แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 427 หยก
พระชายารองอิงเข้าไปจับชายเสื้อขององค์ชายหย่งชินทว่าก็เปล่าประโยชน์ องค์
ชายหย่งชินโบกมือพลันสะบัดแขนเสื้อออกมาจากในมือของพระชายารองอิง
“อิงเอ๋อร์ พอได้แล้ว ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
พระชายารองอิงยังคงซื้ออย่างเอาเป็นเอาตาย “ ไม่ องค์ชาย องค์ชายต้องเชื่อข้า….
ข้าถูกใส่ร้าย! ข้า…”
การแก้ตัวของนางฟังดูหมดแรง
องค์ชายหย่งชิ้นหยุดชะงัก “ ใครก็ได้มาพาพระชายารองอิงออกไปหน่อย!”
“องค์ชาย ช้าก่อนเจ้าค่ะ” แม่นมกุ้ยที่ยืนรับใช้อยู่ข้าง ๆ โดยไม่ได้พูดอะไรมา ตลอดก้าวออกมา นางอยู่ในชุดเสื้อกันหนาวตัวตรงขนาดเล็กคอกลมสีน้ําเงินแดง ผมสีขาวเงินของนางถูกหวีจนเรียบแปล้แล้วรวมขดเป็นมวยปักปิ่นปักผมสีเงินทํา ให้ดูเรียบร้อยสง่างาม นางค่อย ๆ พูดขึ้นอย่างช้า ๆ “ โปรดอภัยให้ข้าน้อยที่ ขัดจังหวะ แต่ขอข้าน้อยพูดสักหน่อยนะเจ้าคะ”
แม่นมกุ้ยเป็นหญิงชราที่อยู่เคียงข้างพระนางเจียฮุยมานานหลายปี นางคอย ปรนนิบัติอยู่ข้างกายตั้งแต่พระนางเจียฮุยยังเป็นพระชายาฮุยอยู่ในวัง และถือว่า เป็นแม่นมชราที่เห็นองค์ชายหย่งชิ้นเติบโตมาโดยตลอด ต่อมาเมื่อฮ่องเต้คนก่อน สิ้นพระชนม์ พระนางเจียฮุยก็ถูกองค์ชายหย่งชินรับมาที่จวน ส่วนแม่นมกุ้ยเองก็ อายุมากแล้ว นางปรนนิบัติดูแลพระนางเจียฮุยอยู่ในวังมาโดยตลอดจึงยังไม่ได้ แต่งงานหรือมีลูก ทว่านางมีหลานชายหนึ่งคนซึ่งนางดูแลเขาอยู่ตลอดจนกระทั่ง เขามีครอบครัว ดีที่เขามีความกตัญญูต้องการพาแม่นมกุ้ยออกไปพักผ่อนใช้ชีวิต บั้นปลายอย่างสุขสบาย พระนางเจียฮุยเองก็ตัดสินใจปล่อยให้แม่นมกุ้ยออกไปใช้
ชีวิตในวัยชรากับครอบครัวของนางเช่นกัน
แต่แม่นมกุ้ยนั้นกลับทําใจไม่ได้ที่ต้องห่างพระนางเจียฮุย นางออกไปพักอยู่ด้าน นอกกับครอบครัวหลานชายได้ครึ่งปีก็เป็นฝ่ายกลับมาขออยู่ปรนนิบัติดูแลพระ นางเจียฮุยต่อ ในตอนนั้นพระนางเจียฮุยเองก็อายุมาก ในเมื่อมีแม่นมชราที่เคย คอยรับใช้มาเป็นเวลาหลายปีขอกลับมาดูแลมาอยู่เป็นเพื่อนชีวิตก็ดีเหมือนกัน
และหลังจากที่แม่นมกุ้ยกลับมา พระนางเจียฮุยเองรู้สึกสบายใจไม่น้อยเลย
องค์ชายหย่งชินเคารพแม่นมกุ้ยมาโดยตลอด เขาชะงักงันก่อนจะกล่าวขึ้น “แม่
นมกุ้ยเชิญพูดเถอะ”
อันที่จริงการเคารพของเจ้านายไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีในหลาย ๆ กรณี เพราะถึง อย่างไรแม่นมเป็นเพียงคนรับใช้ หากผู้เป็นเจ้านายเคารพสักครั้งสองครั้งยังถือว่า ให้เกียรติอยู่ แต่ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้ทุกวัน ในหัวใจของผู้เป็นเจ้านายก็ย่อมแปลก ไป สําหรับแม่นมคุ้ยนางปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างถ่อมตัวเสมอมา ไม่เคยอาศัยความ เป็นผู้อาวุโสเพื่อชี้แนะเกินเลยต่อหน้าองค์ชายหย่งชินสักครั้ง
นี่เป็นครั้งแรกที่นางทําเช่นนี้ องค์ชายหย่งชินจําเป็นต้องไว้หน้านาง
แม่นมกุ้ยถอนสายบัวให้องค์ชายหย่งชินเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ ก่อนจะ
พูดด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน “หมอเทวดาเจียงเป็นหมอที่ได้รับเชิญเป็นพิเศษจาก
นางรักษา
ความกตัญญูของพระชายา ข้าน้อยเองคอยดูนางอยู่ข้าง ๆ เมื่อสองสามวันนี้ แม้ หมอเทวดาเจียงจะอายุยังน้อยแต่ทักษะรักษาโรคของนางล้ําเลิศนัก พระนางเจียฮุยได้อย่างละเอียดรอบคอบยิ่งกว่าใคร และที่พระนางเจียฮุยฟื้นขึ้นมา
ได้ในวันนี้ก็เพราะความสามารถและคุณงามความดีของหมอเทวดาเจียงเจ้าค่ะ”
พูดถึงตรงนี้ แม่นมกุ้ยหยุดชะงักแล้วถอนสายบัวให้เจียงป่าวชิงอย่างตั้งใจ เจียง ป่าวชิงจึงรีบโค้งตัวคํานับการทําความเคารพของอีกฝ่ายอย่างเกรงใจ “แม่นมกุ้ย
เกรงใจเกินไปแล้ว เดิมนี่ก็เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วนะจ๊ะ”
แม่นมกุ้ยมององค์ชายหย่งชินแล้วพูดขึ้น “องค์ชายอย่าถือสาที่ข้าน้อยจี้จี้จุกจิก
เลยนะเจ้าคะ ข้าน้อยอายุมากแล้วและไม่ใช่คนประเภทยุให้รําตําให้รั่วอย่างนั้น แต่ข้าน้อยถือว่าเป็นผู้ประสบมากับตัวเองครึ่งหนึ่งสําหรับเรื่องในวันนี้ การที่ หมอเทวดาเจียงผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่ต่อพระนางเจียฮุยต้องพบกับความไม่เป็น
ธรรมในจวนของเรา ข้าน้อยจึงต้องพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นธรรมดา
เจ้าค่ะ”
พระชายารองอิงอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่แม่นมกุ้ยไม่ปล่อยให้นางได้มีโอกาส
พูดแทรก “คือว่าช่วงบ่ายข้าน้อยกําลังปรนนิบัติอยู่ในห้องพระนางเจียฮุยก็ได้ยิน
เสียงฮือฮาพูดกันว่ามีสิ่งของล้ําค่าบางอย่างหายไปจึงรีบพาคนไปดู และเห็นว่า
พระชายารองพาหญิงชราที่ดูแข็งแรงเกินวัยและดูดุร้ายพวกนี้มาล้อมเด็กสาวบอบ
บางอย่างหมอเทวดาเจียงจนต้องหนีขึ้นไปบนพื้นที่ยกสูงตรงนั้น นางเป็นเด็กสาว
ที่มีพระคุณกับจวนองค์ชายของเราแต่กลับต้องมาถูกพวกหญิงชราหน้าตาชั่วร้าย
ล้อมไว้จนถึงกับต้องถอดปิ่นปักผมออกมาป้องกันตัว แล้วท่านดูสิเจ้าคะ บนพื้นมี
แต่ข้าวของกระจายเต็มพื้นไปหมดไม่ได้ดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ เลย ถ้าหากว่าข้าน้อย
มาถึงที่นี่ช้าไปสักนิดก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหมอเทวดาเลี้ยงบ้างเจ้าค่ะ”
ตอนที่แม่นมกุ้ยพูดถึงจุดสะเทือนใจนางก็รู้สึกฮึกเหิมเล็กน้อย “องค์ชายเจ้าคะ ในเมื่อตอนนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่านี่เป็นเรื่องที่พระชายารองอิงสร้างขึ้นมาเอง เพื่อใส่ร้ายหมอเทวดาเจียง จงใจทําให้นางไม่ได้รับความเป็นธรรม เช่นนี้แล้ว องค์ชายจะปล่อยนางง่าย ๆ ได้ยังไง ไม่ว่าจะยังไงองค์ชายก็ควรให้คําอธิบายกับ หมอเทวดาเลี้ยงนะเจ้าคะ มิเช่นนั้นถ้าหากเรื่องนี้ถูกพูดออกไปประมาณว่าจวน
องค์ชายปฏิบัติกับผู้มีพระคุณต่อพระนางเจียฮุยอย่างไม่เหมาะสม คนที่รู้จะบอก
ว่าพระชายารองจิตใจโหดเหี้ยม แต่คนที่ไม่รู้อาจคิดว่าจวนองค์ชายของเราไม่ อยากเห็นพระนางเจียฮุยหายเป็นปกติก็เป็นได้เจ้าค่ะ”
คําพูดช่วงแรกของแม่นมกุ้ยเป็นเพียงการปูเรื่องราวเท่านั้น คําพูดสุดท้ายค่อยถือ
เป็นจุดสําคัญ
สีหน้าองค์ชายหย่งชินเปลี่ยนไปทันที การที่แม่นมคุ้ยต้องการให้เขาให้คําอธิบาย แก่หมอเทวดาเจียง จริง ๆ แล้วคือต้องการให้เขาบอกกับทุกคนว่าจะจัดการกับ พระชายารองอิงอย่างไรเสียมากกว่า
แน่นอนว่าการลงโทษในความผิดครั้งนี้ไม่สามารถลงโทษสถานเบาได้
າ
พระชายารองอิงมององค์ชายหย่งชินด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้สีหน้าขององค์ ชายค่อย ๆ เปลี่ยนกลายเป็นดุร้าย ทว่าทันใดนั้นนางสังเกตเห็นจี้หยกที่ห้อยอยู่ ตรงเอวของเจียงป่าวชิงในขณะที่นางกําลังลุกลี้ลุกลน นั่นเป็นหยกน้ําดีมีสีสันที่ดู สวยงามแวววาวซึ่งแสดงให้เห็นว่าจี้หยกนี้ไม่ใช่สิ่งของธรรมดา นางเหมือนคนที่ จมน้ําและจับฟางเส้นสุดท้ายไว้ได้รีบตัดสินใจพูดขึ้นเสียงดังว่า “องค์ชายเพคะ! เจียงป่าวชิงคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไรจริง ๆ ด้วย องค์ชายดูจี้หยกที่เอวนางสิเพคะ สามัญชนต่ําต้อยอย่างนางจะมีของดีขนาดนี้ไว้ครอบครองได้ยังไง นางต้องขโมย
มันมาอย่างแน่นอนเลย”
เนื่องจากเจียงป่าวชิงเป็นเด็กสาวอายุยังไม่มากคนหนึ่ง สําหรับอายุขององค์ชาย
หย่งชิน เมื่อวางอยู่ในหมู่ชนคนทั่วไปก็แทบจะเป็นปู่ของเจียงป่าวชิงได้อยู่แล้ว เขาจึงไม่จ้องมองเด็กสาวบ่อยนักและไม่ทันเห็นจี้หยกที่ห้อยอยู่ตรงเอวของนาง
เมื่อพระชายารองอิงพูดถึงในตอนนี้ เขาค่อยลองมองดูอย่างตั้งใจและต้องเบิกตา
กว้างทันที
เพิ่งมีความหวังปรากฏขึ้นมาในหัวใจของพระชายารองอิงแท้ๆ แต่ก็ต้องดับไป เพราะสีหน้าขององค์ชายหย่งชินเคร่งขรึมขึ้นมา เขาพลิกมือไปตบหน้าพระชายา
รองอิงในทันใด
องค์ชายหย่งชินเป็นลูกหลานของตระกูลสวรรค์ เขามั่งคั่งร่ํารวยมีเกียรติกับฟ้า
ตั้งแต่กําเนิด แต่เขาไม่ใช่คนประเภทที่เคล้าสุรานารีชอบเสพสุขในรูปแบบ เช่นนั้นทั้งวัน แต่เป็นคนชอบขี่ม้ายิงธนูจนชํานาญเป็นวิทยายุทธ์ เมื่อเหวี่ยงมือ ตบออกไป สาวงามร่างบางอย่างพระชายารองอิงหน้าหันร่างหมุนเป็นลูกข่าง สุดท้ายก็ล้มลง
นางล้มนั่งกองอยู่บนพื้น ขณะนี้ใบหน้าที่บํารุงจนเรียบเนียนอ่อนนุ่มเกิดเป็นรอย นิ้วมือสีแดงเป็นปืน ทุกคนในที่นั้นมองออกว่าครั้งนี้องค์ชายหย่งชิ้นไม่ยั้งมือ
แม้แต่น้อย
พระชายารองอิงส่งเสียงร้องสั้น ๆ ที่ยากจะเข้าใจออกมาจากในลําคอ ราวกับนาง ถูกตบจนสูญเสียจิตวิญญาณไปเกินครึ่งอย่างไรอย่างนั้น
ภายในห้องเงียบสนิท ไม่มีใครส่งเสียงใด ๆ ออกมาแม้แต่แอะเดียวๆ
กว่าพระชายารองอิงจะดึงสติกลับมาได้สักพักใหญ่ นางมององค์ชายหย่งชิน อย่าง ไม่อยากจะเชื่อและเรียกออกมาด้วยเสียงแหลมเล็ก “องค์ชาย!”
องค์ชายหย่งชินเหลือบมองพระชายารองอิงอย่างเยือกเย็น ” ข้ากําลังช่วยเจ้าอยู่ เจ้ารู้หรือเปล่าว่าจี้หยกนั้นมีที่มาที่ไปยังไง ?”
พระชายารอง งทั้งตกตะลึงและสงสัย แล้วมันมีที่มาที่ไปยังไงล่ะเพคะ ?!
องค์ชายหย่งชินสูดหายใจเข้าลึก ๆ พลางมองพระชายารอง งด้วยสายตา แปลก มาก “นั่นเป็นจี้หยกที่ฮ่องเต้คนปัจจุบันมักพกติดตัวเสมอ เจ้า เข้าใจแล้วหรือยัง
?”
พระชายารองอิงเบิกตากว้างทันที นางแข็งทื่อไปทั้งตัว ดูเหมือนว่าแม้แต่การ หายใจของนาง หยุดชะงักเช่นกัน มีเพียงอาการสั่นเทาเล็กน้อยเท่านั้นที่ทําให้ ผู้คนรู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่
ไม่คิดว่าจะเป็นจี้หยกขององคนปัจจุบัน!
แน่นอนว่าเจียงป่าวจึงไม่อาจไปที่พระราชวังแล้วขโมย หยกของฮ่องเต้มาได้ นั่น หมายความได้เพียงอย่างเดียวว่านี่เป็นสิ่งที่ฮ่องเต้มอบให้แก่นาง
จี้หยกที่พกติดตัวนั่นแตกต่างจากของรางวัลอื่น ๆ จะต้องเป็นคนที่ใกล้ชิดมาก จริงๆ ฮ่องเต้ถึงมอบสิ่งนี้ให้
แล้วเจียงป่าว งานนี้ นางมีเบื้องหลังเช่นนี้อย่างนั้น ?! แล้วเจียงป่าวชิงคนนี้
พระชายารองอิงมองเงียงป่าว งแล้วก็เห็นว่าเด็กสาว หน้าตาสะสวยเหมือน ภาพวาดคนนั้นกําลังส่งยิ้มให้นางอย่างมีความหมาย เมื่อรอยยิ้ม ตกอยู่ในดวงตา
ของนาง มันไม่ต่างจากการโอ้อวดที่โหดร้ายอย่างแท้จริง
พระชายารอง งคาเหลือก กใจ นางสลบไปเสียแล้ว