แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 375 สามสิบตะกร้า
เดิมทีพนักงานก็เดินเข้าไปต้อนรับด้วยท่าทางที่มีชีวิตชีวามากอยู่แล้ว พอได้ยินว่า “ถ่านกระดูกเงินชั้นดีสามสิบตะกร้า” เขาก็ยิ้มแย้มดีใจก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ สีหน้าเขาพลันแข็งทื่อไปเล็กน้อย ถูมือไปมาและพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ไอ้โยแม่นางท่านนี้ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ จ้ะ เดิมทียังมีถ่านกระดูกเงินชั้นดีเป็นจำนวนสามสิบตะกร้าพอดี แต่บังเอิญว่าเพิ่งถูกขายไปแล้วห้าตะกร้า เอาอย่างนี้ดีไหมจ๊ะ ท่านลองดูว่าซื้อถ่านกระดูกเงินแบบคุณภาพดีสักยี่สิบห้าตะกร้าก่อนจะได้หรือเปล่าจ๊ะ ?”
“ยี่สิบห้าตะกร้าอย่างนั้นรึ ?!” สาวใช้ขมวดคิ้วทรงใบหลิวด้วยความโกรธ “นี่เจ้าสั่งใคร! คุณหนูของข้าระบุไว้อย่างชัดเจนว่าต้องการสามสิบตะกร้า ขาดแม้แต่ตะกร้าเดียวก็ไม่ได้ เจ้าทำอย่างขอไปทีกับใครรู้ไหม ฮะ ?!”
สาวใช้สวมใส่กระโปรงสีฟ้าลายดอกไม้ที่ตระกูลร่ำรวยนิยมใส่กัน มองแวบแรกนางดูเหมือนเป็นสาวใช้ธรรมดา ๆ แต่นางสวมเสื้อคลุมผ้าต่วนลายดอกไม้สีข้าวสารไว้ที่ด้านนอกกระโปรงหนา ๆ ของนาง นอกจากนี้นางยังเสียบปิ่นปักผมสีทองเลื่อมไข่มุกตรงริมขอบเล็กน้อยไว้อยู่บนศีรษะ และต่างหูไข่มุกคู่หนึ่งก็กำลังแกว่งอยู่ข้างหูของนางเบา ๆ ประกอบกับท่าทางเย่อหยิ่งนั้น เมื่อลองมองดูอย่างละเอียดแล้ว มันไม่เหมือนอะไรที่คนเป็นสาวใช้จะมีได้
พนักงานร้านรีบพูดขึ้นยิ้ม ๆ ทันที “แม่นาง… แม่นางฟังข้าก่อน ข้าไม่ได้ปฏิบัติกับท่านอย่างขอไปทีจริง ๆ นะ แต่บังเอิญว่าก่อนหน้าที่ท่านจะมา คุณชายท่านนี้…” พนักงานผายมือไปทางเจียงป่าวชิง “…เพิ่งซื้อไปแล้วห้าตะกร้า ถ้าท่านไม่เชื่อก็สามารถถามคุณชายท่านนี้ได้เลย ข้าจำเป็นต้องแนะนำให้ท่านลองดูอย่างอื่น ในร้านของเรายังมีถ่านกระดูกเงินแบบอื่นอีกซึ่งไม่แตกต่างจากถ่านกระดูกเงินแบบคุณภาพดีเหล่านี้เลยจ้ะ”
สาวใช้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที นางพูดด้วยน้ำเสียงแหลมคมทว่าเบา “เหอะ! เจ้ารังแกข้าเช่นนี้ไม่รู้อะไรซะแล้ว คิดจะใช้สินค้าด้อยคุณภาพมาหลอกข้าล่ะสิ เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นคนของตระกูลไหน ที่เจ้าเฉยเมยเช่นนี้นี่อยากมีปัญหากับตระกูลของเราใช่ไหม ?!”
สาวใช้หยุดชะงัก นางแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อยและพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “เอ่อ… ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ก็ได้ นายท่านของข้าแซ่จ้ง อยู่ที่เฟิงผิงเหมิน วันนี้ข้าออกมาซื้อของตามคำสั่งคุณหนูที่บ้าน เจ้าลองชั่งน้ำหนักดูก็แล้วกันว่าจะทำยังไง จะขายให้ใคร!”
เหงื่อเม็ดเล็ก ๆไหลลงมาจากบนหน้าผากของพนักงานร้าน
แซ่จ้งนั้นเป็นหนึ่งในหมู่คนที่มีอำนาจ มีเพียงตระกูลเดียวที่แซ่จ้งและอยู่ที่เฟิงผิงเหมินนั่นก็คือ–จวนเอินเวยโป๋
เมื่อเห็นพนักงานตกใจจนตกอยู่ในสภาพน่าเวทนา สาวใช้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย ทว่านางส่งเสียงไม่พอใจออกมา “เหอะ! ดูจากท่าทางของเจ้าแล้ว เจ้าเองก็ถือว่าเป็นคนที่ค่อนข้างมีความรู้อยู่บ้าง ในเมื่อรู้แล้วว่าภูมิหลังของข้าเป็นยังไง งั้นเจ้าก็รีบรวบรวมถ่านกระดูกเงินชั้นดีให้ครบสามสิบตะกร้าแล้วขายให้ข้าซะ คุณหนูของข้ากำลังรออยู่!”
พนักงานใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้ว “แม่นาง… แต่ช่วงนี้มีคนมาซื้อถ่านกระดูกเงินเป็นจำนวนมาก ประกอบกับเกิดภัยพิบัติใกล้พื้นที่ตั้งโรงผลิตถ่านกระดูกเงินและสถานการณ์ยังไม่ค่อยฟื้นตัวมากนัก ร้านเราเองก็ไม่ค่อยมีสินค้าแล้วด้วย เร็วที่สุดกว่าที่สินค้าชุดใหม่จะมาส่งก็คงเป็นวันมะรืน ถ้าอย่างนั้นท่านนำถ่านยี่สิบห้าตะกร้ากลับไปก่อน เมื่อสินค้ามาถึงแล้ว ข้าค่อยให้คนนำถ่านกระดูกเงินอีกห้าตะกร้าไปส่งที่จวน ท่านว่าแบบนี้ได้หรือเปล่าจ๊ะ ?”
“วันมะรืนอย่างนั้นรึ ?!” เสียงของสาวใช้สูงขึ้นกว่าเดิม “ข้าไม่ได้บอกไปแล้วหรือไงว่าต้องการเดี๋ยวนี้! เหอะ! วันมะรืน… วันมะรืนผักดอกเข็มก็เย็นกันพอดี—— ” สาวใช้หุบปากอย่างกะทันหัน จากนั้นก็เม้มปากอย่างหงุดหงิด
เจียงป่าวชิงไม่ได้ตั้งใจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย หลังจากที่นางล้างมือที่ไปลองจับถ่านตรงอ่างล้างมือในร้านขายฟืนแล้ว ก็จัดการกับรูปลักษณ์ของตัวเองเล็กน้อยและตอนที่กำลังจะออกจากร้าน สาวใช้ผู้เย่อหยิ่งคนนั้นก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ นางเรียกเจียงป่าวชิงอย่างผู้ที่เหนือกว่า “เฮ้! คนที่อยู่ตรงนั้นน่ะอย่าเพิ่งไป”
เจียงป่าวชิงไม่ได้หยุดฝีเท้าลง
โดยทั่วไปแล้ว ถ้าหากถูกเรียกเช่นนี้คงไม่ใช่เรื่องดีอะไรอย่างแน่นอน
สาวใช้คนนั้นเห็นว่าเจียงป่าวชิงทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ก็ขมวดคิ้วมุ่น รีบสาวเท้าเดินไปขวางทางเจียงป่าวชิงด้วยความโกรธเล็กน้อย
เจียงป่าวชิงมองสาวใช้ด้วยสีหน้าราบเรียบพร้อมเอ่ยว่า “โปรดหลีกทางด้วย”
การเงยหน้าขึ้นมาของเจียงป่าวชิงทำให้สาวใช้คนนั้นตกใจมาก นางไม่คิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ ท่าทีของสาวใช้จึงดีขึ้นมาหน่อย แต่น้ำเสียงของนางยังคงมีความเย่อหยิ่งอย่างผู้ที่เหนือกว่าเจืออยู่ “เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้า เจ้าไม่ได้ยินรึ ?”
สีหน้าของเจียงป่าวชิงนิ่งมาก “ข้าได้ยินอย่างชัดเจนว่าที่เจ้าเรียกเมื่อครู่นี้คือ ‘คนที่อยู่ตรงนั้น’ แต่ข้าไม่ได้ชื่อ ‘คนที่อยู่ตรงนั้น’”
“…” สาวใช้ถูกประโยคง่าย ๆ ของเจียงป่าวชิงตอกหน้าจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว นางพยายามระงับไฟโกรธในใจก่อนจะแค่นเสียงพูดออกมาอย่างแข็งกระด้าง “ถ้าอย่างนั้นข้าจะบอกเจ้าตอนนี้ว่าข้าเรียกเจ้า มีเรื่องจะคุยกับเจ้า เจ้ายกถ่านกระดูกเงินห้าตะกร้าของเจ้าให้ข้าซะ มันจะได้เพียงพอสำหรับถ่านสามสิบตะกร้าของครอบครัวข้า!”
ช่างโอหังและอวดดีจริง ๆ
เมื่อบอกให้เจียงป่าวชิงที่อยู่ตรงนี้ทราบแล้ว นางก็พยักหน้าเรียกพนักงานโดยไม่ลืมทำท่าทางอย่างผู้ที่เหนือกว่าเช่นเคย “ไปสิ เจ้าคืนเงินให้กับคุณชายท่านนี้ แล้วเอาถ่านกระดูกเงินจำนวนสามสิบตะกร้านั้นไปส่งที่จวนเอินเวยโป๋ของเรา แน่นอนว่าจะมีคนรอเจ้าอยู่ที่นอกประตู”
“เอ่อ… มันออกจะ…” พนักงานร้านมองสาวใช้คนนั้นอย่างลำบากใจและหันไปมองเจียงป่าวชิง
“นี่แม่นาง” เจียงป่าวชิงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าจะไม่ยกถ่านกระดูกเงินให้เจ้า ข้าซื้อมันก่อนซึ่งไม่ได้ทำอะไรผิด เจ้าคิดหาวิธีอื่นเถอะ”
“เจ้า!” สาวใช้โมโหจนหน้าเริ่มคล้ำเขียว “เมื่อครู่เจ้าไม่ได้ยินรึว่าข้าเป็นคนของตระกูลไหน ?!”
เจียงป่าวชิงยิ้ม แต่ในดวงตาของนางไม่ยิ้มตาม “เจ้าเป็นคนของตระกูลไหนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย หรือว่ากฎแห่งต้าหลงกำหนดไว้ว่าเมื่อตระกูลจ้งของเจ้ามาซื้อถ่าน คนอื่นต้องหลีกทาง ต้องยกของที่ซื้อแล้วให้เจ้าทั้งหมดแบบนั้น ?”
คำพูดนี้เท่ากับเป็นการดูถูก แล้วสาวใช้จะกล้าตอบรับได้อย่างไร นางทั้งโมโหทั้งร้อนใจ นิ้วเรียวของนางชี้เจียงป่าวชิงอย่างสั่นคลอน
“ฮวาหลง ทำไมยังไม่เสร็จอีก ช้าจริง ๆ!” เสียงผู้หญิงที่ไพเราะมากดังขึ้นจากนอกร้าน ต่อจากเสียงนี้ ผู้หญิงที่แต่งกายงดงามอย่างมากก็ก้าวเข้ามาในร้านขายฟืน นางสังเกตสถานการณ์ในร้านด้วยสีหน้าราบเรียบ สายตาจับจ้องไปที่เจียงป่าวชิงสักครู่ สุดท้ายก็ไปหยุดที่สาวใช้ผู้ซึ่งกำลังตื่นตระหนกเต็มที่
ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้ว “ก็แค่ซื้อถ่านไม่กี่ตะกร้าเท่านั้น เรื่องแค่นี้เจ้ายังทำไมสำเร็จอีกรึ ?”
“คุณหนูเจ้าขา…” ฮวาหลงผู้เป็นสาวใช้ลากเสียงให้ยาวขึ้นเล็กน้อย และรีบฟ้องผู้หญิงคนนั้น “ไม่ใช่ความผิดของข้าน้อยนะเจ้าคะ แต่เพราะนายคนนี้ เขาช่าง…” นางชี้ไปที่เจียงป่าวชิงพลางทำหน้าบึ้ง “…ช่างเอาแต่ก่อกวน ไม่มีเหตุผลเลยจริง ๆ เจ้าค่ะ”
เจียงป่าวชิงได้เห็นแล้วว่าอะไรที่เรียกกันว่า “ย้อนกลับขาวดำ” นางไม่ได้โกรธอะไร ยังคงแสดงสีหน้ายิ้มแย้มราวกับกำลังดูละครที่น่าเบื่อด้วยสมาธิแน่วแน่
สายตาของผู้หญิงคนนั้นไปหยุดอยู่ที่เจียงป่าวชิงอีกครั้ง นางจับจ้องเจียงป่าวชิงสักพักแล้วเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น “ข้ายังคิดอยู่เลยว่าคุณชายคนนี้มาจากที่ไหน ที่แท้ก็เป็นคุณหนูนี่เอง”
นางพูดออกมา ชี้ให้เห็นอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อยว่าเจียงป่าวชิงเป็นผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นผู้ชาย
พนักงานร้านกับฮวาหลงผู้เป็นสาวใช้ต่างก็มองไปที่เจียงป่าวชิงอย่างยากที่จะเชื่อ
เจียงป่าวชิงไม่ได้ยอมรับและไม่ได้ปฏิเสธ ยังคงยิ้มอ่อนอยู่อย่างนั้น
“เฮ้พี่สาว ถึงแม้ต้าหลงจะไม่มีกฎหมายบ้านเมืองที่ระบุว่าไม่อนุญาตให้หญิงปลอมตัวเป็นชาย แต่ภายใต้กระแสสังคมในปัจจุบัน ความปะปนระหว่างหยินและหยางจะทำให้ผู้คนนินทาเอาได้ ข้าไม่แนะนำเลย แต่ถ้าพี่สาวยืนกรานที่จะปลอมตัวเป็นผู้ชาย ข้าหวังว่าพี่สาวจะสนใจในรายละเอียดหนึ่งที่พี่สาวมองข้ามไป…”
ผู้หญิงคนนั้นเอื้อมมือไปขยับถุงหอมสีชมพูปักลายผีเสื้อที่ห้อยอยู่ตรงเอวซึ่งสามารถมองเห็นได้ว่านางพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะควบคุมมัน แต่ในคำพูดสั่งสอนที่เหมือนจะจริงใจยังคงเผยให้เห็นความเย่อหยิ่งเล็กน้อย
“…ผู้ชายจะมีลูกกระเดือก ลำคอของพี่สาวเรียบสะอาดเหมือนหยกเนียน ๆ คนที่มีสติปัญญาความรู้มองเพียงปราดเดียวก็รู้แล้ว พี่สาว ความรู้ทั่วไปในชีวิตของพี่ค่อนข้างน้อยไปหน่อยนะ”