แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 379 มันเป็นมายังไงกันแน่
หลังจากที่เผิงไฉ่เสียเช็ดน้ำตาและแยกจากผู้ชายคนนั้น ทั้งสองก็แยกกันไปคนละทิศละทาง แต่กว่าที่เจียงป่าวชิงจะเลี่ยงเผิงไฉ่เสียจากตรงนั้นได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นี่นางยังมาเจอกับเผิงชื่อจินตรงนี้อีก
ในสภาพอากาศหิมะตก เผิงชื่อจินได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าและหอบหายใจด้วยความวิตกกังวล พอเจอใครเขาก็ถามว่าเห็นเด็กสาวแต่งกายแบบนี้และสูงเท่านี้บ้างหรือเปล่า เห็นได้ชัดว่าเขากำลังพูดถึงเผิงไฉ่เสีย
เจียงป่าวชิงถอนหายใจ เผิงชื่อจินสบตากับนางพอดี อีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อย “เฮ้! เจ้าคือเด็กผู้หญิงคนนั้นหนิ…”
เผิงชื่อจินดึงสติกลับมาแล้วพบว่าเจียงป่าวชิงแต่งกายเป็นผู้ชายอีกครั้งแล้วในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้ใครรู้ว่านางเป็นผู้หญิงเขาจึงรีบปิดปากอย่างลุกลี้ลุกลนและเกาท้ายทอยอย่างเก้อเขินก่อนจะพูดคำว่า “เฮ้… เฮ้…” อยู่สักครู่ แต่ก็ยังพูดไม่เป็นคำสักที
ช่างเป็นชะตากรรมที่เลวร้ายอะไรเช่นนี้
เจียงป่าวชิงถอนหายใจ แต่เมื่อเห็นบาดแผลฟกช้ำบนใบหน้าของเผิงชื่อจิน สุดท้ายนางก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “เจ้ากำลังหาหลานสาวของเจ้าใช่ไหม ? ข้าเพิ่งเห็นนางเมื่อกี้นี้เอง”
เผิงชื่อจินดีใจทันที “เจ้าเห็นนางแล้วอย่างนั้นรึ นางอยู่ที่ไหน แล้วนางสบายดีหรือเปล่า ?”
เจียงป่าวชิงชะงักไปเล็กน้อย “น่าจะถือว่าสบายดีนะ”
“เจ้าหมายความว่ายังไง ?” เผิงชื่อจินหยุดชะงัก
เจียงป่าวชิงไม่ได้พูดอะไร นางแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยคล้ายกับกำลังลังเลกับบางสิ่ง ซึ่งไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก ตอนที่อยู่ในซอยเมื่อสักครู่ ถึงแม้จะไม่เห็นว่าชายคนนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไรแต่เจียงป่าวชิงกลับเคยได้ยินเสียงของเขา
คุณชายกู่ที่คิดจะลวนลามนางแต่ถูกนางเล่นงานกลับคนนี้มีสุนัขรับใช้อยู่ข้างกายคนหนึ่ง เขาเคยกล่อมให้เจียงป่าวชิงไปกับคุณชายกู่คนนั้นเพื่อที่จะได้อยู่ดีกินดี ซึ่งเสียงของเขาเป็นเสียงเดียวกันกับเสียงเกลี้ยกล่อมเผิงไฉ่เสียในซอยเมื่อสักครู่ คงจะเป็นคนเดียวกัน
สำหรับคุณลักษณะของคนประเภทนี้ เจียงป่าวชิงไม่ค่อยเชื่อว่าเขาเป็นคนดี หรือสามารถทำให้เผิงไฉ่เสียมีความสุขอย่างที่เขาบอกได้
“นางไม่เป็นไร” เจียงป่าวชิงเห็นว่าเผิงชื่อจินใกล้วิตกกังวลจนจะเป็นบ้าอยู่แล้วจึงพูดขึ้น “แต่ผู้ชายแซ่ติงที่อยู่กับนางคนนั้นดูไม่ค่อยชอบมาพากลเท่าไหร่เลย”
เผิงชื่อจินชะงัก ในที่สุดเขาก็รู้สึกโล่งใจ “เจ้าเด็กคนนี้นี่ไม่บอกข้าสักคำ… หนีออกไปหาไอ้เด็กแซ่ติงคนนั้นจนได้!”
แต่เขากลับไม่ได้ให้ความสำคัญกับความไม่ชอบมาพากลของผู้ชายแซ่ติงที่เจียงป่าวชิงบอกสักเท่าไหร่
เจียงป่าวชิงรู้เรื่องนี้อยู่แก่ใจ ดูเหมือนว่าเผิงชื่อจินเองก็คงรู้ว่าผู้ชายแซ่ติงคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไรเช่นกัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางจึงพูดอะไรไม่ค่อยได้ ถึงอย่างไรนางก็ทำหน้าที่ตักเตือนเขาแล้ว
ตอนที่กำลังจะแยกย้ายกันไปก็เห็นเผิงไฉ่เสียเดินมาทางนี้พอดี คงเป็นเพราะร้องไห้ท่ามกลางหิมะก่อนหน้านี้ ใบหน้าของนางจึงมีรอยแตกเล็กน้อย เมื่อนางเห็นว่าเผิงชื่อจินอยู่กับเจียงป่าวชิงก็พลันชะงักงันแต่ก็รีบทำให้ตัวเองดูมีชีวิตชีวาแล้ววิ่งไปหาพวกเขาด้วยรอยยิ้ม “คุณลุง ทำไมคุณลุงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะจ๊ะ ?”
“เจ้าเด็กคนนี้แอบหนีออกไปอีกแล้วนะ” ถึงอย่างไรเผิงไฉ่เสียก็โตแล้ว เผิงชื่อจินจึงไม่สามารถดุว่านางที่ข้างนอกได้ เขาทำเพียงตำหนินิดหน่อยเท่านั้น “ตอนออกจากบ้านครั้งต่อไปก็อย่าลืมบอกข้าสักหน่อยล่ะ”
เผิงไฉ่เสียรู้สึกผิดเล็กน้อยจึงพูดแก้ตัวเสียงเบา “ก่อนหน้านี้ข้าเห็นว่าคุณลุงกำลังนอนหลับอยู่…”
“เอาล่ะ ไป รีบกลับไปซะ ใบหน้าของเจ้าใกล้แตกเพราะความหนาวอยู่แล้ว” มีหลานสาวเพียงคนเดียว เผิงชื่อจินเองก็ดุนางไม่ลง เมื่อเห็นใบหน้าที่เริ่มซีดเซียวนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะเร่งนาง
เผิงไฉ่เสียพยักหน้ารับแล้วมองเจียงป่าวชิง เห็นได้ชัดว่ายังคงชื่นชอบเจียงป่าวชิง “แม่นาง เราเจอกันอีกแล้วนะ ไปนั่งดื่มชาที่บ้านข้าเถอะจ้ะ”
เจียงป่าวชิงส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ข้ายังมีธุระต่อ ขอบคุณมาก แต่คงไม่ได้ไปนะ”
เผิงไฉ่เสียรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่นางยังคงพูดกับเจียงป่าวชิงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ถ้าอย่างนั้นแม่นางก็ระวังตัวด้วยล่ะ หิมะตกแล้วถนนมันลื่นมากเลยจ้ะ”
เจียงป่าวชิงมองเผิงไฉ่เสียนิ่ง ๆ “อื้อ ข้าจะระวัง เจ้าเองก็ระวังตัวให้มาก ๆ ด้วยเช่นกัน”
คำพูดประโยคสุดท้ายฟังดูไม่ค่อยชัดเจนนัก เผิงไฉ่เสียรู้สึกแปลกเมื่อได้ฟังแต่นางกลับไม่ได้คิดอะไรมากมาย
เผิงชื่อจินนึกถึงคำว่า “ไม่ค่อยชอบมาพากล” ที่เด็กผู้หญิงคนนี้เพิ่งเตือนมาแล้วอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
…
เจียงป่าวชิงเดินถือถุงหอมไปที่ร้านยาใจสัตย์ซื่อ กระดิ่งลมส่งเสียงพร้อมกับเจียงป่าวชิงที่เลิกม่านประตูเข้าไป แต่กลับพบว่าไม่มีคนอยู่ในร้านยาเลยสักคน
เห็นได้ชัดว่าร้านยาไม่ได้ปิด เจียงป่าวชิงคิดว่าบางทีเกิ่งจื่อเจียงคงกำลังยุ่งกับบางอย่างอยู่ที่บ้านด้านหลัง นางสังเกตร้านยาลวก ๆ แต่แล้วสายตากลับไปหยุดนิ่งอยู่ที่ไหนสักแห่ง
มันคือคราบเลือดเพียงเล็กน้อยที่เปื้อนอยู่บนพื้นสีน้ำตาลเข้ม ไม่ถือว่าชัดเจนอะไรแต่ทำให้เจียงป่าวชิงไม่ทันเห็นมันในครั้งแรก
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องหายากที่คราบเลือดจะปรากฏในสถานที่อย่างเช่นร้านยา แต่เกิ่งจื่อเจียงไม่ได้อยู่ในร้านตอนนี้ มันเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปหน่อยกระมัง
“หมอเกิ่ง” เจียงป่าวชิงลองเรียกก็ไม่มีการขานรับ นางจึงเดินอ้อมตู้ยาไปผลักประตูเล็ก ๆ ที่เชื่อมต่อกับลานบ้านด้านหลังและเดินเข้าไปในบ้านด้านหลังเสียเลย
ลานบ้านเล็กมาก มองเพียงปราดเดียวก็สามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้
ประตูห้องนอนปิดสนิทไม่เห็นอะไร ควันค่อย ๆ ลอยขึ้นมาจากปล่องไฟของห้องครัว สภาพไม่เหมือนกับไม่มีคนอยู่นี่นา
เจียงป่าวชิงเดินตรงไปที่ห้องนอนของเกิ่งจื่อเจียง แต่ตอนที่กำลังจะยื่นมือไปผลักประตูก็เห็นว่าประตูถูกผลักออกจากด้านในอย่างฉับพลันทันที
เกิ่งจื่อเจียงเดินถือกะละมังใส่เลือดออกมาจากในห้องด้วยสภาพเหงื่อท่วม เมื่อเขาเห็นเจียงป่าวชิงอย่างกะทันหันก็ตกใจอย่างมาก “มะ… แม่นางเจียง เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”
เจียงป่าวชิงรู้สึกโล่งใจ “เพิ่งมา ข้าเรียกหมอเกิ่งอยู่ด้านหน้าตั้งนานแต่ไม่มีคนขานรับเลย แถมบนพื้นก็ยังมีคราบเลือดอีก ข้ากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นจึงมาดูที่บ้านด้านหลังเสียหน่อย” นางพูดและเอียงตัวเพื่อหลีกทางให้กับเกิ่งจื่อเจียงไปด้วย
“อ้อ ข้าไม่ได้เป็นอะไร ข้าสบายดี” เกิ่งจื่อเจียงยกกะละมังใส่เลือดขึ้นเล็กน้อย “เรื่องมันค่อนข้างซับซ้อนน่ะ ข้าขอตัวออกไปเทเลือดทิ้งก่อน มันหนักมาก”
เลือดถูกเกิ่งจื่อเจียงสาดทิ้งไปที่ใต้ต้นสนแก่ในลานบ้าน เสร็จแล้วเขาก็เช็ดเหงื่อเล็กน้อยก่อนจะพูดกับเจียงป่าวชิงอย่างเกรงใจ “แม่นางเจียง ข้าจะไปดูน้ำที่ต้มอยู่ในครัว ไม่แน่อีกสักครู่อาจได้ใช้มัน เจ้าช่วยไปดูคนป่วยที่สลบอยู่คนนั้นแทนข้าหน่อยได้ไหม ?”
เจียงป่าวชิงพยักหน้าแล้วเข้าไปในห้องนอน
กลิ่นคาวเลือดในห้องไม่ถือว่ารุนแรงมากนัก เจียงป่าวชิงเข้าไปก็เห็นชายคนหนึ่งนอนหมดสติอยู่บนเตียงโดยมีผ้าพันแผลพันรอบศีรษะ
เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ ครั้งที่แล้วชายคนนี้ยังวิ่งมาข่มขู่และตักเตือนเกิ่งจื่อเจียงไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเผิงชื่อจินด้วยท่าทางฮึกเหิมอยู่เลย แต่ยังผ่านไปได้ไม่เท่าไหร่เขากลับกลายเป็นแบบนี้ซะแล้ว
เจียงป่าวชิงส่งเสียงจุ๊ปากเล็กน้อย
เกิ่งจื่อเจียงถือกะละมังใส่น้ำร้อนเข้ามาอีกครั้งโดยนำมันไปวางเตรียมไว้บนม้านั่งด้านข้าง เสร็จแล้วก็เช็ดเหงื่อด้วยท่าทางกังวล “สภาพชีพจรของเขาข้าจับแล้วมันยุ่งเหยิงมาก ข้าทำได้แค่พันแผลให้เขาก่อน”
“ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้น มันเป็นมายังไงกันแน่ ?” เจียงป่าวชิงชี้ชายผู้ที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงคนนั้น “เจ้าลืมไปแล้วหรือไงว่าเขาเคยมาข่มขู่ว่าจะตัดแขนตัดขาเจ้าน่ะ”