เจียงฉิงดึงเลี่ยวชุนหยู่มาหลบอยู่ด้านหลังตัวเองเพื่อที่นางจะได้ปกป้องเขาได้ เลี่ยวชุนหยู่ผลักแขนเจียงฉิงแล้วไปยืนอยู่ตรงหน้านาง จะได้ขวางอยู่ด้านหน้านาง แล้วเขาก็มองคนที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงหน้าตาสกปรกมอมแมมคนนั้นก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนวัยที่เจือความลังเลอันหาได้ยาก “ตงเส่ เจ้าไปซะเถอะ…”
ที่แท้คนผมเผ้ากระเซอะกระเซิงหน้าตาสกปรกมอมแมมคนนี้คือตงเส่ เด็กรับใช้เก่าของเลี่ยวชุนหยู่นั่นเอง
เจียงฉิงตกใจทันที หากว่าเลี่ยวชุนหยู่ไม่พูดชื่ออีกฝ่ายออกมา นางก็ไม่ทันได้สังเกตเลย
ก่อนหน้านี้ที่ตงเส่ยุยงเลี่ยวชุนหยู่ให้ลักพาตัวเจียงฉิง เจียงหยุนชานแจ้งกับเจ้าหน้าที่แล้วและคนของทางฝ่ายราชการก็มาควบคุมตัวเขาไปแล้ว ด้วยเพราะไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับตงเส่อีกในอนาคต เจียงหยุนชานจึงส่งคืนโฉนดขายตัวเองของตงเส่ให้กับตงเส่ไป และหวังว่าเขาจะดูแลตัวเองให้ดีได้ในอนาคต
ตงเส่เขี่ยผมสกปรกมันเยิ้มของตัวเองไปด้านหลัง เผยให้เห็นใบหน้าผอมและซีดเซียว รอบตาของเขาเขียวช้ำ เมื่อดูจากระดับความลึกของสีช้ำ ๆ นั่น ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งถูกชกต่อยหลาย ๆ ครั้งมาอย่างไรอย่างนั้น
ปุบ!
ตงเส่ผู้ซึ่งใส่เสื้อผ้าบาง ๆ คุกเข่าลงบนพื้น พื้นดินในฤดูหนาวทั้งหนาวและแข็ง เมื่อได้ยินเสียงคุกเข่านั้น สีหน้าของเลี่ยวชุนหยู่แปลกไปชั่วขณะ
ถึงอย่างไรทั้งสองก็เคยเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งหลายปี ตงเส่เป็นเด็กรับใช้ที่เจียงหยุนชานซื้อตัวมาให้อยู่เป็นเพื่อนเลี่ยวชุนหยู่ในยามที่พี่ชายอย่างเขายุ่งอยู่กับการเรียน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขามักตามอาจารย์ไปแสวงหาความรู้บ่อย ๆ เพราะการเรียนรู้จากตำราต้องควบคู่ไปกับประสบการณ์จริง แน่นอนว่าเขาไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนเลี่ยวชุนหยู่มากนัก
ตลอดหลายปีมานี้ มีเพียงตงเส่คนเดียวเท่านั้นที่ถือเป็นสหายกับเลี่ยวชุนหยู่ หากบอกว่าไม่มีความรู้สึกผูกพันอะไรต่อตงเส่เลยก็คงจะไม่จริง
ตงเส่คลานเข่าไปข้างหน้าเล็กน้อย มือก็ฉุดดึงชายเสื้อของเลี่ยวชุนหยู่ น้ำตาก็ไหลพรากนองหน้าอยู่อย่างนั้น “ฮืออออ คุณชาย… ข้าหน้ามืดตามัว อวดดีมีความคิดชั่ว ๆ จึงพลั้งเผลอกระทำความผิดไป ท่านยกโทษให้ข้าเถอะนะ ตงเส่คนนี้ไม่มีบ้านให้กลับและไม่มีที่ให้ไปแล้วจริง ๆ”
ตงเส่ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลขณะที่ปากก็เอ่ยขอร้องเสียงหลง
เจียงป่าวชิงมองดูอย่างเงียบ ๆ อยู่ด้านข้างและพบว่าตงเส่ฟันหักไปแล้วหลายซี่
สีหน้าของเลี่ยวชุนหยู่ก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน “ตงเส่ เจ้า…”
ตงเส่เห็นว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลจึงจงใจร้องไห้ให้ดูน่าสังเวชยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเลิกแขนเสื้อขึ้นเพื่อให้เลี่ยวชุนหยู่เห็นเลือดคั่งบนแขนด้วย “คุณชาย ข้าเคยเดินทางผิดหลงระเริงไปกับการพนัน ข้ารู้ว่าตัวเองผิดไปแล้วแต่ข้าไม่สามารถจ่ายหนี้พนันของข้าได้ ข้าถูกคนเหล่านั้นทุบตีจนตายทั้งเป็น… คุณชาย ข้ารู้ว่าท่านจิตใจดีและรักตงเส่คนนี้ที่สุด ท่านรักและเอ็นดูข้าอีกครั้งได้ไหมขอรับ ? ข้าขอร้องท่านล่ะ ช่วยข้าด้วยเถอะนะขอรับ…”
ตงเส่งัดความน่าสงสารทั้งหมดที่มีออกมา ร้องไห้สะอึกสะอื้นดูน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง
เลี่ยวชุนหยู่ดูเหมือนจะร้องไห้ด้วยเช่นกัน เขาเกลียดตงเส่ที่ผลักความผิดทุกอย่างมาให้เขาเพื่อที่ตัวเองจะได้พ้นผิด แต่เขายังคงเป็นเด็กที่มีนิสัยอ่อนโยนคนหนึ่ง มาเห็นเพื่อนเล่นตลอดหลายปีของตัวเองร้องไห้อย่างน่าสังเวชเช่นนี้ เขาจะทนไหวได้อย่างไร
ตงเส่แอบชำเลืองมองเลี่ยวชุนหยู่เล็กน้อย พอเห็นว่าเลี่ยวชุนหยู่เริ่มใจอ่อนลงแล้วก็รู้สึกดีใจทันที เขารีบบีบน้ำตา ร้องไห้ออกมาอย่างเต็มที่และทำตัวน่าสงสารไปด้วย “คุณชาย ท่านลืมไปแล้วหรือขอรับว่าตงเส่อยู่กับท่านตลอดหลายปีมานี้ ข้ารู้ว่าตัวเองผิดแต่ข้ายอมรับผิดทุกอย่างและพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไขจริง ๆ เจ้าหน้าที่ฝ่ายราชการตีข้าห้าสิบไม้กระดานจนเกือบไม่มีชีวิตรอดกลับมา หรือว่าการลงโทษเหล่านี้ยังไม่เพียงพอสำหรับข้า ? คุณชาย ท่านช่วยข้าด้วยเถอะ อากาศหนาวแบบนี้มีหวังข้าแข็งตายอยู่ข้างนอกนี่แน่ ๆ ข้าอยู่ต่อไปไม่ได้จริง ๆ ถึงได้มาหาคุณชาย…”
เจียงป่าวชิงไม่อยู่ดูตงเส่ทำตัวน่าสงสารอีกต่อไปจึงผลักประตูเข้าไปในบ้าน
เจียงฉิงมองพี่สาวที่เข้าไปในบ้านอย่างลังเล นางไม่ชอบยุ่งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนอื่นแบบนี้ แต่นี่…
เจียงฉิงมองเลี่ยวชุนหยู่อย่างลังเลอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเลี่ยวชุนหยู่เช็ดน้ำตาอยู่ที่นั่น นางก็ใจไม่แข็งพอที่จะจากไปเพราะนางกลัวว่าน้องชายจะถูกคำหลอกลวงที่เชื่อไม่ได้ของตงเส่หลอกเอา ซึ่งนั่นอาจทำให้เลี่ยวชุนหยู่ตัดสินใจอะไรที่ไม่ดี นางต้องคอยคุมเชิงอยู่ที่นี่
เจียงฉิงกัดริมฝีปากล่างก่อนจะถอนหายใจด้วยความรู้สึกสุดเซ็ง
เวลาผ่านไปได้ไม่เท่าไหร่ เจียงป่าวชิงก็เดินถือห่อผ้ากลับมา นางวางห่อผ้ากองนั้นลงตรงหน้าตงเส่และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เอาล่ะ ช่วงฤดูหนาวแบบนี้บนพื้นมันหนาวมาก เจ้าเองก็ไม่ต้องคุกเข่าอยู่ที่นี่แล้ว คิดจะทำให้ตัวเองหนาวจนเป็นหวัดแล้วค่อยมาทำตัวน่าสงสารตอนเป็นหวัดให้ชุนหยู่เห็นอีกรึ ?”
น่าแปลกที่ตงเส่มีความรู้สึกหวาดกลัวต่อคุณหนูใหญ่ผู้รูปโฉมงดงามแต่กลับมีความเย็นชาในสายตาอยู่เสมอคนนั้น ดังนั้น ตอนที่เขาสร้างปัญหาก่อนหน้านี้ เขากล้ากับแค่เจียงฉิงแต่ไม่กล้าคิดแตะต้องเจียงป่าวชิงแม้แต่ปลายเล็บ
ตงเส่ขดตัวเล็กน้อย ปรายตามองห่อผ้านั้นแล้วส่งยิ้มเอาใจให้เจียงป่าวชิง แต่การแสดงออกที่แสดงออกมากลับน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก “คุณหนูใหญ่…”
ช่วงนี้เป็นเจียงฉิงที่เล่นกับเลี่ยวชุนหยู่มาโดยตลอด แต่เขาเคารพเจียงป่าวชิงที่เป็นพี่สาวคนโตมากจึงมองนางอย่างตั้งใจและเอ่ยขึ้น “พี่ป่าวชิง…”
เจียงป่าวชิงถอนหายใจพลางลูบศีรษะเลี่ยวชุนหยู่เบา ๆ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเด็กที่อายุยังไม่ถึงสิบขวบด้วยซ้ำ
“ชุนหยู่ ข้ารู้ว่าเจ้าเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจเพราะคำพูดแค่ไม่กี่คำของตงเส่” เจียงป่าวชิงพูดขึ้นเสียงเบา “ใช่ เขาเข้าตาจนแล้วถึงได้มาหาเจ้า แต่เจ้าลองคิดดูสิว่าเจ้าเป็นคนทำให้เขาเข้าตาจนหรือเปล่า เดิมทีเขาสามารถอยู่กับเจ้าที่บ้านได้อย่างสงบสุข แต่เขาทำอะไรลงไปล่ะ ? เขาไปเล่นพนันอะไรไม่เข้าท่าจนเป็นหนี้ก้อนโต แล้วก็มาคิดชั่วพยายามหาทางจัดการกับอาฉิงเพื่อหาเงิน…”
เลี่ยวชุนหยู่ตกใจสะดุ้งโหยงเมื่อถูกเตือนความจำในเรื่องนี้
ตงเส่เห็นว่าเลี่ยวชุนหยู่ที่เดิมทีใกล้ถูกเขากล่อมสำเร็จแล้วถูกเจียงป่าวชิงชี้ให้เห็นความเป็นจริงและโน้มน้าวใจกลับไปอีกครั้งก็รู้สึกลุกลี้ลุกลน รีบเพิ่มเสียงพูดให้ดังกว่าเดิม “คุณชาย ข้ารู้ว่าตัวเองผิดไปแล้ว ข้ารู้ว่าตัวเองผิดไปแล้วจริง ๆ นะขอรับ!”
คิ้วของเจียงป่าวชิงนั้นบางและโค้งสวยราวกับใบหลิว ใบหน้านางดูใจดีในแบบของคนที่น่าจะพูดจาดี แต่สิ่งที่นางพูดออกมาจากปากกลับเป็นเหมือนใบมีดแหลมคม “เหอะ เจ้ารู้ว่าตัวเองผิดจริง ๆ งั้นรึ ? แต่ข้าว่าที่เจ้ามาหาชุนหยู่ มาขอความช่วยเหลือจากเขาในวันนี้มันเป็นเพราะเจ้าถึงคราวเข้าตาจนแล้วต่างหาก”
นี่เป็นช่วงฤดูหนาวแต่กลับมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดอยู่เต็มหน้าผากของตงเส่ ความลุกลี้ลุกลนของเขาถูกแสดงออกมาให้เห็นอย่างไม่ปกปิด “ไม่… ข้า… ข้ารู้ว่าตัวเองผิดไปแล้วจริง ๆ”
เจียงป่าวชิงหัวเราะเบา ๆ ทว่าเมื่อเสียงหัวเราะนี้เข้าไปในหูของตงเส่ มันกลับกลายเป็นการเหน็บแนมที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“หึ ๆ รู้ว่าตัวเองผิดไปแล้วจริง ๆ อย่างนั้นรึ ?” เจียงป่าวชิงพูดขึ้นนิ่งๆ “งั้นตั้งแต่ต้นจนจบทำไมเจ้าถึงไม่กล่าวขอโทษอาฉิงสักคำเลยล่ะ รู้ว่าชุนหยู่ใจอ่อนกับเจ้าเจ้าก็เลยเอาแต่อ้อนวอนชุนหยู่ อาฉิงเป็นผู้เคราะห์ร้ายถูกเจ้าคิดชั่วทำชั่วใส่สารพัด แต่ตั้งแต่ต้นจนจบเจ้ากลับไม่ขอโทษนางสักคำ นี่คือเจ้ารู้ว่าตัวเองผิดแล้วจริง ๆ อย่างนั้นรึ ? เจ้าไม่รู้ว่าตัวเองผิดเลยสักนิด เจ้าแค่ใช้คำว่า ‘รู้ว่าตัวเองผิดไปแล้ว’ มาลบความรังเกียจในใจของชุนหยู่ก็เท่านั้น เส้นทางบนโลกนี้จะมีทางที่ง่ายขนาดนั้นได้ยังไง ในเมื่อเจ้าเลือกเดินทางผิดไปเดินคนละเส้นทางกับชุนหยู่แล้ว แต่กลับคิดจะใช้คำว่ารู้ว่าตัวเองผิดมาลบเลือนความผิดของตัวเอง เจ้าคิดในแง่ดีเกินไปหรือเปล่า ?”
ตงเส่หน้าถอดสี เขาคิดคำพูดโต้แย้งอะไรไม่ออกเลยในตอนนี้ ทำได้เพียงจับชายเสื้อของเลี่ยวชุนหยู่ด้วยความตื่นตระหนก “คุณชาย คุณชายเชื่อข้าเถอะ ข้า… ข้ารู้ว่าตัวเองผิดไปแล้วจริง ๆ”
เลี่ยวชุนหยู่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ท่าทางของเขาในเวลานี้เด็ดเดี่ยวนัก เขาค่อย ๆ กระชากชายเสื้อออกมาจากในมือตงเส่ทีละนิด