แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 425 บุตรชายที่เจ้าสั่งสอนมาเป็นอย่างดี
“องค์ชาย!”
เจียงป่าวชิงปิดปากแล้ว แต่พระชายารองอิงยังคงไม่จบไม่สิ้น นางเรียกองค์ชาย หย่งชินด้วยท่าทางออดอ้อนและหมุนตัวกระทืบเท้าด้วย “องค์ชายต้องตัดสินให้
ข้าเป็นคนถูกกระทํานะเพคะ! ยังไงข้าก็เชื่อถือได้มากกว่าแม่นางคนนั้น…”
ด้วยความอาวุโสของพระชายารองอิง การที่นางทําตัวออดอ้อนและซื่อบื่อต่อหน้า หลินถึงและหลินหยุนเช่นนี้ ตัวนางเองไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ในฐานะเจ้านายฝ่าย หญิงอย่างพระชายากลับอับอายอย่างมากจึงพูดห้ามอีกฝ่ายเสียงเบา “พระชายา รองอิง โปรดทําตัวให้มีระเบียบแบบแผนต่อหน้าเด็กทั้งสองคนด้วย!”
พระชายารองอิงเหลือบมองพระชายาแล้วส่งเสียงออกมาทางจมูกเบา ๆ “ พระ ชายาร้อนใจอย่างนั้น ? ก่อนหน้านี้ข้ายังรู้สึกงุนงงอยู่เลย หลายปีมานี้องค์ชาย รักและทะนุถนอมข้า ปิ่นปักผมที่เป็นเครื่องประดับติดตัวข้าก็มีมากมาย แล้วอันที่ ล้ําค่ากว่าปิ่นปักผมรูปหางหงส์ประดับจี้หยกเล็กอันนั้นก็มีตั้งเย อันนั้นก็มีตั้งเยอะ แต่เหตุใด หัวขโมยแซ่เจียงกลับเลือกที่จะขโมยปิ่นปักผมอันนี้ล่ะ….. แต่เมื่อข้าคิดอีกทีใน เวลาต่อมากลับพบว่ามีกลิ่นไม่ชอบมาพากล ปิ่นปักผมรูปหางหงส์ประดับจี้หยก เล็กอันนี้เป็นของแทนใจที่องค์ชายมอบให้แก่ข้า ไม่แน่อาจมีใครบางคนไม่ชอบ มันเลยสั่งให้คนอื่นมาขโมยมันก็ได้!” พูดจบนางมองพระชายาด้วยสายตามี ความหมาย ประกอบกับคําพูดที่มีความหมายนี้ แทบจะพูดออกมาอย่างโจ่งแจ้ง แล้วว่าพระชายาเป็นคนสั่งให้เจียงป่าวชิงขโมยปิ่นปักผมนี้
ความหงุดหงิดแสดงออกมาให้เห็นผ่านสีหน้าของเขา
องค์ชายหย่งชนขมวดคิ้ว เล็กน้อย “อ้อ เป็นเช่นนี้เอง ?”
พระชายา โมโหจนตัวสั่น ขณะเดียวกันหลินถึงทนเห็นแม่ตัวเองถูกเหยียดหยาม เช่นนี้ไม่ไหวจึงตะเพิดขึ้นเสียงดัง “ พระชายารองอิง จะพูดอะไรก็ระมัดระวัง
หน่อย!”
พระชายารองอิงส่งเสียงร้องออกมา นางรีบทําทีเป็นตกใจกลัวแล้วไปหลบ ด้านหลังองค์ชายหย่งชิน “องค์ชายเพคะ องค์ชายยู่ถึงเหมือนต้องการจะฆ่าข้า….
ข้ากลัวมากเลยเพคะ”
นางสะอื้นเล็กน้อย เบ้าตาก็แดงก่ําคล้ายกับรู้สึกเสียใจ กับเรื่องในอดีต “พอเห็นองค์ชายยู่ถึงปกป้องพระชายาเช่นนี้ ข้าก็นึกถึงลูกที่ไม่มี บุญวาสนาคนนั้น ถ้าหากว่าตอนนั้นท้องของข้าใจสู้อีกหน่อยและคลอดเขา ออกมา ตอนนี้คงมีลูกมาปกป้องข้าเช่นเดียวกัน”
พระชายารองอิงพูดถึงลูกที่แท้งไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ก่อนที่นางจะเข้ามาในจวน
องค์ชาย
ตั้งแต่นั้น พระชายารองอิงก็ไม่ตั้งครรภ์อีกเลย แม้นางจะเคยขอร้องหมอที่มี ชื่อเสียง ลองดูยาจากตํารายาสมุนไพรพื้นเมือง หรือแม้กระทั่งขอพรเทพเจ้าจาก ทุกหนทุกแห่ง ตราบใดที่เป็นวิธีการที่อาจช่วยให้นางตั้งครรภ์ นางเคยลองมา หมดแล้วแต่กลับไม่ได้ผลเลย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานางรู้ตัวว่าตัวเองแก่ตัวลงทุก ๆ ปีและมีลูกยาก จึงต้องรักษาความโปรดปรานที่องค์ชายมีต่อตัวเองไว้
แต่พระชายารองอิงตระหนักได้ว่าทุกครั้งที่พูดถึงบุตรที่แท้งไปคนนั้น องค์ชาย
หย่งชินมักล่าเอียงมาทางนางเสมอ
และเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ครั้งนี้ก็ไม่ยกเว้น องค์ชายหย่งชิ้นทําหน้าขรึมพลางมอง หลินถึงแล้วพูดด้วยน้ําเสียงหนักแน่น “ยถึง ไม่ว่ายังไงพระชายารองอิงต่างก็ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของเจ้า เจ้าพูดกับผู้ใหญ่เช่นนี้ได้ยังไง ?!”
ร่างของเด็กหนุ่มยืดตรงเล็กน้อย ไม่ได้ถอยให้ท่านพ่อที่เขาเคารพรักแต่อย่างใด
เขาสบตากับองค์ชายหย่งชินด้วยสีหน้าไร้ความหวาดกลัว “เหตุใดท่านพ่อถึงไม่ คิดว่าพระชายารองอิงเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพท่านแม่ก่อนบ้างล่ะ ?! ท่านพ่อบอก แต่ว่าให้ข้าเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ แต่เหตุใดถึงไม่สอนให้พระชายารองอิงเข้าใจเรื่อง ลําดับของผู้เหนือกว่าและผู้ด้อยกว่าล่ะขอรับ ?”
ถูกบุตรชายตอกกลับต่อหน้ารุ่นอาวุโสหลายคน ทั้งยังเกี่ยวเนื่องไปถึงปัญหาหลัง บ้าน ศักดิ์ศรีขององค์ชายหย่งชินถูกบุตรชายจี้เข้าให้ เขาตะคอกเสียงดังทันที “นี่
เป็นสิ่งที่ลูกปฏิบัติต่อคนเป็นพ่ออย่างนั้น ?! เจ้าเรียนรู้เรื่องจรรยาบรรณเยี่ยง สุนัขแล้วหรือไง ? ! ”
องค์ชายหย่งชินมองพระชายาและพูดด้วยน้ําเสียงหนักแน่น “นี่คือลูกชายที่เจ้า สั่งสอนมาเป็นอย่างดียังไงล่ะ ดูซะสิ!”
พระชายากล้ํากลืนฝืนทนอยู่ในจวนองค์ชายมาหลายปีแล้ว เห็นแก่ที่พระชายารอง
อิงปรนนิบัติองค์ชายหย่งชิน นางจึงคอยอดทนกับพระชายารองอิงเสมอมา แต่ใน
เวลานี้ถึงเอ๋อร์ของนางกลับถูกองค์ชายหย่งชิ้นต่อว่าเช่นนี้เพียงเพราะเขาพูดแทน
นางสนม พระชายาจะทนไหวได้อย่างไร นางลุกขึ้นยืนทันทีและสบตากับองค์
ชายหย่งชินอย่างไม่ยอม “ถึงเอ๋อร์ได้รับการยกย่องจากฮ่องเต้ แน่นอนว่าเขาเป็น
เด็กหนุ่มที่ดีมาก! องค์ชาย ที่ท่านต่อว่าถึงเอ๋อร์เช่นนี้ก็เพราะว่าจิตใจของท่าน ลําเอียงไปจนถึงขอบฟ้าและไม่ถูกชะตากับเราสองแม่ลูกเท่านั้น!”
หลินหยุนเองก็ลุกขึ้นยืนอย่างเงียบ ๆ แม้นางไม่ได้พูดอะไร แต่ดูก็รู้ว่านาง ต้องการอยู่ฝ่ายพระชายาแม่ของนางเช่นกัน
ปฏิกิริยาของพระชายารุนแรงจนองค์ชายหย่งชิ้นตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาไม่ได้
เห็นท่าทางเช่นนีของพระชายามาหลายปีแล้ว
ขณะนี้เมื่อพระชายารองอิงเห็นว่าองค์ชายหย่งชินพูดไม่ออก นางจึงคิดว่าองค์ชาย หย่งชินโกรธเลือดขึ้นหน้าจึงตัดสินใจก้าวไปดึงแขนเสื้อขององค์ชายหย่งชินแล้ว พูดด้วยน้ําเสียงโศกเศร้า “องค์ชาย ช่างเถอะเพคะ อย่าขุ่นข้องหมองใจกับพระ ชายาเพื่อคนต่ําต้อยอย่างข้าเลย” ท่าทางของนางเหมือนเป็นการใช้น้ําเย็นเข้าลูบ
องค์ชายหย่งชินดึงสติกลับมา เขามองพระชายารองอิงแล้วกระแอมไอ “อืม ช่าง เถอะ เห็นแก่อิงเอ่อร์ คร้งทีก็เลิกแล้วกันไป”
พระชายารองอิงงงเป็นไก่ตาแตกทันที เดิมทีนางต้องการใส่ไฟ ไม่ได้จะให้องค์
ชายหย่งชินอารมณ์เย็นลงด้วยคําพูดของนางเช่นนี้
อย่าว่าแต่พระชายารองอิงเลย แม้แต่พระชายาก็รู้สึกงุนงงเช่นกัน นางอัดอั้นตันใจ มาเป็นเวลานานจนในที่สุดก็ระเบิดและปล่อยหมัดออกไปอย่างแรงที่จุดหนึ่ง แต่
ฝ่ายตรงข้ามกลับมองหมัดที่ปล่อยออกไป ไม่เพียงแต่ไม่รับมันแล้วยังถือโอกาส
ยอมแพ้
หลินหยุนรู้จังหวะ นางรีบจับแขนผู้เป็นมารดาแล้วพูดขึ้นเสียงเบาว่า “ท่านแม่ ช่วงนี้ท่านเหนื่อยและร่างกายอ่อนแอมากพอแล้ว อย่าได้โมโหอีกเลยรีบนั่งพัก
ก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
พระชายาถูกหลินหยุนช่วยประคองให้นั่งลงทั้งที่ยังรู้สึกงุนงง
สถานการณ์ในตอนนี้แปลกประหลาดนัก ทุกคนเก้อเขินกันอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้น เจียงป่าวชิงก็พูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นจากปิ่นปักผม เช่นนั้นเรากลับไป พูดถึงเรื่องปิ่นปักผมกันดีกว่าเจ้าค่ะ” น้ําเสียงของเจียงป่าวชิงมีความเยือกเย็น
เจืออยู่ราวกับหิมะสีขาวที่บิดเป็นเกลียวบนเกสรดอกเหมยสีแดงและปลิวลอยเข้า
สู่หัวใจของผู้คนทันที
“ข้าน้อยแสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าข้าน้อยไม่ได้เป็นคนใส่ปืนปักผม
เจ้าปัญหาลงไปในกล่องผ้าไหม แต่พระชายารองอิงกลับหลีกเลี่ยงไม่พูดถึง
หลักฐานนี้และเอาแต่สงสัยว่าเหตุใดปิ่นปักผมของตัวเองถึงได้ถูกขโมย….”
เจียงป่าวชิงยิ้ม “ ข้าน้อยอยากถามพระชายารองหน่อยว่าท่านทําปิ่นปักผมนี้ หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่หรือเจ้าคะ ?”
พระชายารองอิงฟัดฟัด “จะเสแสร้งอะไรอีกล่ะเจ้าไม่รู้หรือไงว่ามันหายไปตอน ไหน…ก็เมื่อสามวันก่อนไงเล่า”
เจียงป่าวชิงพยักหน้า “สามวันก่อนใช่ไหมเจ้าคะ เช่นนั้นข้าน้อยขอถามอีกครั้งว่า ท่านเก็บปิ่นปักผมอันนี้ไว้ที่ใดก่อนที่มันจะหายไปเจ้าคะ ?”
พระชายารองอิงมองเจียงป่าวชิงอย่างระมัดระวังแต่กลับมองอะไรไม่ออกจาก ใบหน้าของเจียงป่าวชิง นางรู้สึกถึงความผิดปกติในใจราง ๆ แต่กลับบอกไม่ถูก ว่ามันผิดปกติตรงจุดใด
“ทําไมข้าต้องตอบคําถามเจ้าด้วย ?” พระชายารองหันหน้าไปทางอื่นและทํา ตัวไม่มีเหตุผลอีกครั้ง
แต่สิ่งที่ทําให้เจียงป่าวชิงคิดไม่ถึงก็คือองค์ชายหย่งชินพูดขึ้นในขณะนี้ “อิงเอ๋อร์ ในเมื่อเจ้าเกี่ยวข้องกับความจริงเกี่ยวกับเรื่องปิ่นปักผมของเจ้า เจ้าก็ควรให้ความ
ร่วมมือหน่อย ตอบนางไปสิ”
พระชายารองอิงหันกลับไปมองสีหน้าขององค์ชายหย่งชิน แต่นางกลับพบว่าไม่
สามารถรับรู้ได้จากใบหน้าของขององค์ชายหย่งชินเลยว่าเขากําลังคิดอะไรอยู่กัน
แน่
เป็นเช่นนีอีกแล้ว
หลายปีที่ผ่านมาแม้นางจะเป็นที่โปรดปรานเพียงคนเดียว แต่สิ่งที่องค์ชายหย่งชิน
กําลังคิดอยู่นั้น บางครั้งนางก็รู้สึกงุนงงจริง ๆ ทว่าก็โชคดีที่ไม่ว่านางจะทําอะไร
องค์ชายหย่งชินมักชอบเสมอ นานวันเข้านางก็เลิกเดาว่าองค์ชายหย่งชินกําลังคิด
อะไรอยู่