แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 374 ซื้อถ่าน
การสังสรรค์เล็ก ๆ ครั้งนี้กล่าวได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขสำหรับทั้งเจ้าบ้านและแขกผู้มาเยือน แต่สิ่งที่ฟ้าไม่เป็นใจคือหลังอาหารกลางวันในตอนเที่ยงวัน ก็มีพระราชเสาวนีย์ของพระชนนีมาจากในวัง ประกาศให้ผู้เฒ่าหยุนไห่เข้าไปบรรยายในวัง
คำสั่งศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถละเมิดได้ ผู้เฒ่าหยุนไห่จัดแจงบอกกับพวกเจียงหยุนชานและเข้าไปในวังทันที
เผยหยู่เจ๋อดูแลเรื่องการต้อนรับอย่างใจเย็น หลังจากที่เจียงหยุนชานพาเจียงป่าวชิงและคนอื่น ๆ นั่งพักกันสักครู่แล้ว เขาถึงจะขอตัวลา
ตอนที่พาแขกออกมาส่ง เผยหยู่เจ๋อก็เรียกเจียงหยุนชานอย่างเอ้อระเหย “ศิษย์น้อง… ท่านอาจารย์อายุมากแล้วและรักการกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันมากขึ้นเรื่อย ๆ หากเจ้ามีเวลาก็พาพวกน้อง ๆ ของเจ้ามานั่งเล่นที่บ้านท่านอาจารย์บ่อย ๆ สิ”
เจียงหยุนชานพยักหน้า “ถูกอย่างที่ศิษย์พี่ว่า ข้าจะจำไว้ขอรับ”
สายตาของเผยหยู่เจ๋อเลื่อนไปจับจ้องเจียงป่าวชิงแล้วยิ้มเล็กน้อย “น้องเจียง วันหลังมาเที่ยวเล่นบ่อย ๆ นะ”
เจียงป่าวชิงยิ้มและตอบรับ
……
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เจียงป่าวชิงก็พาเจียงฉิงกับเลี่ยวชุนหยู่ไปดูรายการส่งของขวัญที่ผู้เฒ่าหยุนไห่มอบให้อย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วถึงจะพบว่านอกจากรถม้า ของขวัญสำหรับโอกาสการพบเจอกันที่ผู้เฒ่าไห่มอบให้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกของปัจจัยสี่ ทุกคนดูออกว่ามันทั้งถูกเลือกมาอย่างประณีตและใช้ได้จริง ดูก็รู้ว่าผู้เฒ่าหยุนไห่เอาใจใส่เป็นอย่างมาก
เจียงหยุนชานรู้สึกขอบคุณสำหรับความกรุณาของท่านอาจารย์ที่มีต่อเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
ด้วยผลงานของผู้เฒ่าหยุนไห่ ภาชนะที่ใช้บรรจุพวกข้าวของเครื่องใช้ในห้องหนังสือของเจียงฉิงและเลี่ยวชุนหยู่จึงถูกปรับเปลี่ยนยกใหญ่ และตอนที่ครูเวินมาสอนในวันรุ่งขึ้น นางก็ยิ้มเมื่อเห็นที่ล้างพู่กันลายดอกเหมยอันใหม่
“โอ้! ดูเหมือนว่าอาจารย์จูจะให้ความสำคัญกับพวกเจ้ามากทีเดียว” ครูเวินชี้ที่ล้างพู่กันลายดอกเหมยนั้นแล้วพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ที่ล้างพู่กันอันนี้เป็นของดีที่ค่อนข้างมีอายุยาวนาน ตอนที่ข้ากับสามีไปเป็นแขกที่บ้านอาจารย์จูก็เคยเห็นมันในห้องหนังสือของอาจารย์จูมาก่อน ตอนนั้นอาจารย์จูรักและทะนุถนอมมันมาก ตอนนี้ข้าได้มาเห็นมันอีกครั้ง เวลาผ่านไปหลายสิบปีแต่ของสิ่งนี้ก็ยังเป็นเช่นเมื่อวาน” พูดจบ ครูเวินก็นึกถึงสามีที่เสียชีวิตไป ความเศร้าโศกพลันวาบผ่านทางสีหน้าของนาง
จูคือแซ่ของผู้เฒ่าหยุนไห่ เดิมทีเจียงป่าวชิงกำลังเพิ่มถ่านอยู่ด้านข้าง พอนางเห็นว่าคุณนายเวินมีสีหน้าอ้างว้างก็เลือกที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เอ… จะว่าไปแล้ว ช่วงนี้ขาของครูเวินเป็นยังไงบ้างเจ้าคะ ?”
พูดถึงเรื่องนี้ ครูเวินก็ยิ้มออกมาให้เห็น “จะว่าไปแล้วก็ต้องขอบคุณเจ้ามาก ยาที่เจ้าแนะนำได้ผลดีมาก เมื่อก่อนข้าไม่เพียงแต่เจ็บขาและเท้าเท่านั้น ตอนฤดูหนาวขากับเท้าข้ามักรู้สึกเย็นเกินอยู่บ่อยครั้ง แม้แต่ห้องอุ่น ๆ ก็ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ แต่หลังจากที่ข้ากินยาตามที่เจ้าแนะมา อาการปวดก็บรรเทาลงมากทีเดียว และความรู้สึกเย็นตรงขากับเท้าก็ไม่มีมากวนใจแล้ว” พูดถึงช่วงสุดท้าย ครูเวินก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ป่าวชิง ข้าต้องขอบคุณเจ้ามากจริง ๆ”
“ครูเกรงใจเกินไปแล้วเจ้าค่ะ” เจียงป่าวชิงพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ครูมีบุญคุณอันใหญ่หลวงที่ยอมสอนพวกน้อง ๆ ของข้าให้อ่านเขียนและรู้จักมารยาทอันดี ข้าแค่บังเอิญเจอกับโอกาสนั้นพอดีก็เท่านั้นเองเจ้าค่ะ”
“เห็นได้ว่าอาฉิงกับชุนหยู่เป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้กับข้า” ครูเวินพูดยิ้ม ๆ
จังหวะนั้น เลี่ยวชุนหยู่พูดแทรกขึ้นมา “ครูเวินขอรับ ถ้าอย่างนั้นข้าสามารถเขียนตัวอักษรการบ้านน้อยลงสำหรับ ‘โอกาส’ ของข้าบ้างได้ไหมขอรับ ?”
ครูเวินส่งเสียงหัวเราะ “ไม่ได้ และยังมีอีกนะชุนหยู่ เมื่อวานตัวอักษรของเจ้ามีสองหน้าที่ข้าเห็นว่าเจ้าเขียนค่อนข้างลวกไปหน่อย วันนี้เจ้าจะต้องเขียนเพิ่มอีกสองหน้า”
เลี่ยวชุนหยู่ส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาทันที
……
อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อนหิมะก็ตกติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ถ่านในบ้านก็เริ่มไม่พอแล้ว วันนี้เจียงป่าวชิงจึงพกเงินจำนวนหนึ่งและเตรียมไปซื้อถ่านจากร้านขายฟืน
เนื่องจากเจียงฉิงกับเลี่ยวชุนหยู่ร่ำเรียนวิชากับครูเวินอยู่ในห้องตำรา เจียงป่าวชิงจึงไม่อยากปล่อยให้ควันคลุ้งดวงตาของเด็กทั้งสอง นางเลือกใช้ถ่านกระดูกเงินไร้ควันชั้นดีซึ่งนี่เป็นของหายากแม้แต่ในร้านขายฟืน สินค้ามีไม่มากและราคาค่อนข้างสูง
เจียงป่าวชิงไปที่ร้านขายฟืนติดต่อกันสี่ร้านและสินค้าก็หมดทุกร้าน แต่โชคดีที่ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสําเร็จอยู่ที่นั่น ในที่สุดเจียงป่าวชิงก็หาถ่านกระดูกเงินไร้ควันเจอจากในร้านขายฟืนแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้ใจกลางเมืองหลวง
ถ่านกระดูกเงินมีระดับชั้นของมันโดยแบ่งเป็นสามแบบสามคุณภาพ แบบคุณภาพธรรมดา แบบคุณภาพดี และแบบคุณภาพสูงสุด ถ่านกระดูกเงินที่ขายอยู่ในร้านขายฟืนที่มีป้ายของตระกูลจางแขวนไว้อยู่หน้าร้านส่วนใหญ่จะเป็นแบบคุณภาพธรรมดา แบบคุณภาพดีเหลืออยู่ไม่มาก ส่วนแบบคุณภาพสูงสุดก็มีด้วยเช่นกันแต่เหลือเพียงแปดตะกร้าเท่านั้น
ตอนนี้เจียงป่าวชิงถือว่าเป็นเศรษฐีนีตัวน้อยแต่นางก็ไม่ใช่คนฟุ่มเฟือยที่ชอบใช้จ่ายไม่บันยะบันยัง แน่นอนว่านางจะไม่ซื้อถ่านกระดูกเงินแบบคุณภาพสูงสุดที่มีกลิ่นหอมแตกต่างไปนั้น
เจียงป่าวชิงพลิกดูถ่านกระดูกเงินแบบคุณภาพธรรมดาในตะกร้าที่จัดวางไว้เป็นตัวอย่างของทางร้าน แต่ทว่าเมื่อหยิบขึ้นมาสัมผัสมัน ก็สังเกตเห็นว่าถ่านกระดูกเงินที่เรียกกันว่า “แบบคุณภาพธรรมดา” ของร้านนี้คุณภาพไม่ดีเท่าไหร่นัก ภายนอกดูเหมือนแห้ง แต่พอลูบด้านหลังของมันดูก็พบว่ายังคงมีความชื้นอยู่บ้างเล็กน้อย และคงจะมีควันเล็กน้อยเมื่อเผาไหม้
พนักงานของร้านคงเห็นว่าเจียงป่าวชิงยืนขมวดคิ้วอยู่ตรงนั้นจึงเดินเข้ามาหาอย่างกระตือรือร้น
วันนี้เจียงป่าวชิงแต่งเป็นชายอีกแล้ว พนักงานร้านจึงเอ่ยทักว่า “คุณชายต้องการซื้อถ่านรึ ? ถ่านกระดูกเงินของร้านเรานั้นมักจะถูกส่งให้กับผู้คนที่เฟิงผิงเหมิน” พูดจบ พนักงานก็กดเสียงให้เบาลงพลางทำท่าทางลึกลับ “แต่เมื่อต้นปีที่แล้วมีการปลดขุนนางกลุ่มหนึ่งออกจากตำแหน่ง เดิมทีถ่านนี้เป็นถ่านที่สั่งไว้เมื่อปีที่แล้วแต่ปีนี้กลับไม่ต้องการถึงได้เหลืออยู่แบบนี้ยังไงล่ะ เราขายไม่แพงหรอก ตะกร้าใหญ่แบบนี้ขายราคาแค่เจ็ดสลึงเอง อย่าหาว่าข้าอย่างนู้นอย่างนี้เลย ถ้าท่านจะซื้อก็ต้องรีบหน่อย มิเช่นนั้นจะไม่เหลือแม้แต่ตะกร้านี้”
เจียงป่าวชิงยิ้มน้อย ๆ นางไม่ได้ลุ่มหลงกับคำโน้มน้าวเกินจริงที่เชื่อไม่ได้ของพนักงาน ถ่านกระดูกเงินนี้ราคาถูกกว่าหลายร้านข้างนอกก็จริง แต่น้ำหนักมันค่อนข้างน้อยไปหน่อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณภาพที่ไม่เป็นที่น่าพอใจของผู้คนเลยด้วยซ้ำ
สายตาของเจียงป่าวชิงไปหยุดอยู่ที่ถ่านกระดูกเงินแบบคุณภาพดีอีกครั้ง นางยื่นมือออกไปคลำถ่านในตะกร้าและพบว่าคุณภาพดีกว่าแบบคุณภาพธรรมดาจริง ๆ มันแห้งกำลังดี แบบนี้เด็กสองคนก็สามารถผ่อนคลายความเมื่อยล้าดวงตาจากการอ่านตำราได้แล้ว ถ่านที่ใช้เผากันอยู่ที่บ้านตอนนี้ถือว่าไม่แย่ เพียงแต่มันมีควันเล็กน้อยซึ่งเจียงป่าวชิงสังเกตเห็นว่าเลี่ยวชุนหยู่ขยี้ตาอยู่ตลอดเวลา พอเรียนเป็นเวลานานเข้าดวงตาของเขาก็แดงเหมือนกระต่าย ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนประเภทที่ไวต่อควันถ่าน
พนักงานร้านสังเกตสีหน้าเก่งมาก เมื่อเห็นว่าเจียงป่าวชิงดูเหมือนจะพอใจกับถ่านกระดูกเงินแบบคุณภาพดีก็รีบทำการแนะนำถ่านกระดูกเงินแบบคุณภาพดีทันที
อย่างไรก็ตาม เจียงป่าวชิงไม่ชอบฟังคนที่พูดไปเรื่อยจึงยื่นมือออกไปห้ามคำพูดยาวเหยียดของเขาแล้วเอ่ยถามอย่างกระชับรัดกุม “ถ่านแบบนี้เท่าไหร่หรือ ?”
อันที่จริงถ้าหากเป็นไปได้ พนักงานร้านก็ไม่อยากพูดไร้สาระกับลูกค้าหรอก และพวกเขาก็ชอบลูกค้าที่ตรงไปตรงมาอย่างเจียงป่าวชิงมาก พนักงานร้านยื่นมือออกไปแล้วพลิกดู “ตะกร้านี้ราคาหนึ่งตำลึงกับอีกสามสลึงจ้ะ”
นี่มันราคาเกือบสองเท่าของถ่านแบบคุณภาพดีในท้องตลาด!
แต่เจียงป่าวชิงไม่แม้แต่จะกะพริบตาในตอนจ่ายเงิน
“เอามาห้าตะกร้าก่อนดีกว่า” นางเอ่ยก่อนจะถามคำถามสำคัญ “ที่นี่นำของไปส่งถึงบ้านได้หรือเปล่า ?”
จู่ ๆ ก็สามารถทำการค้าที่ใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างง่ายดาย พนักงานร้านยิ้มด้วยความดีใจและพยักหน้าหงึกหงักหลังจากดูกระดาษวาดเส้นทางบอกทางไปที่บ้านซึ่งเจียงป่าวชิงยื่นให้ดู
“นี่บ้านของท่านใช่ไหม ส่งได้จ้ะ ส่งได้ อ๊ะ ไอ้โย! อย่าหาว่าข้าอย่างนู้นอย่างนี้เลยนะ แต่แปลงที่ดินบ้านท่านนั้นดีมากเลยจริง ๆ และมันแพงมากด้วยนะคุณชาย”
เจียงป่าวชิงยิ้มน้อย ๆ แน่นอนอยู่แล้ว นางเองก็รู้ว่าตำแหน่งของบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ผู้เฒ่าหยุนไห่มอบให้เจียงหยุนชานนั้นดีมาก นางรู้ตั้งแต่วันแรกที่มายังเมืองหลวงแล้ว
ตอนที่เจียงป่าวชิงจ่ายเงินเสร็จและกำลังจะกลับ สาวใช้ที่ดูเย่อหยิ่งคนหนึ่งก้าวเข้ามาในร้าน ดวงตาของนางเหมือนอยู่บนจมูก น้ำเสียงนางก็ฟังดูเย่อหยิ่งมากเช่นกัน
“พนักงาน เอาถ่านกระดูกเงินชั้นดีมาให้ข้าสักสามสิบตะกร้าหน่อยสิ”