แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 426 กลิ่นน้ําอบปาเป่าเชียง
แต่ในเมื่อองค์ชายหย่งชินพูดมาเช่นนี้ แม้พระชายารองอิงจะรู้สึกไม่เต็มใจแต่
กลับจําเป็นต้องให้ความร่วมมืออย่างเสียมิได้ นางถลึงตาใส่เจียงป่าวชิงอย่าง โหดเหี้ยมแล้วตอบด้วยเสียงเกียจคร้าน “แน่นอนว่าเก็บไว้ในกล่องผ้าไหมที่ใช้ เก็บเครื่องประดับน่ะสิ นี่เป็นของแทนใจที่องค์ชายมอบให้แก่ข้าเชียวนะ จะเก็บ ไว้ไม่เป็นที่เป็นทางได้ยังไง”
เจียงป่าวชิงพยักหน้าให้พระชายารองอิง ก่อนจะมองไปที่แม่นมซุน
แม่นมซุนถือกล่องผ้าไหมที่ตอนนี้มีปิ่นปักผมรูปหางหงส์ประดับจี้หยกเล็ก ๆ อัน
นั้นไว้อยู่ตลอดเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
เจียงป่าวชิงยิ้มเล็กน้อย “ข้าขอถามเพื่อยืนยันกับพระชายารองอีกหน่อย ปิ่นปัก ผมอันนี้อยู่ในกล่องผ้าไหมตั้งแต่แรกโดยที่ไม่มีใครแตะต้องมันใช่ไหมเจ้าคะ
?”
พระชายารองอิงหัวเราะ “แน่นอนอยู่แล้ว นี่เป็นหลักฐานชั้นดีว่าเจ้าขโมยมา มัน จะต้องวางอยู่ในกล่องผ้าไหมเดิมอยู่แล้ว ทําไม หรือว่าเจ้าจะบอกว่าปิ่นปักผมอัน นี้ไม่ใช่ของข้า ? ข้าจะบอกอะไรให้ว่าปิ่นปักผมรูปหางหงส์ประดับจี้หยกนี้ทํา จากวัสดุชั้นดี ออกแบบโดยองค์ชายเองและองค์ชายจัดหาช่างฝีมือดีมาทําปิ่นปัก ผมอันนี้ให้แก่ข้า ข้าขอเตือนให้เจ้าเลิกเถียงข้างๆ คูๆ เพราะนี่เป็นปิ่นปักผมที่
องค์ชายมอบให้แก่ข้าโดยเฉพาะ หรือเจ้าอยากจะบอกว่ามีคนโยนความผิดให้เจ้า
อย่างนั้นรึ ?”
“พระชายารองพูดถูกแล้วเจ้าค่ะ มีคนโยนความผิดให้ข้าน้อยจริง ๆ” เจียงป่าว ชิงยิ้มอย่างสงบ มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อยจนทําให้ลักยิ้มหวานปรากฏขึ้นมา ที่ข้างแก้มขาว
เดิมทีรูปลักษณ์ของนางก็งดงามมากอยู่แล้ว งดงามราวกับดอกไม้ที่บอบบางเกาะ ด้วยน้ําค้าง ยามนางยิ้มเช่นนี้ ดอกไม้ที่บอบบางนั้นก็ยิ่งดูบานสะพรั่งมากกว่าเดิม
งดงามมากยากจะละสายตาไปได้
ผู้คนภายในห้องต่างมองกันอย่างตกตะลึงอยู่สักครู่
แต่ในขณะนี้ เจียงป่าวชิงกลับพูดสรุปอย่างใจเย็น “และคนที่โยนความผิดให้
ข้าน้อยก็คือพระชายารองยังไงล่ะเจ้าคะ”
อันที่จริงหลายคนที่อยู่ในห้องต่างก็คิดเช่นนี้ เพียงแต่ไม่มีใครกล้านําขึ้นมาพูด
อย่างโจ่งแจ้ง แต่เจียงป่าวชิงกลับกล้าหาญพูดออกมาตรง ๆ อย่างไม่เกรงกลัว บีบ บังคับพระชายารองผู้เป็นที่โปรดปรานขององค์ชายหย่งชิน
พระชายารองอิงตกตะลึง นางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “เจ้ากล้ามากที่ใส่ร้ายข้า!” นางหันไปพูดกับองค์ชาย “องค์ชาย องค์ชายต้องตัดสินให้ข้านะเพคะ ตั้งแต่ที่ข้า เข้ามาในจวนองค์ชาย เป็นความโชคดีของข้าที่ได้รับความกรุณาจากองค์ชาย
ตลอดหลายปีมานี้ข้าไม่เคยได้รับความไม่เป็นธรรมเช่นนี้มาก่อน! แต่นางนี่เป็น ใครมาจากไหนก็ไม่ทราบ อยู่ ๆ มาใส่ร้ายข้า เห็นได้ชัดเลยว่านางไม่เห็นจวนองค์ ชายอยู่ในสายตาเลยเพคะ!”
องค์ชายหย่งชินมองเจียงป่าวชิงด้วยสีหน้าราบเรียบ “เจียงป่าวชิง เจ้าทานอาหาร
ตามอําเภอใจ ได้แต่ไม่สามารถพูดจาส่งเดชได้ ในเมื่อเจ้ากล่าวหาพระชายารอง
ของข้า เจ้าต้องให้คําอธิบายกับข้าด้วย จวนองค์ชายไม่ใช่ครอบครัวเล็ก ๆ สามารถว่าร้ายคนในจวนได้ตามอําเภอใจ “
เจียงป่าวชิงยิ้มอย่างมั่นใจ “จวนองค์ชายไม่ใช่ครอบครัวเล็ก ๆ จริง ๆ เจ้าค่ะ แต่ บ้านรองให้ร้ายค่าบ้านหลักลับหลังกลับไม่มีส่วนใดที่ต้องมานั่ง ให้คําอธิบาย แต่ พอเป็นคนนอกอย่างข้าน้อยกลับปฏิบัติใส่ประหนึ่งว่าโง่เขลาเบาปัญญา มีปัญหา
ๆ
นิด ๆ หน่อย ๆ แต่ต้องให้คําอธิบายซะอย่างนั้น ครอบครัวเล็ก ๆ ที่ข้าเห็นข้าง นอกไม่เห็นจะเป็นเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ”
สีหน้าองค์ชายหย่งชินเปลี่ยนไปทันที
ปัง!
“บังอาจ!” พระชายารองอิงตบโต๊ะแล้วลุกขึ้น “เป็นแค่สามัญชนธรรมดาแต่ กลับกล้าตําหนิองค์ชายตามอําเภอใจ! องค์ชายอย่าไปฟังนางพูดไร้สาระนะเพคะ
คนเช่นนี้สมควรถูกจําคุกโทษฐานออกความเห็นอย่างนุ่มบ่ามต่อราชวงศ์!”
“แต่ข้ารู้สึกว่าแม่นางเจียงพูดถูก” พระชายาหัวเราะเยาะแล้วปรายตามองพระ
ชายารองอิง “พระชายารองอิงลืมไปแล้วหรือว่าแม่นางเจียงเป็นหมอที่มารักษา
พระนางเจียฮุยซึ่งทางจวนเราก็เชิญนางมาเอง การที่เจ้าอยากให้แม่นางเจียงเข้าคุก โดยไม่คํานึงถึงความผิดถูกเช่นนั้น เหมือนกับว่าเจ้าต้องการให้อาการประชวร ของพระนางหายช้าอย่างนั้นแหละ”
พระชายารองอิงไม่คิดว่าพระชายาที่อัดอั้นตันใจมาตลอดจะมีกําลังรบที่แข็งแกร่ง เฉกเช่นในวันนี้ คําพูดคําจาของอีกฝ่ายรุนแรงผิดหูผิดตา เมื่อเห็นดังนั้นก็มีความ
ลุกลี้ลุกลนฉายวาบขึ้นมาบนใบหน้าของนาง นางพูดขึ้นอย่างขอไปที “พระ
ชายาอย่าปรักปรําาข้า ข้าก็แค่คิดแทนจวนองค์ชายนิดหน่อยเท่านั้น”
“พอได้แล้ว!” องค์ชายหย่งชินพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด “เจียงป่าวชิง เจ้าพูดต่อ!”
เจียงป่าวชิงเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่สนใจ
นางเดินไปตรงหน้าแม่นมซุนแล้วยื่นมือเพื่อ
จะไปหยิบกล่องผ้าไหม แต่ทว่าแม่นมซุนกลับขยับกล่องผ้าไหมหลบไปไว้ที่
ด้านหลังอย่างตื่นตัวและมองเจียงป่าวชิงด้วยสายตาระแวดระวัง “นี่แม่นางคิดจะ
ทําลายหลักฐานอย่างนั้นรึ ?”
เจียงป่าวชิงมององค์ชายหย่งชิ้น องค์ชายหย่งชินพูดกับแม่นมซุนด้วยน้ําเสียง หนักแน่น “เอาให้นาง!”
แม่นมซุนตกใจกับความน่าเกรงขามขององค์ชายหย่งชินจึงทําได้เพียงส่งกล่องผ้า
ไหมให้เจียงป่าวชิงอย่างไม่เต็มใจ
เจียงป่าวชิงกดกระดุมของกล่องผ้าไหมและเปิดฝาออก ภายในกล่องมีที่ฝนหมึก กับที่วางปากการูปวาดดอกไม้และนก ที่ฝนหมึกกับที่วางปากการองด้วยผ้าไหม เนื้อนุ่มสีเหลืองสดใส ส่วนปิ่นปักผมเจ้าปัญหาอันนั้นวางอยู่ข้าง ๆ ที่ฝนหมึกกับ ที่วางปากกา ซึ่งวางแบบดูแล้วเบียด ๆ กันเล็กน้อย
เจียงป่าวชิงหยิบปิ่นปักผมอันนั้นขึ้นมาสูดดมกลิ่นที่ปลายจมูกเบา ๆ …เป็นอย่าง ที่คิดไว้จริง ๆ มีกลิ่นหอมหวานสดชื่นติดอยู่บนปิ่นปักผมจาง ๆ
นางยิ้มอย่างมีชัยในขณะที่ส่งปิ่นปักผมรูปหางหงส์อันนั้นให้กับพระชายา “พระ ชายาเจ้าคะ พระชายาลองดมดูว่าได้กลิ่นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ ?”
พระชายารับปิ่นปักผมไปแล้วนําไปสูดดมกลิ่นอย่างละเอียดถี่ถ้วน นางพูดขึ้น อย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า “ข้าได้กลิ่นคล้ายกับกลิ่นหอมบางอย่าง…”
เจียงป่าวชิงรับปิ่นปักผมคืนกลับมาจากในมือพระชายาแล้วยื่นให้กับองค์ชายหญิง ชิน “ข้าน้อยขอรบกวนองค์ชาย ช่วยดมด้วยว่า ได้กลิ่นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ”
“กลิ่นนี้จางลงแล้ว เหมือนเป็นกลิ่นที่คุ้นเคยแต่ข้านึกไม่ออก” องค์ชายหย่งชิน ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ต้องคุ้นเคยเป็นธรรมดาเจ้าค่ะ เพราะนี่คือกลิ่นน้ําอบปาเป่าเซียง” เจียงป่าวชิง หยุดพูดพลางมองไปที่พระชายารองอิงก่อนจะพูดต่อ “ ซึ่งเป็นกลิ่นที่พระชายา
รองใช้ประจําเจ้าค่ะ”
พระชายารองอิงพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด “เหอะ! นี่ยิ่งเป็นการยืนยันว่าปิ่นปักผมนี้ เป็นของข้า ปิ่นปักผมข้ามีกลิ่นหอมของข้าติดอยู่แล้วมันจะทําไมล่ะ ?”
เจียงป่าวชิงยิ้ม “ก่อนหน้านี้พระชายารองบอกเองว่าปิ่นปักผมนี้ถูกเก็บไว้ใน
กล่องผ้าไหมที่ใช้เก็บเครื่องประดับในยามปกติ แล้วมันจะมีกลิ่นน้ําอบปาเป่าเซีย งที่อยู่บนตัวพระชายารองได้ยังไงเจ้าคะ ? แม้ปิ่นปักผมนี้จะติดกลิ่นเจ้าของมา ได้จริง ๆ แต่ทุกท่านโปรดอย่าลืมว่ากลิ่นน้ําอบปาเป่าเซียงมีความหอมหวานแบบ แต่มันมีข้อเสียคือกลิ่นอยู่ได้ไม่นานก็จะจางหายไป…. เช่นนั้นตามที่ พระชายารองบอกว่าปิ่นปักผมนี้หายไปตั้งแต่เมื่อสามวันก่อนก็ดูแปลก ๆ นะเจ้า คะ ถ้าหายไปสามวันแล้วจริง ๆ กลิ่นหอมที่ติดปิ่นปักผมน่าจะจางหายหมดไปตั้ง นานแล้ว แต่ทําไมจนตอนนี้มันถึงยังมีกลิ่นหอมหวานติดอยู่นิดหน่อยล่ะเจ้าคะ
สุภาพน่าใช้
?”
ตามคําพูดของเจียงป่าวชิง ใบหน้าของพระชายารองอิงเหมือนถูกย้อมด้วยสีน้ํา มันทั้งเขียวทั้งม่วงแลดูน่าขันยิ่งนัก
“คําตอบมีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือปิ่นปักผมอันนี้เก็บอยู่ที่พระชายารองมาโดย ตลอดก่อนที่มันจะถูกใส่ลงไปในกล่องผ้าไหมกล่องนี้ในวันนี้ มันจึงติดกลิ่นหอม ที่อยู่บนตัวพระชายารองมาด้วยยังไงล่ะเจ้าคะ”
น้ําเสียงของเจียงป่าวชิง ไม่ได้ดังอะไร แต่มันเหมือนก้อนหนักที่ทุบลงไปบน
ใบหน้าของพระชายารองอิงอย่างแรง นางก้าวโซเซถอยหลังแต่ยังคงดิ้นรน “บาง ที่เจ้าอาจจงใจรมกลิ่นลงไปบนปิ่นปักผมอันนี้ก็ได้…”
ทว่า ไม่มีใครฟังคําพูดของนางอีกต่อไป
ถ้าหากว่าเจียงป่าวชิงจงใจรมกลิ่นเพื่อใส่ร้ายจริง ๆ แล้วทําไมบนตัวนางถึงไม่มี กลิ่นหอมของน้ําอบปาเป่าเซียงแต่กลับมีเพียงกลิ่นยาขมอย่างเดียว
ในที่สุดแผนการใส่ร้ายป้ายสีของพระชายารองอิงก็ถูกเปิดโปง