แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 371 ลูกหลานตระกูลร่ำรวย
ก่อนหน้านี้เจียงป่าวชิงยืมเอาชื่อเสียงของงานประชุมการบรรยายมาทำให้ลูกหลานตระกูลร่ำรวยคนนี้ตกใจ ครั้งนี้เขากลับมาทำตัวอยากพัวพันกับนางไม่จบไม่สิ้น มันทำให้รู้สึกรำคาญเล็กน้อย
เจียงป่าวชิงขมวดคิ้ว หมุนตัวจะออกไปจากตรงนี้ ทว่าแม้ชายคนรับใช้จะรู้สึกหวาดกลัวต่อการที่เขาถูกอะไรไม่รู้จิ้มเมื่อครู่แค่ไหน เขาก็ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งเจ้านายของเขาจึงต้องยืนกรานและพยายามขวางเจียงป่าวชิงอย่างเต็มที่ “อ้าวแม่นางอย่าเพิ่งไป นายท่านของข้ากำลังลงมาแล้ว”
เจียงป่าวชิงก้าวถอยหลัง มองมือของชายคนรับใช้ที่ยื่นออกมาขวางด้วยสีหน้าเย็นชา “ลองแตะต้องตัวข้าอีกครั้งสิ”
ชายคนรับใช้ยังหวาดผวาอยู่จึงมีความลังเลเล็กน้อย
เจียงป่าวชิงเห็นถึงจังหวะนั้นก็เดินอ้อมเขาไป ทันใดนั้นเอง เสียงตะโกนของลูกหลานตระกูลร่ำรวยคนนั้นดังมาจากทางด้านหลัง “แม่นางอย่าเพิ่งไปสิ! เร็ว! พวกเจ้ารีบไปขวางนางให้ข้าเร็วเข้า!”
เจียงป่าวชิงเร่งฝีเท้า แต่ถึงอย่างไรนางไม่ได้มีกังฟูติดตัว สุดท้ายถูก “กู่หวายเจี๋ย” คุณชายผู้ซึ่งเป็นลูกหลานตระกูลร่ำรวยขวางไว้จนได้
“ฮ่า ๆ แม่สาวงาม ต่อให้เจ้าหนีเจ้าก็หนีไม่พ้นนิ้วมือของข้าหรอก” น้ำเสียงภาคภูมิใจของกู่หวายเจี๋ยดังขึ้นจากทางด้านหลัง เจียงป่าวชิงไม่ได้ลุกลี้ลุกลน นางหมุนตัวกลับไปมองเขาคนนั้นที่กำลังลำพองใจโดยไม่ได้พูดอะไร
ลูกหลานตระกูลร่ำรวยมองดูสาวงามในชุดเรียบง่าย หมวกผ้าคลุมขนสัตว์ขับให้ใบหน้าสะอาดดูเหมือนประติมากรรมหยกเนื้อเยี่ยมซึ่งเขารู้สึกถูกอกถูกใจมาก แววตาฉายความอยากได้อยากครอบครองไม่สามารถปกปิดได้เลย
เจียงป่าวชิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ขอบคุณสำหรับคำเชิญ แต่ไม่เป็นไร”
กู่หวายเจี๋ยก้าวมาข้างหน้าเล็กน้อย เหล่าสหายที่คอยตามก้นเขาก็รีบตีวงล้อมเข้ามาราวกับกลัวว่าเจียงป่าวชิงจะหนี แล้วยังชายคนรับใช้คนนั้นอีก พวกเขารวมตัวกันจนกลายเป็นว่ากำลังขนาบเจียงป่าวชิงอยู่ในขณะนี้
กู่หวายเจี๋ยอยากเห็นท่าทีตื่นตระหนกของสาวงามที่ไม่เป็นสองรองใครคนนี้ แต่เจียงป่าวชิงกลับทำให้เขาผิดหวัง นางดูสงบราวกับว่าเหตุการณ์ตรงหน้าไม่สามารถทำอะไรนางได้อย่างไรอย่างนั้น
หรือว่าสาวงามคนนี้ก็เป็นคนที่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรด้วยเช่นกัน
กู่หวายเจี๋ยลังเลเล็กน้อย
ไม่สิ ตอนนี้ครอบครัวของเขาเป็นแม่สื่อให้เขาทุกที่ มีหรือที่เขาจะไม่รู้จักสาวงามที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง แต่เขาไม่เคยเห็นและไม่เคยได้ยินว่ามีครอบครัวไหนมีบุตรสาวที่เป็นสาวงามหาที่เปรียบมิได้อย่างเช่นแม่นางตรงหน้าคนนี้เลย
อีกอย่าง นอกเหนือจากบรรดาเจ้าหญิงแล้ว มีหรือที่คนอย่างเขาจะสู่ขอไม่ไหว ?
ก่อนหน้านี้มีงานที่น่ารำคาญอย่างงานประชุมการบรรยาย เขาจึงไม่อยากทำเรื่องให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ถึงได้ปล่อยสาวงามมีหนามแหลมคมคนนี้ไป แต่หลังจากกลับไปเขาก็คิดถึงนางทั้งวันทั้งคืน คิดถึงจนรู้สึกทุกข์ทรมาน และแม้แต่ความสนใจในการดื่มเหล้าดอกไม้ที่เขาชอบก็ยังไม่มี มันเป็นอะไรที่ทุกข์ทรมานมากจริง ๆ
เป็นพวกเพื่อน ๆ เขาที่ลากเขาออกมาในวันนี้ แต่นี่ไม่ใช่โชคชะตาหรอกรึ เพียงเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างโดยบังเอิญก็เจอเข้ากับสาวงามที่เขากำลังคิดถึงทั้งวันทั้งคืนคนนั้น
ไม่สนใจอะไรแล้ว เขาจะต้องครอบครองนางให้ได้ ได้ครอบครองก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากัน ก่อนหน้านี้องค์รัชทายาทเพิ่งสูญเสียพระชายาไป เจ้าชายอีกสองสามองค์ก็ใกล้พ้นวัยเด็กเปลี่ยนกลายเป็นเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้วด้วย มีข่าวบอกว่าในวังใกล้เลือกสาวงามแล้ว รูปลักษณ์อย่างแม่นางคนนี้ ถ้าหากว่าเข้าไปในวังต้องถูกเลือกให้อยู่ต่อเป็นแน่แท้ ถ้าเขาไม่ลงมือตอนนี้คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว
กู่หวายเจี๋ยตัดสินใจ แววตาของเขาที่มองเจียงป่าวชิงนั้นร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เขายื่นมือออกไปหาเจียงป่าวชิง
เจียงป่าวชิงก้าวถอยหลังโดยไม่ได้พูดอะไร แต่ในหัวของนางกำลังคิดหาแผนการรับมืออย่างรวดเร็ว
ชายคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นสหายข้างกายกู่หวายเจี๋ยพูดขึ้น “แม่นาง เจ้าคิดให้ดี ๆ ดูจากการแต่งตัวของเจ้าแล้วก็ไม่เหมือนแม่นางที่มาจากตระกูลร่ำรวยอะไร เพียงแค่เจ้าพยักหน้ายอมตกลงไปอยู่กับคุณชายกู่ของพวกเรา ต่อไปเจ้าจะได้ใส่ทองใส่เงิน ได้อยู่ดีกินดี แบบนี้ดีออกจะตายไป”
เจียงป่าวชิงเหลือบมองชายคนนั้นเล็กน้อย นางมาที่เมืองหลวงตลอดหลายวันนี้และตอนไปที่ร้านขายผ้าเพื่อเลือกวัสดุสำหรับทำเสื้อผ้าใส่เอง นางเข้าใจเกี่ยวกับราคาผ้าในเมืองหลวงแล้ว การแต่งตัวของชายคนที่พูดเมื่อกี้นี้ไม่ได้ดีเท่าคุณชายกู่อะไรนั่น และเมื่อดูจากคำพูดไม่กี่ประโยคของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหมารับใช้ประเภทชอบประจบสอพลอเพื่อเข้าหาผู้มีอิทธิพล
เจียงป่าวชิงพูดด้วยจิตใจสงบ “ในเมื่อดีขนาดนั้น เจ้าไปอยู่กับคุณชายกู่เองไม่ดีกว่าหรือ ?”
ชายคนนั้นชะงักไป จนเข้าใจความหมายในคำพูดของเจียงป่าวชิง ใบหน้าของเขาถึงเปลี่ยนเป็นแดงก่ำในทันใด พร้อมทั้งชี้นิ้วไปที่เจียงป่าวชิงด้วยความโกรธเคือง “เจ้า!”
“เฮ้ ๆ ๆ อย่าเป็นเช่นนี้กันเซ่” กู่หวายเจี๋ยแสร้งทำเป็นกล่อมชายคนนั้น เขาไม่ได้โกรธอะไรแต่กลับรู้สึกดีใจด้วยซ้ำ เขาคุ้นชินกับผู้หญิงที่ถูกลวนลามและก้มหน้าด้วยความโกรธ และคุ้นชินกับพวกผู้หญิงในร้านดนตรีที่อยากปฏิเสธแต่กลับต้องต้อนรับพวกเขาเพราะมันเป็นหน้าที่ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอกับผู้หญิงที่สงบเยือกเย็นอย่างสาวงามตรงหน้าคนนี้
สาวงามที่สวยเพริศพริ้งที่สุด แม้แต่นิสัยของนางก็ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
“เอาล่ะแม่นางคนงาม สิ่งที่เรียกว่ากลางคืนที่สวยงามมีค่าเท่ากับเงินจำนวนมาก เราอย่ารอช้ากันเลยดีกว่า ไปเถอะ” ในแววตาของกู่หวายเจี๋ยเต็มไปด้วยความลามก เขามองเจียงป่าวชิงด้วยความอยากได้อยากครอบครอง เหลือแค่น้ำลายไหลเท่านั้นเขาก็จะดูน่าเกลียดโดยสมบูรณ์
เจียงป่าวชิงยิ้มเจิดจรัส ยิ้มจนกู่หวายเจี๋ยตาค้างแยกทิศทางไม่ถูกเลยทีเดียว
“เจ้าชื่ออะไร ?” เจียงป่าวชิงถาม
กู่หวายเจี๋ยหลงใหลจนจิตวิญญาณกลับตาลปัตรโดยสิ้นเชิง เขาตอบ “ข้า กู่หวายเจี๋ย แม่นางคนงามจ๋า เจ้าเคยได้ยินหรือเปล่าหืม ? กู่เชิ่งหวู่ที่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อันดับสองในราชสำนักคือพ่อของข้าเอง”
“อ้อ ข้ารู้แล้วล่ะ” น้ำเสียงของเจียงป่าวชิงนุ่มนวลมาก นางโบกมือให้กับกู่หวายเจี๋ย “เจ้าเข้ามาใกล้ ๆ สิ”
กู่หวายเจี๋ยหลงใหลกับความงามราวกับได้ขึ้นสวรรค์ พวกเพื่อนข้างกายเขาต่างก็มองกันอย่างอิจฉาและอยากเดินเข้าไปหาสาวงามด้วยเช่นกัน เจียงป่าวชิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ข้าให้คุณชายกู่เดินเข้ามาหาแค่คนเดียว พวกเจ้าตามมาทำไม ?”
ขณะนี้กู่หวายเจี๋ยหลงใหลเจียงป่าวชิงจนแยกทิศไม่ถูกแล้ว แน่นอนว่านางพูดอะไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น เขารีบหันไปตวาดพวกเพื่อนที่อยู่ด้านข้าง “อย่าสะเออะ นางไม่ได้เรียกพวกเจ้า พวกเจ้าจะเข้ามาร่วมสนุกด้วยทำไมเล่า!” จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปหาเจียงป่าวชิงด้วยรอยยิ้มลามก “แม่สาวสวย เจ้าอดใจรอไม่ไหวที่จะได้ใกล้ชิดกับข้าแล้วงั้นหรือจ๊ะ ?”
เจียงป่าวชิงทำเป็นยิ้มเขินพลางปัดมือไปตรงข้อมือซ้ายอย่างเร็วชนิดที่ว่าคนอื่นต้องไม่ทันสังเกตเห็น จากนั้นยื่นมือออกไปหากู่หวายเจี๋ย
กู่หวายเจี๋ยมองดูมือที่ยื่นมาหาเขาพร้อมกลืนน้ำลายอย่างต่อเนื่องด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็ยื่นแขนออกไป อยากจะลูบมือเล็กขาวนวลของสาวงามด้วยเช่นกัน แต่ทว่า สาวงามฝั่งตรงข้ามกลับไม่ได้ทำให้เขาสมปรารถนา
ทันใดนั้น เจียงป่าวชิงดึงแขนของกู่หวายเจี๋ยด้วยแขนซ้าย และรีบปัดมือขวาของนางอย่างรวดเร็วผ่านจุดฝังเข็มหลายจุดบนร่างของกู่หวายเจี๋ย เข็มเงินที่คีบอยู่ตรงปลายนิ้วทั้งหมดถูกส่งไปยังร่างกายของเขา
กู่หวายเจี๋ยรู้สึกเหมือนถูกผึ้งต่อย ความรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ ผ่านไป ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อจนไม่สามารถก้าวต่อไปได้และเขาก็พูดไม่ชัดอีกเลย
เจียงป่าวชิงพูดขึ้นอย่างจริงจัง “หืม คุณชายกู่ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกตินะ” พูดจบ นางเก็บเข็มเงินกลับมาจากจุดฝังเข็มในร่างกายของกู่หวายเจี๋ยทีละแท่ง
แต่การจิ้มยาเข้าไปยังจุดฝังเข็มนี้ ผู้ที่มีวิทยายุทธ์ติดตัวยังต้องรวบรวมลมหายใจอยู่ครู่หนึ่งเลย นับประสาอะไรกับคนที่ร่างกายสึกกร่อนด้วยสุรานารีอย่างกู่หวายเจี๋ย
เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว