แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 421 ละครห่วยแตก
เมื่อได้ยินเจียงป่าวชิงพูดเช่นนี้ มี่หลิวถึงค่อยรับแกนเครื่องปั่นด้ายเงินนั้นไว้ทั้งที่สีหน้ายังคงลังเล นางมองเจียงป่าวชิงด้วยสีหน้าซับซ้อน น้ำตาใสคลออยู่ในเบ้าตาของนางเล็กน้อย “แม่นาง แม่นางช่างเป็นคนดีจริง ๆ ข้าน้อยไม่รู้ว่าควรขอบคุณแม่นางยังไงดี”
เจียงป่าวชิงยิ้มอย่างไม่สนใจ “ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่นำของไปส่งที่บ้านข้าก็รบกวนเจ้าด้วยนะจ๊ะ”
“แม่นางไม่ต้องห่วงเลยเจ้าค่ะ ข้าจะทำเรื่องนี้ให้ดีอย่างแน่นอน!” มี่หลิวรีบพูดขึ้นทันที นางซ่อนจดหมายไว้ในแขนเสื้อแล้วจากไปอย่างเร่งรีบ ผ่านไปได้ไม่เท่าไหร่ นางก็กลับมาพร้อมสีหน้ายินดีและพูดกับเจียงป่าวชิง “แม่นางเจียงไม่ต้องห่วง ข้าไปทำเรื่องให้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ข้าไปที่ฝ่ายจัดซื้อ หาคนที่ข้าสนิทกันในจวน เขากำลังจะออกไปซื้อของเข้าจวนพอดีข้าน้อยจึงฝากให้เขานำของไปส่งและให้เงินเขาเรียบร้อยแล้ว รับรองว่าเขาต้องทำธุระของแม่นางอย่างตั้งใจแน่ ๆ เจ้าค่ะ” มี่หลิวพูดรับประกัน
แต่ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้นก่อนที่เวลาจะผ่านไปเพียงสองก้านธูปเช่นนั้น
เดิมทีเจียงป่าวชิงกำลังเอนกาย พลิกดูตำราแสดงประวัติบุคคลอยู่บนพื้นที่ยกสูง ก็ได้ยินเสียงคล้ายฝีเท้าของผู้คนมากมายดังมาจากด้านนอก เมื่อฟังจากการเคลื่อนไหวนั้นแล้วก็พบว่าฝีเท้าเหล่านั้นกำลังมุ่งมาหานาง นางเพิ่งวางตำราลงก็เห็นพระชายารองอิงที่ไม่ได้เห็นหน้าหลายวันเผยรอยยิ้มเยาะ ๆ ออกมาให้เห็น นางเดินนำสาวใช้และหญิงชราที่ยังดูแข็งแรงดีหลายคนมาที่นี่ด้วยท่าทางดุดัน พวกนางทั้งหมดบุกเข้ามาในห้องของเจียงป่าวชิง
คงเป็นเพราะหวาดกลัวที่ห้องข้าง ๆ เป็นห้องพำนักรักษาอาการของพระนางเจียฮุ่ย แม้พระชายารองอิงจะลำพองใจอย่างมากแต่นางก็กดเสียงให้เบาลง “เจียงป่าวชิง ข้ารู้ตั้งนานแล้วว่าเจ้าไม่ใช่คนดี ในที่สุดวันนี้เจ้าก็ถูกข้าจับพิรุธได้แล้ว!”
วันนี้พระชายารองอิงไม่ได้แต่งตัวเรียบง่ายเฉกเช่นเมื่อวันก่อน อย่างน้อยก็มีเสื้อคลุมคลุมอยู่ชั้นนอก ขนสุนัขจิ้งจอกสีขาวกลุ่มใหญ่เรียงรายอยู่บนปกเสื้อคลุมขับให้นางดูโดดเด่นงดงาม
“การกักบริเวณของพระชายารองถูกปลดแล้วหรือเจ้าคะ ?” เจียงป่าวชิงรู้ว่าอีกฝ่ายไม่กล้าทำอะไรในตอนนี้จึงเอาความสงบนิ่งเข้าสู้
พระชายารองอิงยิ้มอย่างสวยเพริศพริ้ง นางใช้นิ้วมือม้วนปอยผมและพูดด้วยน้ำเสียงลำพองใจ “องค์ชายทั้งรักทั้งทะนุถนอมข้ามาโดยตลอด ที่เขากักบริเวณข้าเมื่อวันก่อนก็เพื่อปิดปากที่น่ารังเกียจของใครบางคนเท่านั้น… ช่างเถอะ เรื่องของผู้สูงศักดิ์ไม่ใช่อะไรที่คนต่ำต้อยอย่างเจ้าคาดเดาได้ ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อต้องการถามเจ้าเกี่ยวกับโทษของเจ้าต่างหากเล่า”
เจียงป่าวชิงเลิกคิ้วก่อนจะพูดขึ้นช้า ๆ “คำพูดของพระชายารองช่างแปลกเสียจริงเจ้าค่ะ ข้าไม่รู้จริง ๆ อาการประชวรของพระนางเจียฮุ่ยเพิ่งดีขึ้นในวันนี้ พระชายารองก็พาคนมาประณามข้าด้วยท่าทีดุดันเสียแล้ว เรื่องของผู้สูงศักดิ์นี่ช่างยากที่จะคาดเดาจริง ๆ นะเจ้าคะ”
สีหน้าของพระชายารองอิงเปลี่ยนไปทันที ใบหน้าสวยแปรเปลี่ยนกลายเป็นบิดเบี้ยวในชั่วพริบตา “เจ้าเด็กบ้านี่ช่างฝีปากดีนักนะ! ข้าคิดว่าเจ้าคงเป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตากระมัง!” นางฟึดฟัดพร้อมส่งสายตาและเอ่ยสั่งหญิงชราที่ดูแข็งแรงข้างกาย
“พาตัวนางไป!”
ชายคนหนึ่งที่ถูกมัดอยู่ถูกหญิงชราผลักออกมาจากด้านหลัง นางออกแรงผลักจนชายคนนั้นโซเซล้มลงบนพื้น สภาพของเขาดูจนตรอกอย่างที่สุด ทั้งยังมีผ้าอุดปากไว้อีกต่างหาก ที่เขากำลังส่งเสียงร้องนั้นมันเสียแรงเปล่า
พระชายารองอิงมองเจียงป่าวชิงอย่างลำพองใจ “เจ้ารู้จักเขาไหม ?”
เจียงป่าวชิงไม่จำเป็นต้องมองอย่างละเอียดด้วยซ้ำ ความจำของนางดีมาก เพียงเหลือบมองน้อยนิดก็รู้แล้วว่าชายที่แต่งตัวเป็นคนรับใช้จากจวนองค์ชายหย่งชินคนนี้ไม่ใช่คนที่นางรู้จัก
แต่ตอนนี้มี่หลิวไม่อยู่เพราะเฝ้าสุนถาวที่มีไข้สูง จึงไม่มีใครอธิบายให้ฟังได้ว่าชายคนนี้เป็นใคร
“ไม่รู้จักเจ้าค่ะ”
“ยังมีหน้ามาแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก” พระชายารองอิงพูดขึ้นอย่างโหดเหี้ยม “แม่นมซุน เจ้ามาพูดซิ!”
แม่นมซุนก้าวออกมาจากท่ามกลางเหล่าหญิงชราที่ดูแข็งแรง “ข้าน้อยทำตามคำสั่งของนายท่านอิง ข้าน้อยจะพูดถึงเรื่องนี้ว่าข้าน้อยพบหัวขโมยกินบนเรือนขี้บนหลังคาที่สมคบกับคนนอก! …วันนี้ข้าน้อยรับคำสั่งจากนายท่านอิงไปสั่งต้มนกนางแอ่นในครัวก็เห็นว่าสิงหวู่คนนี้กอดกล่องสองสามกล่องออกไปข้างนอกอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ เจ้าค่ะ” พูดมาถึงตรงนี้แม่นมซุนปรบมือ จากนั้นสาวใช้เดินถือกล่องผ้าไหมสองสามกล่องออกมาจากด้านหลัง
กล่องผ้าไหมเหล่านั้นดูคุ้นตามาก นั่นคือกล่องของรางวัลที่เจียงป่าวชิงสั่งให้มี่หลิวหาคนให้ฝากเอาไปส่งที่บ้านของนาง
“โชคดีที่ข้าน้อยอยู่ที่จวนองค์ชายหย่งชินมาหลายปีแล้วและมองคนแม่น เมื่อเห็นกล่องผ้าไหมนี้ดูผิดปกติเมื่ออยู่ในมือสิงหวู่ก็จับตัวเขาไว้ทันที ตอนที่ถามเขาทีแรกเขาไม่ยอมบอก แต่เมื่อข้าน้อยพูดถึงนายท่านอิง ไอ้หัวขโมยสิงหวู่ถึงยอมคายออกมาว่าแม่นางเจียงสั่งให้มี่หลิวนำมาฝากให้เขาขนออกไปเจ้าค่ะ” แม่นมซุนมองเจียงป่าวชิงด้วยสายตาจับผิด “แม่นางเจียงอย่าปากแข็งและบอกว่าไม่รู้จักอีกเลย เพราะอาจถูกมองว่าโดนจับพร้อมของกลางเอาได้”
เจียงป่าวชิงเลิกคิ้วด้วยสีหน้าราบเรียบ เมื่อดูจากปฏิกิริยาของพระชายารองอิงเมื่อสักครู่ ไม่ใช่ว่านางไม่รู้เรื่องที่พระนางเจียฮุ่ยฟื้นแล้ว ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่องค์ชายหย่งชินกับพระชายาให้รางวัลแก่นางเพราะสามารถดูแลจนพระนางเจียฮุ่ยอาการดีขึ้นได้นั้น เป็นไปไม่ได้ที่พระชายารองอิงจะไม่รู้เรื่องนี้
ทว่าพระชายารองอิงกลับจับตัวคนมาอย่างยิ่งใหญ่เพื่อมาถามเอาเรื่องที่นี่ ทำเหมือนว่าเจียงป่าวชิงมีความผิดอย่างไรอย่างนั้น
เจียงป่าวชิงอยากดูว่าพระชายารองอิงจะไปต่ออย่างไรจึงไม่มีท่าทีลุกลี้ลุกลนใด ๆ เลย ทั้งยังก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้นยิ้ม ๆ “พระชายารองอิงหมายความว่ายังไงเจ้าคะ ข้าน้อยยังไม่ค่อยเข้าใจ ทำไม ข้าน้อยไม่สามารถขอให้คนช่วยไปส่งของข้างนอกได้หรือเจ้าคะ ?”
‘เหอะ! ยังจะมาทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอีกนะ’ พระชายารองอิงหัวเราะเยาะในใจ ประเดี๋ยวคอยดูก็แล้วกันว่าเจ้าจะตายอย่างไร
พระชายารองอิงเป่าลมใส่เล็บยาวของนางที่ผ่านการดูแลมาอย่างดี แล้วพูดอย่างเกียจคร้าน “ถ้าหากว่าส่งของของตัวเองออกไปข้างนอกก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่สิ่งของทั้งหมดในกล่องผ้าไหมนี้เป็นของของเจ้าจริง ๆ รึ ? แม่นมชุน เปิดกล่องผ้าไหมให้นางดู!”
แม่นมซุนตอบรับอย่างประจบประแจง นางเปิดกล่องผ้าไหมที่สาวใช้ถืออยู่เบา ๆ
เจียงป่าวชิงกวาดตามองอย่างลวก ๆ และอยากหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ สิ่งของในกล่องผ้าไหมไม่ได้ขาด แต่กลับมีของเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือปิ่นปักผมรูปหางหงส์พร้อมจี้หยกเล็ก ๆ อันหนึ่ง
พระชายารองอิงปิดริมฝีปากสีแดงของนางด้วยมือเรียวงาม แต่ความดุร้ายในดวงตากลับไม่สามารถปกปิดไว้ได้แม้แต่นิดเดียว “หึ ๆ… โจรอย่างเจ้านี่ช่างเลือกเก่งจริง ๆ อย่างอื่นข้าจำไม่ค่อยได้หรอก แต่ปิ่นปักผมรูปหางหงส์พร้อมจี้หยกเล็ก ๆ นี้เป็นของแทนใจที่องค์ชายมอบให้ข้าเมื่อตอนที่องค์ชายรับข้าเข้าจวน หัวขโมยต่ำต้อยอย่างเจ้ากลับกล้าขโมยมัน เจ้ารู้ว่าปิ่นปักผมนี้มีค่ามากล่ะสิท่า” แสงสว่างฉาบวายอยู่ในดวงตาของพระชายารองอิง “หรือว่ามีคนยุยงให้เจ้าขโมยมันล่ะ ?”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง
เจียงป่าวชิงเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของละครใส่ร้ายห่วยแตกของพระชายารองอิงได้ในทันที นางขี้เกียจต่อกรให้มากความเกินไป ถึงอย่างไรเรื่องหลักฐานพยานอะไรนั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด
แต่หัวใจขององค์ชายหย่งชินเอนเอียงอยู่ที่ใครนั้นต่างหากเล่าที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
เจียงป่าวชิงค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมา
.