แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 410 เป็นกันเองมากขึ้น
เจียงป่าวชิงกลับไปที่ห้องของตัวเองและจัดเตรียมอุปกรณ์กับสัมภาระจำเป็นที่ต้องนำไปจวนองค์ชายหย่งชินในวันพรุ่ง เสร็จแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาเตรียมพักผ่อน แต่ในขณะที่กำลังเปลี่ยนเป็นชุดนอน ก็มีเสียงดังมาจากนอกหน้าต่างเบา ๆ
ใจนางพลันกระตุก รีบไปสวมรองเท้าแล้ววิ่งไปเปิดหน้าต่าง ทันใดนั้นสายตาก็เห็นกงจี้กระโดดเข้ามาจากทางหน้าต่าง
เขานี่เอง ตกใจหมด!
กงจี้ไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงเจียงป่าวชิงเข้าไปหาพลางสำรวจยกใหญ่ เมื่อเห็นว่าร่างบางไม่เป็นอะไรแม้แต่ผมเส้นเดียว เขาถึงค่อยส่งเสียงออกมาทางจมูกอย่างเย็นชา “เจ้าไม่เป็นไรก็ดี แต่ถ้าองค์ชายหย่งชินกล้ารังแกเจ้า ข้าจะทำให้พวกเขาต้องเป็นทุกข์ไปทั้งจวน”
เจียงป่าวชิงหลุดขำ “โธ่! ข้าแค่ไปตรวจอาการพระนางเจียฮุ่ยก็เท่านั้นเอง เจ้าอย่าทำเหมือนว่าข้าโดนลักพาตัวไปสิ”
กงจี้ค่อนข้างไม่พอใจเล็กน้อย “เรื่องของราชสำนักเป็นอะไรที่ยุ่งยากมาก อันที่จริงข้าไม่อยากให้เจ้าเข้าไปพัวพันด้วยซ้ำ… แม้องค์ชายหย่งชินจะเบาปัญญาไปหน่อย ทั้งยังมีความวุ่นวายเรื่องเกี่ยวกับเรื่องจวนเล็กจวนน้อย แต่เมื่อเทียบกับราชวงศ์อื่น ๆ ก็ยังไม่ถือว่าสกปรกเท่าไรนัก อีกอย่าง เจ้าอยู่ที่จวนของพระนางเจียฮุ่ย น่าจะไม่เป็นไรหรอก”
จู่ ๆ กงจี้ชะงักงัน เขามองเจียงป่าวชิงนิ่ง ๆ “ว่าแต่เจ้าเถอะ ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงตัดสินใจไปตรวจอาการให้คนในราชวงศ์ได้ล่ะ ? …ตอนที่พวกเขาพาตัวเจ้าไปในตอนนั้น ถ้าหากว่าเจ้าสั่งให้กานซุ่ยกับเจิ้งหนานปรากฏตัว ก็หลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ได้แล้วหนิ”
เจียงป่าวชิงเม้มปากยิ้มอย่างไม่สนใจ “ข้าเรียนหมอมา เป็นเรื่องปกติที่จะตรวจโรคให้คนอื่น สำหรับข้า ราชวงศ์ก็แค่เป็นสถานะของผู้ป่วยที่ค่อนข้างมีเกียรติเท่านั้น หน้าที่ก็คือหน้าที่ อีกอย่าง ข้าเป็นแค่หมอหญิงอ่อนแอคนนึง คนพวกนั้นคงไม่ทำอะไรหมอหญิงอย่างข้าหรอก”
เมื่อกงจี้เห็นว่าเจียงป่าวชิงไม่เหมือนคนที่ถูกบังคับไป สีหน้าของเขาดูดีขึ้นเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เอาตามที่เจ้ามีความสุขเถอะ วันนี้ข้าบังเอิญทำธุระให้ฮ่องเต้พอดี มิเช่นนั้น ข้าคงได้ไปพาเจ้าออกมาจากจวนองค์ชายหย่งชินแล้ว… มันเป็นเรื่องน่ารำคาญมากถ้ามีเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องไปถึงราชวงศ์” กงจี้พ่นลมออกมาจากจมูกด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย
เจียงป่าวชิงไม่ได้ถามเขาเกี่ยวกับเรื่องที่เขาไปทำธุระให้ฮ่องเต้ คนอย่างเขา ถ้าหากว่าอยากบอกก็คงบอกกับนางเอง และถ้าหากว่าไม่อยากบอก นางถามไปก็จะเป็นการเพิ่มความรำคาญใจให้กับเขาเปล่า ๆ
“เจ้าคิดจะจัดการกับตระกูลซุนยังไง ?” จู่ ๆ กงจี้ก็ถามขึ้น
เจียงป่าวชิงชะงักงัน
กระแสสังหารฉายวาบอยู่บนใบหน้ากงจี้ เขาได้รับจดหมายของเจิ้งหนานในวันนี้จึงให้คนไปสืบจนรู้เรื่องราวมาคร่าว ๆ แล้ว ที่แท้ก็เป็นหวังชื่อ ลูกสะใภ้ของยายฉินถูกผลประโยชน์บังตา นางต้องการใช้เจียงป่าวชิงผู้มีพระคุณของเขามาแสวงหาความร่ำรวยจึงติดต่อพ่อบ้านหยวนจากจวนองค์ชายหย่งชินโดยผ่านผู้อื่นเป็นการส่วนตัว
พ่อบ้านหยวนคนนั้นกำลังตามหาหมอเก่ง ๆ ที่มีชื่อเสียงทั่วทุกแห่ง เมื่อได้ยินเรื่องที่เจียงป่าวชิงมีความสามารถ เขาจะปล่อยไปได้อย่างไร แน่นอนว่าเขาพาองครักษ์มาพาตัวเจียงป่าวชิงไปที่จวนองค์ชาย
ตอนที่เพิ่งรู้เรื่องนี้ กงจี้อยากฆ่าหวังชื่อคนนั้นจริง ๆ
นิสัยของเจียงป่าวชิงดูเย็นชา และดูเหมือนนางไม่อยากเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่น ถ้าหากว่าเรื่องพวกนี้ทำให้นางลำบากได้จริง ๆ นางก็คงเป็นคนโง่ที่ปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างมีน้ำใจ
…
เนื่องจากครูเวินสอนหนังสือให้กับเจียงฉิงและเลี่ยวชุนหยู่ เจียงป่าวชิงจึงเห็นแก่หน้าครูเวิน ใช้ทักษะเข็มเงินของตัวเองช่วยชีวิตยายฉินกลับมา แต่ครอบครัวนั้นกลับตอบแทนนางอย่างน่ารังเกียจเช่นนี้ ตอนที่ไม่แน่ใจว่าจะปลอดภัยหรือไม่ พวกเขากลับส่งเนื้อในหัวใจของเขาเข้าไปสู่ปัจจัยความไม่แน่นอนเพียงเพราะผลประโยชน์อันน้อยนิด!
“ช่างเถอะ วันพรุ่งแค่ข้าไม่สนใจพวกเขาก็น่าจะได้” เจียงป่าวชิงอ้าปากหาวเบา ๆ เสียงของนางก็ค่อย ๆ เบาลงเช่นกัน “ยายฉินเป็นคนดี แกแค่ถูกครอบครัวทำให้เดือดร้อนเท่านั้น ถึงยังไงตอนนี้นางก็ค่อย ๆ ฟื้นตัวแล้ว ถ้าไม่มีการฝังเข็มก็จะฟื้นตัวช้าลง…”
เสียงของเจียงป่าวชิงยิ่งเบาลงเรื่อย ๆ สุดท้ายก็แทบจะไม่ได้ยิน เวลานี้ศีรษะน้อย ๆ พิงอยู่บนหัวไหล่ของกงจี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ดูเหมือนว่าวันนี้ผู้หญิงของเขาคงเหนื่อยจริง ๆ
ลึกในดวงตาของกงจี้หนักแน่นขึ้น เขาอุ้มร่างบางอย่างเบามือแล้วพาไปวางลงบนเตียงเบา ๆ ก่อนจะห่มผ้าห่มให้และมองดูใบหน้าที่กำลังหลับนั้นอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเขาก็ปลดจี้หยกที่ห้อยอยู่ตรงเอวของเขาออกมาวางไว้ข้างหมอนของนาง เสร็จแล้วถึงจะออกไปจากห้องของนางอย่างเงียบเชียบ
ตอนที่เจียงป่าวชิงตื่นขึ้นมา นางเห็นจี้หยกที่วางอยู่ข้างหมอน หยกนี้น้ำงามยอดเยี่ยมมาก มันดูชุ่มชื้นเสมือนมีลำธารใสไหลอยู่ในนั้น มองดูแล้วสดชื่นราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิแรกที่ทำให้โลกเขียวขจี เจียงป่าวชิงชอบมันอย่างมาก นางรู้ดีว่าต้องเป็นกงจี้ที่เป็นคนวางไว้ตรงหัวเตียงของนางอย่างแน่นอน ดูจากท่าทางแล้วเขาคงต้องการให้นางห้อยไว้กับตัว นางจึงนำจี้หยกมาห้อยไว้ตรงเอว
วันนี้เจียงป่าวชิงเลือกสวมใส่ชุดผู้หญิงเพราะคิดว่าทำงานอยู่ในจวนหลังของจวนองค์ชายหย่งชินจะสะดวกกว่าหากว่าสวมใส่ชุดแบบสตรี และเพื่อจะได้ไม่เป็นการทำลายชื่อเสียงการเป็นผู้หญิงของนางเมื่อถึงตอนนั้นเช่นกัน
เสร็จแล้วนางบอกกับเจียงฉิงและเลี่ยวชุนหยู่อย่างง่าย ๆ ว่านางจะไปตรวจโรคให้กับครอบครัวหนึ่ง จึงอาจไม่สามารถกลับมาได้ชั่วคราว และสั่งให้พวกเขาเชื่อฟังคำสั่งของเจียงหยุนชานอย่างว่านอนสอนง่ายอยู่ที่บ้าน
ตั้งแต่เจียงฉิงเรียนหนังสือกับครูเวิน นางก็ยิ่งรู้เรื่องขึ้นเรื่อย ๆ นางรู้ว่าการเป็นหมอเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเจียงป่าวชิงมากจึงรับประกันกับพี่สาวของตัวเองอย่างรู้เรื่องว่าตนจะดูแลน้องชายเป็นอย่างดี
เลี่ยวชุนหยู่เองก็แสดงท่าทีอย่างเร่งรีบเช่นกันว่าเขาจะไม่ดื้ออย่างแน่นอน และจะฝึกเขียนตัวอักษรให้ดี ๆ เมื่อเจียงป่าวชิงกลับมาเขาจะเขียนตัวอักษรด้วยลายมือตัวเองให้สวย ๆ เพื่อทำให้พี่สาวคนโตตะลึงงันเมื่อมองด้วยสายตา
หลังจากที่บอกกับคนในบ้าน เจียงป่าวชิงถึงจะเดินออกจากบ้านโดยที่มือหนึ่งถือกล่องยา อีกมือก็ถือถุงสัมภาระ
นอกประตูบ้านมีเกี้ยวขนาดเล็กรออยู่ก่อนแล้ว คนแบกเกี้ยวคือสองคนที่พานางมาส่งเมื่อวาน นั่นถือว่าเป็นคนรู้จักกัน เพียงแต่วันนี้นางแต่งตัวเป็นสตรีจึงดูนุ่มนวลและงดงามมากกว่าตอนอยู่ในชุดผู้ชายในยามปกติ
คนแบกเกี้ยวอดตาค้างไม่ได้ เขาเอ่ยชมเสียงเบาว่า “หมอเทวดาตัวน้อยช่างงดงามจริง ๆ ในเมืองหลวงไม่มีหญิงคนใดที่งดงามไปกว่าหมอเทวดาตัวน้อยอีกแล้ว”
เจียงป่าวชิงฟังคำชมนี้อย่างไม่ใส่ใจ นางไม่จริงจังกับมันมากนัก ทำเพียงยิ้มน้อย ๆ และเข้าเกี้ยวไปก็เท่านั้น
ไม่รู้ว่าเสื้อผ้าผู้หญิงมีผลอะไรหรือเปล่า เจียงป่าวชิงรู้สึกว่าเกี้ยวในวันนี้ดูเหมือนจะนุ่มนวลกว่าเมื่อวานมาก
เมื่อเข้าไปในจวนองค์ชายหย่งชิน เกี้ยวยังคงหยุดที่ประตูโน้มเอียงที่สอง มีสาวใช้แสนสวยสองคนกำลังรออยู่กับแม่นมที่มีความสามารถในการทำงานคนหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นเจียงป่าวชิงเดินลงจากเกี้ยว ความประหลาดใจฉายวาบอยู่ในสายตาของพวกนาง ทว่าจากนั้นพวกนางก็รีบโค้งตัวทำความเคารพ “เข้าพบแม่นางเจียงเจ้าค่ะ”
ที่แท้ ทั้งสามคนนี้เป็นคนใช้ที่จวนองค์ชายหย่งชินจัดเตรียมให้กับเจียงป่าวชิงในช่วงนี้ และเป็นคนที่พระชายาขององค์ชายหย่งชินจัดสรรด้วยตัวเอง นางเป็นคนที่ทั้งเฉลียวฉลาดมากความสามารถในการทำงานทั้งหมด
เจียงป่าวชิงรู้สึกว่าผ่านไปเพียงคืนเดียว ดูเหมือนว่าสวัสดิการของนางจะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว
ที่พักที่พระชายาขององค์ชายหย่งชินจัดให้นางอยู่ในอันหย่วนย่วน เป็นห้องที่อยู่ข้างห้องของพระนางเจียฮุ่ย เดิมทีห้องนี้เป็นห้องว่างจึงจัดเตรียมได้อย่างง่ายดาย แต่ผ่านไปเพียงคืนเดียว ภายในห้องนี้ก็ถูกแม่นมที่เป็นลูกน้องขององค์ชายหย่งชินที่ทำงานดีเพิ่มเครื่องใช้เป็นจำนวนมาก จนดูสวยงามทั้งยังสง่าน่ามองน่าอยู่มาก ที่นี่มีแม้กระทั่งเสื้อผ้า เครื่องประดับ และเครื่องสำอางจำนวนมาก เจียงป่าวอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้เห็น
หลังจากที่เจียงป่าวชิงวางสัมภาระเสร็จแล้ว นางก็หยิบกล่องยาเดินไปที่ห้องของพระนางเจียฮุ่ย พระชายาขององค์ชายหย่งชินรออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว เมื่อเห็นเจียงป่าวชิง รอยยิ้มของนางก็ดูเป็นกันเองมากยิ่งขึ้น “แม่นางเจียง เจ้าลองดูสิว่าภายในห้องมีตรงไหนที่ไม่สะดวกสบายหรือเปล่า ถ้ามีก็บอกแม่นมได้เลย ข้าบอกกับแม่นมแล้วว่าถ้าขาดเหลืออะไรก็ให้ไปเอาที่ในห้องเก็บของของข้าได้”
เจียงป่าวชิงเงียบ แม้ว่าท่าทีเมื่อวานจะถือว่าดีแล้ว แต่ท่าทีในวันนี้มีความเป็นกันเองมากกว่า นางนึกถึงสิ่งที่องค์ชายหย่งชินกล่าวเมื่อนางไปจากจวนองค์ชายหย่งชินเมื่อคืนนี้ที่นอกอันหย่วนย่วน
กงจี้หนอกงจี้…