แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 435 หวังชื่อมาที่บ้าน
เจียงป่าวชิงพูดด้วยสีหน้าหนักแน่น “ครูเวินไม่รู้อะไร ต่อให้ทักษะรักษาโรคของข้าจะยอดเยี่ยมมากจนซอยลึกปกปิดกลิ่นหอมของเหล้าไม่ได้ และแม้ข้าจะไม่ค่อยแสดงฝีมือเท่าไหร่ แต่ สักวันเรื่องที่ข้าเป็นหมอมีฝีมือก็ต้องถูกพูดออกไปอยู่ดี คนที่พูดไปอาจไม่ใช่สะใภ้ตระกูลซุน แต่อาจเป็นสะใภ้ตระกูลโจหรือตระกูลจ้าวก็ได้ สิ่งที่มันจะมามันก็ต้องมาอยู่วั นยังค่ำ ถ้าโทษก็โทษตัวข้าเองที่โดดเด่นเกินไปเจ้าค่ะ”
ในที่สุดครูเวินก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา “แม่นางเจียง เจ้า…”
มีใครเขาชมตัวเองเช่นนี้ที่ไหนกันเล่า!
หลังจากหัวเราะแล้ว ครูเวินรู้สึกสบายใจไม่น้อยเลย นางโค้งคำนับให้เจียงป่าวชิงอย่างจริงจังแต่เจียงป่าวชิงจึงรีบหลบหลีกอย่างเกรงใจ
“แม่นางเจียงทั้งใช้ใจคำนึงถึงผู้อื่นและใจกว้างจนข้าไม่สามารถตอบแทนบุญคุณของเจ้าได้” ครูเวินพูดเสียงเบา “ต่อไปข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสอนวิชาความรู้ให้กับน้อง ๆ ทั้ งสองของเจ้า ขอให้เจ้าวางใจ”
คำพูดนี้จริงใจยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น เจียงป่าวชิงเองก็รู้สึกดีใจเช่นกัน “ข้าเองก็ต้องขอรบกวนครูด้วยเจ้าค่ะ”
ในที่สุดครูเวินก็กลับไปโดยที่ไม่สนใจการเหนี่ยวรั้งของเจียงป่าวชิงและเจียงฉิง เมื่อดูจากทิศทางที่นางเดินไป ดูเหมือนนางไม่ได้กลับบ้านแต่มุ่งหน้าไปยังบ้านแม่นมของนาง
เจียงป่าวชิงไม่ได้นำเรื่องนี้มาใส่ใจแต่อย่างใด ทว่าวันต่อมา หวังชื่อลูกสะใภ้ของยายฉินที่เป็นแม่นมครูเวินกลับมาโวยวายที่บ้านซะอย่างนั้น
เจียงหยุนชานไปร่ำเรียนที่บ้านผู้เฒ่าหยุนไห่แล้ว ส่วนช่วงเวลานี้เลี่ยวชุนหยู่ก็ไปเล่นขว้างหิมะที่ลานกว้างกับเด็กบ้านอื่นในซอย เหลือเพียงเจียงป่าวชิง เจียงฉิง และ มี่หลิวสามคนที่อยู่ที่บ้าน
เมื่อวานมี่หลิวจัดเก็บห้องใหม่จนสามารถพักอาศัยได้แล้ว ทว่าเมื่อหลับนอนหนึ่งคืน ก็พบว่ายังมีบางจุดที่ต้องปรับปรุงเล็กน้อยในวันนี้ นางกำลังจัดเก็บอยู่ข้างในห้อง ส่วน เจียงป่าวชิงกับเจียงฉิงก็กำลังวางแผนช่วยกันหมักแกะดำที่ทางจวนองค์ชายหย่งชินเชือดมาให้อย่างดีแล้ว ตอนที่ทุกคนกำลังยุ่งกับงานของตัวเองอยู่นั้น เสียงเคาะประตูดังสนั่นล ลอยมาให้ได้ยิน และมีเสียงร้องแหลมสูงของผู้หญิงปนอยู่ในนั้นด้วย
ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ!
“เจียงป่าวชิง เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้!”
หัวคิ้วของเจียงฉิงขมวดเข้าหากันแน่นและนางรู้สึกโกรธเล็กน้อย “พี่ ข้าจะไปดูว่าเป็นใครที่วิ่งมาร้องตะโกนที่บ้านคนอื่นเช่นนี้!”
แต่เจียงป่าวชิงกลับห้ามนางไว้ “ขาของแกะดำนี่ยังต้องทาเกลือต่ออีกหน่อยไม่งั้นจะเสีย เจ้าทำรอข้าอยู่ที่นี่ไปก่อน”
แม้เสียงนั้นจะดังโหดร้ายมาก แต่นางฟังออกว่าน่าจะเป็นเสียงของลูกสะใภ้คนที่สองของยายฉิน แม่นมของครูเวิน
“แต่…” ไม่บ่อยนักที่เจียงฉิงจะไม่เชื่อฟังคำพูดของเจียงป่าวชิง นางยังมีความลังเลเล็กน้อย “คนที่อยู่ข้างนอกตะโกนร้องอย่างดุร้ายแล้วก็โวยวายมากเลยนะจ๊ะพี่”
ก็เพราะว่าดุร้ายมาก เจียงป่าวชิงถึงไม่ให้เจียงฉิงที่ยังเป็นเด็กออกไปยังไงเล่า!
แน่นอนว่าเจียงป่าวชิงไม่สามารถพูดออกไปตามตรงได้ นางเพียงยิ้มเล็กน้อยแต่เนื่องจากมีเกลือติดอยู่บนมือจึงไม่สามารถยื่นมือไปลูบศีรษะของเด็กหญิงได้ ทำได้เพียงพูดเน้นด้วยเส สียงหนักแน่น “ต่อให้ดุร้ายกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะท่าทางทั้งหมดต่างก็เป็นเสือกระดาษเมื่ออยู่ต่อหน้าเข็มเงินของข้า”
เจียงฉิงยิ้มรับ นางเชื่อใจเจียงป่าวชิงมาก สุดท้ายเด็กหญิงก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น
เจียงป่าวชิงออกไปล้างมือให้สะอาดและเช็ดมือให้แห้งอย่างช้า ๆ นางทายาบำรุงมืออีกหน่อยแล้วถึงจะไปเปิดประตู
ทันทีที่เปิดประตูและมองออกไปก็พบว่ามีเพื่อนบ้านออกมารอดูเรื่องสนุกอยู่นอกบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถโทษเพื่อนบ้านที่อยากยุ่งวุ่นวายได้ เพราะครอบครัวของเจียงป่าวชิงนั้นมีเรื่องที่ชวนให้ผู้คนอยากรู้อยากเห็นจริง ๆ
บ้านของพวกเขาถือเป็นครอบครัวหนึ่งที่ไม่มีผู้ใหญ่ มีเพียงเด็กที่ดูท่าทางเป็นพี่ชายและพี่สาวที่ก็ยังหนุ่มยังสาวคอยดูแล พาเด็กอีกสองคนใช้ชีวิต ซึ่งเด็กหนุ่มกับเด็กสาวสอ องคนผู้พี่นั้นมีรูปลักษณ์ที่ดีราวกับภาพวาด และได้ยินมาว่ายังเป็นแฝดหญิงแฝดชายด้วย ไม่รู้ว่าเป็นลูกบ้านไหนที่มีบุญวาสนาขนาดนี้…
นอกจากนี้ คนที่สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้นั้น นอกจากครอบครัวที่มีบรรพบุรุษตั้งรกรากอยู่ที่นี่นานแล้ว ที่เหลือต่างก็เป็นครอบครัวมีเงินทองเหลือเฟือกันทั้งนั้น ทว่าเด็กสี่คน นในบ้านนี้ใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีแม้แต่คนใช้ที่โตหน่อยคอยดูแล ดูยังไงก็แปลกจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม สำหรับเด็กทั้งสี่ในบ้านหลังนี้นั้น พวกเขาแต่ละคนถ่อมตัวอย่างมาก นิสัยก็เงียบ ๆ ไม่ค่อยชอบออกมาพูดคุยสุงสิงกับใคร เห็นหน้ากันยามปกติก็มักพยักหน้าทักทายซึ่ งกันและกันเพียงเท่านั้น เด็กผู้ชายที่เป็นคนเล็กออกมาวิ่งเล่นบ้างแต่ถามอะไรจากเขาไม่ได้เลย พอถูกถาม เจ้าเด็กชายก็เอาแต่อวดว่าพวกพี่ ๆ ของเขานั้นดีกับเขาอย่างนู้นอย่า างนี้ …เช่นนี้จะไม่ให้คนอื่นอยากรู้อยากเห็นได้อย่างไร
ณ ตอนนี้มีเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวาย แน่นอนว่าพวกเขาต้องออกมาดูเป็นธรรมดา
เจียงป่าวชิงดึงประตูด้วยสีหน้านิ่ง “สะใภ้ตระกูลซุน นี่เจ้ากำลังทำอะไร ?”
หวังชื่อเอามือเท้าสะเอวเหมือนกับกาน้ำ เมื่อมองดูใบหน้าสดใสยากจะปกปิดของเจียงป่าวชิง นางก็รู้สึกโกรธมากกว่าเดิมและอยากข่วนใบหน้าของเจียงป่าวชิงให้เป็นรอย!
ไม่รู้ว่านางแพศยาคนนี้ใช้วิธีอะไรกันแน่!
เมื่อวานหญิงชราเวินไปที่บ้าน นางถามหญิงชราว่าเจียงป่าวชิงที่นางเอาไปแนะนำกับพ่อบ้านของจวนองค์ชายตอนนี้ไปมีจุดยืนในจวนองค์ชายแล้ว แล้วเด็กคนนั้นนึกถึงบุญคุณของนาง งบ้างหรือเปล่า แต่ไม่รู้ทำไม สิ้นเสียงที่ถามออกไปนางก็ถูกแม่หม้ายที่มีจรรยาบรรณเต็มเปี่ยมคนนั้นด่าตั้งแต่หัวจรดเท้ายกใหญ่ ทั้งยังหาว่านางไร้ยางอายและเป็นความหายนะของ ตระกูลซุนอีก!
ตั้งแต่แม่เล้าแก่จนถึงลูกชายคนเล็กที่ถูกทำให้หลงคนนั้น แต่ละคนต่างก็ยืนอยู่ข้างหญิงชราเวินกันทั้งนั้น
น่าโมโหนัก!
ฟันสองซี่ที่ถูกตบจนหลุดของนางยังปวดจนถึงตอนนี้ นางเองก็เป็นผู้เคราะห์ร้ายแต่เจียงป่าวชิงคนนี้กลับยืนอยู่ที่นี่อย่างสบายดี เมื่อดูจากใบหน้าที่แดงระเรื่อ ไม่แน่อีก กฝ่ายอาจถูกเลี้ยงอย่างดีอยู่ในจวนองค์ชายก็เป็นได้
แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงกัดนางไม่ปล่อยเช่นนี้เล่า!
“มาทำอะไรอย่างนั้นรึ ?!” หวังชื่อหัวเราะแล้วพูดเสียดสีอย่างอิจฉา “แม่นางเจียง ข้าอยู่ในครอบครัวเล็ก ๆ มีอะไรเราพูดกันตรง ๆ ก็ได้ ข้าแนะนำเจ้าไปที่จวนองค์ชายหย่งชินซึ งถือว่าเป็นเรื่องดี แล้วทำไมเจ้าต้องมาทำให้ข้าถูกด่าด้วย”
เมื่อผู้คนที่เงี่ยหูฟังอยู่โดยรอบได้ยินคำว่า “จวนองค์ชายหย่งชิน” พวกเขาก็พากันเงียบโดยไม่ได้นัดหมายทันที
สีหน้าเจียงป่าวชิงไม่เปลี่ยนแปลง นางพูดขึ้นนิ่ง ๆ “ไม่ถือว่าเป็นเรื่องดีอะไร แต่รางวัลที่ได้นั้นเยอะจริง ๆ”
เมื่อหวังชื่อได้ยินคำว่ารางวัล ดวงตานางพลันเป็นกระกายพร้อมเกิดความรู้สึกร้อนใจ จากนั้นนางตะโกนเสียงดัง “เจียงป่าวชิง! เป็นมนุษย์ต้องหัดรู้จักตอบแทนบุญคุณ ข้าเป็นคนแนะ ะนำเจ้าให้กับจวนองค์ชายหย่งชินอย่างยากลำบาก วันนี้เจ้าได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กลับมา เช่นนั้นแล้วมันคงไม่เกินไปใช่ไหมถ้าหากว่าเจ้าจะเตรียมของมาขอบคุณข้าบ้าง”
ทันใดนั้นมีคนพูดขึ้น “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าก็ว่าทำไมเมื่อวานถึงได้มีรถม้ามาจอดที่ประตูบ้านตระกูลเจียงถึงสองคัน แกะดำกับกวางแม่น้ำชั้นดี แล้วไหนจะพวกของเฉลิมฉล ลองตรุษจีนมากมายต่างก็ถูกขนเข้าไปในบ้าน”
หวังชื่อได้ยินคำพูดนี้นางก็ร้อนใจมากยิ่งขึ้น นางอยากบุกเข้าไปในบ้านเจียงป่าวชิงแล้วขน “รางวัล” เหล่านั้นกลับบ้านตัวเองให้หมด
หวังชื่อเห็นว่าเจียงป่าวชิงแค่หัวเราะและมองนางอย่างเย็นชาแต่ไม่ได้พูดอะไร นางจึงคิดว่าเด็กผู้หญิงส่วนใหญ่หน้าบาง นางต้องเกลี้ยกล่อมเพื่อนบ้านให้พูดแทนนางก่อนแล้วค่อย ยบีบบังคับอีกฝ่าย นางไม่เชื่อว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะไม่ยอมมอบเงินตอบแทนให้นางอย่างว่านอนสอนง่าย
หวังชื่อตัดสินใจพูดกับพวกเพื่อนบ้านเหล่านั้นทันที “พวกเจ้าไม่รู้อะไร ข้าทั้งขอร้องปู่และบอกยายของข้าเพื่อฝากฝังความสัมพันธ์สำหรับเรื่องของเด็กเจียงป่าวชิงคนนี้ กว่าจ จะหาคนที่คุ้นเคยและส่งเด็กแซ่เจียงเข้าไปช่วยเป็นหมอรักษาพระนางเจียฮุ่ยในจวนองค์ชายหย่งชินได้ก็ลำบากมาก ตอนนี้นางกลับมาแล้วและได้รางวัลกลับมา ตามมารยาทนางควรให้อะไ ไรเพื่อขอบคุณคนแนะนำอย่างข้าสักเล็กน้อยไม่ใช่รึ ?”
นางพูดไปก็เอียงสายตาทิ่มแทงเจียงป่าวชิงไปด้วย