แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 428 : คุยเล่น
แม้พระชายาว งอิงจะเป็นลมไปแล้ว แ องค์ชายห ง กลับ ไม่มองนางแม้แต่
น้อย ทั้งยังสั่งให้คนลากนางออกไปด้วย
“แม่นางเจียง ข้าขออภัยที่ทําให้เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรม” องค์ชายหย่งชิน มองเจียงป่าว งอย่างลึกซึ้ง “เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะให้คําอธิบายเกี่ยวกับเรื่องของ พระชายารองอิงกับเจ้าอย่างแน่นอน”
เจียงป่าวชิงถอนสายบัวแล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา “ข้าน้อยเชื่อว่าองค์ชายจะ
จัดการอย่างยุติธรรมเจ้าค่ะ”
หลังจากที่องค์ชายหย่งชินกลับออกไปแล้ว พระชายามองเจียงป่าวชิงอย่างรู้สึก
ผิดเล็กน้อย “เฮ้อ เป็นเพราะข้าดูแลไม่อยู่ในกรอบเองถึงทําให้เจ้าต้องมาไม่ได้รับ ความเป็นธรรมเช่นนี้”
เจียงป่าวชิงพูดขึ้น “ใจมนุษย์ยากที่จะคาดเดาเจ้าค่ะ พระชายารองอิงกระทําเช่นนี้
พระชายาจะคาดเดาได้ยังไงกันล่ะเจ้าคะ”
พระชายาเห็นว่าเจียงป่าวชิงดูเหมือนไม่ได้สนใจอะไรเรื่องนี้ นางรู้สึกโล่งใจมาก ขึ้นพลางคิดในใจว่าเจียงป่าวชิงเป็นเด็กสาวใจกว้างคนหนึ่ง
สายตาที่นางใช้มอง
เจียงป่าวชิงมีความชื่นชมเพิ่มมากขึ้น และมีความคิดผุดขึ้นในใจของนางอย่าง เลี่ยงไม่ได้ว่าช่างน่าเสียดายจริงๆ สําหรับเด็กดีขนาดนี้ แม้วงศ์ตระกูลของอีกฝ่าย จะไม่ได้ดีอะไรแต่นางมีความสามารถ นิสัยก็ดี ดูรู้ว่าไม่ใช่คนประเภทที่ชอบก่อ เรื่องให้กับวงศ์ตระกูล มันคงเป็นเรื่องที่ดีมากถ้าหากว่าสามารถให้นางมาเป็น พระชายารองของถิงเอ๋อร์ ได้
พระชายาลอบถอนหายใจ ทันใดนั้นเอง นางได้ยินหลินถึงที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “แม่นางเจียง พี่เผยเคยบอกข้าว่าเจ้าเป็นน้องสาวของศิษย์
น้องเจียงจึงเป็นเหมือนน้องสาวของเขาด้วย ข้ากับพี่เผยเป็นพี่น้องกัน แน่นอนว่า เจ้าเองก็เป็นน้องสาวของข้าด้วยเช่นกัน เรื่องวันนี้ เดิมที่ข้ายังกลัวว่าท่านพ่อจะถูก พระชายารองทําให้หน้ามืดตามัวและปรักปรําเจ้าอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าจึงคิดว่าไม่ว่า
จะยังไงข้าก็จะปกป้องเจ้าให้ได้ แต่ไม่คิดว่าเจ้าจะจัดการกับพระชายารองด้วย
ตัวเองอย่างสบาย ๆ เช่นนี้ ช่างน่านับถือมากจริงๆ”
พระชายารู้สึกเหมือนมีอะไรมากระทบอยู่ในใจ นางรีบมองดูเมื่อเห็นว่าไม่มีสี หน้าแปลก ๆ อยู่บนใบหน้าของบุตรชาย มีเพียงสีหน้าชื่นชมที่บริสุทธิ์ใจนางถึง รู้สึกวางใจ
เจียงป่าวชิงเคยพบกับหลินถึงครั้งหนึ่ง เด็กหนุ่มเป็นกันเองที่ทําเหมือนว่านาง เป็นน้องสาวของตัวเองด้วยคนนี้ใจกว้างดี ถ้าหากว่านางรีบยอมรับในคําพูดของ
หลินถิง ไม่แน่ทุกคนอาจจะปีติยินดีกันถ้วนหน้าเพราะคิดว่านี่เป็นเรื่องดี
ประกอบกับนางมีที่พึ่งเพิ่มมาอีกคน แต่ด้วยนิสัยของเจียงป่าวชิงที่ค่อนข้างเย็นชา นางจึงทําเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณสําหรับความมีน้ําใจขององค์ชายหลินถึงเจ้าค่ะ”
พระชายามองดูเจียงป่าวชิงที่มีท่าทีตรงไปตรงมาอยู่ด้านข้าง สายตาของเด็กสาว ไม่มีการประจบประแจงเอาใจต่อหลินถึงแม้แต่น้อย เห็นดังนั้นนางก็รู้สึกพออก
พอใจในใจมากยิ่งขึ้น
ต้องทราบก่อนว่านางไม่ได้คุยโวไปเอง แต่ถึงเอ๋อร์ของนางเป็นเด็กดี เขาเลือก
มองข้ามตัวตนในฐานะผู้สืบทอด นะผู้สืบทอดและเสนอเป็นพี่ชายให้เด็กสาวเขานั้นนับว่าเป็น หนุ่มรูปงามผู้มีความรู้ปราดเปรื่องในเมืองหลวง หน้าตาก็หล่อเหลาการเรียนก็ดี นิสัยของเขายิ่งดีเข้าไปใหญ่ เขามีจิตใจบริสุทธิ์จริงใจราวกับเด็กทารกเพิ่งคลอด ใหม่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่ว่าเขาเป็นผู้สืบทอดที่สูงศักดิ์มาก ถ้าหากว่าใคร ได้แต่งงาน กับเขา แม่นางผู้นั้นก็จะเป็นคุณหญิงลําดับหนึ่งของผู้สืบทอดแห่งจวนองค์ชาย หย่งชิน และจะมีชีวิตรุ่งโรจน์มั่งคั่งต้องการอะไรก็ย่อมได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส
บางครั้งที่นางออกไปงานเลี้ยงพบปะพวกคุณหญิงมากมาย ตราบใดที่มีหญิงสาว
วัยที่เหมาะสมอยู่ในบ้าน พวกนางก็จะมาตีสนิทชนิดที่ดูออกเลยว่าทําเพื่อหวังผล
แต่การที่เด็กสาวแซ่เจียงไม่ได้เป็นคนเช่นนั้น ทําให้พระชายารู้สึกชื่นชมนางยิ่ง
นัก
ทว่าในใจนางยังคงเป็นคําพูดนั้น ช่างน่าเสียดายจริงๆ
ตกกลางคืน
ดวงจันทร์เลือนรางประหนึ่งโคมไฟกลมแสงริบหรี่แขวนไว้อยู่บนยอดต้นไม้ปก
คลุมไปด้วยหิมะ ในที่สุดอันหย่วนส่วนที่คึกคักเกือบตลอดช่วงบ่ายก็กลับมาเงียบ สงบอีกครั้ง
เจียงป่าวชิงรู้สึกเหนื่อยล้าจึงพักผ่อนตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว ทว่านางนั้นไม่รู้เลยว่า
ตอนนี้กําลังมีคนพูดคุยเรื่องของนางอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
หลินถึงเข้าไปในห้องรับรองส่วนตัวของโรงเตี้ยมหยุนช่างและเห็นเผยหยู่เพื่อที่ กําลังดื่มรอเขาอยู่ที่นั่น เมื่อเห็นหลินถึงมาแล้ว เขาก็พูดขึ้นยิ้ม ๆ โดยที่ในมือยัง ถือแก้วเหล้าไว้อยู่อย่างนั้น “ยู่ถึงมาแล้ว”
หลินถึงชื่นชมในความรู้และการวางตัวของเผยหยู่เจ๋อมาโดยตลอด เขาถอดเสื้อ คลุมชั้นนอกออกส่งให้เด็กรับใช้ที่อยู่ด้านหลัง และพูดด้วยความรู้สึกผิดทว่า ใบหน้ายิ้มแย้ม “เกิดเ
น้ายิ้มแย้ม “เกิดเรื่องที่จวนนิดหน่อยข้าจึงออกมาช้า แต่โชคดีที่ยังไม่เลย
เวลานัด พีเผยรอข้านานหรือยัง ?”
สายตาของเผยหยู่เจ๋อฉายแววสนใจขึ้นมาทันที เขาวางแก้วเหล้าในมือลงบนโต๊ะ แล้วถามด้วยสีหน้าราบเรียบ “เรื่องอะไร แล้วมีอะไรที่ข้าสามารถช่วยได้ไหม
?”
หลินถึงพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ ไม่มีอะไรหรอก ปัญหาถูกแก้ไขแล้ว แต่จะว่าไป พี่เผย
เคยให้ข้าช่วยดูแลแม่นางเจียง
ก่อนหน้านี้ข้ายังคิดว่าท่านแม่ของข้าจะต้องดูแล
เรื่องในจวนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยจนเรื่องอื่นไม่สามารถแทรกเข้ามาได้อย่าง
แน่นอน แต่ข้าไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้เห็นท่วงท่าอันสง่างามของแม่นางเจียงโดย บังเอิญ นางเป็นหญิงสาวที่ชวนให้น่านับถืออย่างมาก”
แสงในดวงตาของเผยหยู่เจ๋อสว่างขึ้น เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เมื่อควบคู่กับ รูปลักษณ์เกียจคร้านอันมีเสน่ห์ของเขาที่มีอยู่เสมอแล้ว มันกลับทําให้ผู้คนเบน สายตาไปทางอื่นไม่ได้เลยทีเดียว “อ้อ นางทําอะไรล่ะ ?”
หลินถึงชะงัก เขาอยากเล่าให้คนอื่นฟังจริงๆ และเขานั้นคิดว่าเผยหยู่เพื่อสนิท กัน ไม่ได้ว่าถือเป็นคนนอกอะไรจึงเล่าให้ฟังเกี่ยวกับที่พระชายารองอิงก่อเรื่อง
ขึ้นเมื่อตอนบ่ายทีละเรื่อง เมื่อเล่ามาถึงช่วงสุดท้าย หลินถึงก็พูดขึ้นอย่างเทิดทูน “พี่เผยไม่เห็นท่าทางสงบไม่สะทกสะท้านของแม่นางเจียงในตอนนั้น นางพูด ต้อนพระชายารองอิงด้วยน้ําเสียงไพเราะจนพระชายารองอิงถึงกับหมดคําจะพูด
ไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้ ผู้หญิงส่วนใหญ่ในเมืองหลวงพูดได้ไม่กี่ประโยคก็ก้ม
หน้ายอมแพ้เลิกปกป้องตัวเองกันแล้ว หรือไม่ก็เงียบเพราะความเขินอาย ช่างขาด
ความชํานาญในการสื่อสารเสียจริง แต่แม่นางเจียงกลับแตกต่างจากผู้หญิงพวก นั้น นางยอดเยี่ยมมาก”
เผยหยู่เจ๋อได้ฟัง ในหัวของเขาก็มีการร่างเค้าโครงท่าทางที่สงบและตอนที่กําลัง พูดจาอย่างฉะฉานของเด็กสาวคนนั้น เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึง “แน่นอนว่า น้องสาวตระกูลเจียงยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ยังไงซะนางก็เป็นน้องสาวของศิษย์น้องที่ ฉลาดเฉลียวของข้าคนนั้น เจ้าเองก็เคยเห็นศิษย์น้องของข้าคนนั้นแล้วหนิ หน้าตา หล่อเหลาฉลาดปราดเปรื่อง น้องสาวตระกูลเจียงกับศิษย์น้องของข้าเป็นแฝดกัน พวกเขาย่อมไม่ธรรมดาเหมือน ๆ กัน”
หลินถึงพยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง “ยอดเยี่ยมมาก
เขาหยุดชะงักเล็กน้อย
เพราะนึกเรื่องอะไรบางอย่างได้จึงส่งเสียงอุทานออกมา “แต่เอ๊ะ ข้ารู้สึกแปลกใจ
อยู่เรื่องหนึ่ง….”
ตอนนี้เผยหยู่เจ๋อสนใจเจียงป่าวชิงมาก เขาได้ยินดังนั้นก็ส่งเสียงอุทานแล้วโน้ม นําให้หลินถึงพูดต่อ “เรื่องอะไรถึงทําให้ถึงรู้สึกแปลกใจเช่นนี้หรือ ?”
หลินถึงไม่ได้ปิดบังอะไรเผยหยู่เจ๋อ เขาคิดว่าเผยหยู่เจ๋อเป็นศิษย์พี่ของพี่ชายเจียง ป่าวชิงจึงไม่ถือว่าเป็นคนนอกอะไร เขาลังเลแต่สุดท้ายก็อธิบายอย่างละเอียด
“แม่นางเจียงมีจี้หยกอันหนึ่งซึ่งท่านพ่อข้าบอกว่ามันคือจี้หยกที่ฮ่องเต้มักพกติด
ตัวเสมอ แต่ไม่รู้ว่าแม่นางเจียงไปได้มันมาจากที่ใด”
เผยหยู่เจือชะงักก่อนจะพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ทักษะรักษาโรคของน้องสาวเจียงล้ําเลิศ มาก บางทีนางอาจได้รับมาโดยบังเอิญหลังจากที่นางรักษาโรคให้ขุนนางของ ฮ่องเต้ก็ได้… เอาล่ะ ๆ เจ้าพูดมาตั้งนานแล้วแต่กลับไม่ดื่มเหล้าสักอีก มาเถอะ แม้เหล้าสาลี่ของโรงเตี้ยมหยุนช่างจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่ถ้าเข้าปากแล้วมันมีรส หวาน รสชาติที่ตกค้างก็ติดลิ้นยาวนาน เจ้าลองดูสิ”
เด็กรับใช้ที่อยู่ด้านข้างรีบรินเหล้าให้หลินยู่ถึงอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองคนดื่มเหล้าและพูดคุยกันท่ามกลางการสั่นไหวของแสงเทียน
คนเฝ้าประตูของจวนองค์ชายหย่งชินได้รับจดหมายที่มีเนื้อความขอเยี่ยมเยือนใบ
หนึ่ง ผู้ที่สามารถเป็นคนเฝ้าประตูของจวนองค์ชายได้จะต้องรู้และเข้าใจเกี่ยวกับ บุคคลในเมืองหลวงเป็นอย่างดี เขามองแค่ครั้งเดียวก็ไม่กล้าเฉยเมย รีบสั่งให้คน
ไปรายงานที่ห้องตําราขององค์ชายทันที
องค์ชายหย่งชินจัดการกับงานหลวงอยู่ในห้องตํารา เมื่อได้รับจดหมายขอเยี่ยม
เยือนนี้คิ้วเขาพลันขมวด คลื่นลูกใหญ่เกิดขึ้นในใจของเขาเสียแล้ว
เหอะ! เรื่องเพิ่งเกิดเมื่อช่วงบ่ายแต่ตกกลางคืนเจ้านั่นก็ส่งจดหมายขอเยี่ยมเยือนมา เสียแล้ว นี่ข่าวสารมันเผยแพร่ไปได้เร็วขนาดนั้นเลยเชียว
องค์ชายหย่งชินระงับการคาดเดาในใจเอาไว้และสั่งให้พ่อบ้านไปเชิญอีกฝ่ายเข้า
มา