แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 443 : ทําให้บรรยากาศคึกคัก
วันต่อมา เจียงหยุนชานตืนตั้งแต่เช้าตรู่และแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ส่วนเจียงป่ าวชิง ฉับไวไม่แพ้กัน นางตืนมาทักทายพีชายอย่างกระตือรือร้นตั้งแต่เช้าตรู่ ทําเหมือน กลัวว่าเจียงหยุนชานจะไม่ออกจากบ้านซะอย่างนั้น
เจียงหยุนชานเองก็จนปัญญา เขาจึงต้องกําชับซํ้าแล้วซํ้าเล่าว่าถ้าหากมีเรืองอะไร เกิดขึ้นทีบ้าน นางต้องรีบส่งคนไปบอกเขาทีบ้านผู้เฒ่าหยุนไห่ทันที
เจียงป่ าวชิงพยักหน้าอย่างต่อเนืองซึงดูจริงใจมาก แต่เจียงหยุนชานรู้จักนิสัย น้องสาวตัวเองดีว่าน้องสาวของเขาคนนี้จะต้องเป็ นห่วงเขา และอาจจะไม่ส่งคน ไปบอกข่าวคราวให้เขาทราบทันเวลา
ในใจคิดแต่เรืองนี้ เขาจึงใจลอยเล็กน้อยขณะทีกําลังเรียนวิชาความรู้ ทว่าผู้เฒ่า หยุนไห่ทีสอนอยู่กลับไม่ได้โกรธอะไร เขาถึงกับรู้สึกประหลาดใจจึงพูดขึ้นยิม ๆ ้ “แต่ก่อนเป็ นศิษย์พีเผยของเจ้าทีมักขี้เกียจและใจลอยในเวลาเรียน แต่วันนี้พระ อาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือยังไง เหตุใดหยุนชานถึงได้ใจลอยเล่า ?”
เจียงหยุนชานรีบจัดเสื้อผ้าแล้วลุกขึ้นด้วยความรู้สึกผิด “ท่านอาจารย์ ข้า…”
ผู้เฒ่าหยุนไห่ยืนมือไปห้ามเจียงหยุนชานทีกําลังจะขอโทษแล้วพูดขึ้นยิม ๆ ้ “ไม่ เป็ นไรหรอก เกิดเรืองอะไรขึ้นหรือเปล่า ?”
เจียงหยุนชานลังเลสักครู่ “ท่านอาจารย์อายุมากแล้วจึงไม่ควรให้ท่านเป็ นกังวล เรืองของลูกศิษย์อย่างเด็ดขาดขอรับ”
“เอาล่ะ เจ้านอนหนังสือตัวน้อย” ผู้เฒ่าหยุนไห่หัวเราะและพูดต่ออีกว่า “ถ้าข้า ไม่เป็ นกังวลเด็กทีทําให้ต้องกังวลอยู่ตลอดเวลาอย่างพวกเจ้า แล้วคนแก่อย่างข้า จะไปกังวลใครได้อีกเล่า ? ท่านอาจารย์หญิงของเจ้ากับข้าไม่มีลูก เราถือว่าเป็ น อาจารย์กับลูกศิษย์ซึงเป็ นเหมือนญาติพีน้องกัน ข้าอายุปูนนี้แล้ว ไม่รู้ว่าจะอยู่เป็ น กังวลพวกเจ้าได้อีกกีปี นีเจ้ายังไม่รีบพูดอีกรึว่ามีเรืองกลุ้มใจอะไร”
เจียงหยุนชานยังคงลังเล
เผยหยู่เจ๋อทีนังอยู่ แถว ๆ หน้าต่างซึงกําลังฟังการบรรยายของผู้เฒ่าหยุนไห่อย่าง เงียบ ๆ มาโดยตลอดพูดขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ “ศิษย์น้องเห็นข้าเป็ นคนอืนคน ไกลแล้ว ในช่วงไม่กีปี ทีผ่านมาท่านอาจารย์มักพูดเสมอว่าชะตากรรมระหว่าง อาจารย์กับลูกศิษย์ไม่ใช่เรืองง่าย ตอนนี้พวกศิษย์พี ถ้าไม่เป็ นขุนนางอยู่ในราช สํานัก ก็ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาและแม่นํ้าทีมีชือเสียงเพือสอนหนังสือ ไม่ก็ท่องเทียว ไปทัวทุกสารทิศ ตอนนี ้อาจารย์จึงเหลือแค่เราสองคน ถ้าเจ้ามีเรืองอะไรแล้วไม่ อยากให้ท่านอาจารย์เหนือยล้าเป็ นกังวลก็บอกกับข้าได้ ศิษย์พีน้องจะถือเป็ นคน อืนคนไกลได้ยังไง ไม่ใช่ว่าต้องประคองซึงกันและกันหรอกรึ ?”
ผู้เฒ่าหยุนไห่พยักหน้าเมือได้ฟัง เห็นหยู่เจ๋อขี้เกียจในยามปกติเช่นนี้ แต่เขาก็ พึงพาได้ในยามสําคัญเช่นกัน
เจียงหยุนชานนึกถึงทีเผยหยู่เจ๋อคอยดูแลช่วยเหลือเจียงป่ าวชิงตอนทีนางอยู่จวน องค์ชายหย่งชิน เขารู้สึกเชือใจศิษย์พีคนนี้ในใจและลังเลอยู่เล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ เล่าเรืองทีมีคนบุกมาทําลายข้าวของทีบ้านเมือวานให้พวกเขาฟัง
“ไอ้โย! โจรกลุ่มนี้มันช่างกล้าทําชัวออกนอกหน้าโดยไม่ หวันเกรงต่ อสิงใดจริง ๆ!” เผยหยู่เจ๋อขมวดคิ้วมองเจียงหยุนชาน เขาคิดในใจว่าดูจากท่าทางของศิษย์ น้องซือบื้อของเขาคนนี้แล้ว น้องสาวตระกูลเจียงคงไม่เป็ นอะไร มิเช่นนั้น วันนี้ พีชายของนางก็คงไม่มาเข้าเรียนแล้ว
และเป็ นเช่นนั้นจริง ๆ ตอนทีเขากําลังคิดก็ได้ยินเจียงหยุนชานพูดขึ้นด้วยรอยยิม้ ขมขืน “ใช่ขอรับ ข้ารู้สึกว่าทีโจรกลุ่มนั้นมุ่งเป้าไปทีเจียงป่ าวชิงและลงมืออย่าง ไม่เกรงกลัว กลางวันแสก ๆ กลับกล้าบุกมาทําลายข้าวของบ้านคนอืนอย่าง โจ่งแจ้งเช่นนี้ พวกเขาจะต้องไม่ใช่คนดีอะไรอย่างแน่นอน เดิมทีข้าอยากขอลา หยุดเพืออยู่เป็ นเพือนป่ าวชิงสักสองสามวัน แต่ใครจะรู้ว่าป่ าวชิงจะบอกว่าข้า…”
เจียงหยุนชานเงียบไป
เผยหยู่เจ๋อจึงพูดขึ้นอย่างสนใจมาก “บอกว่าเจ้าทําไม ?”
เจียงหยุนชานมองผู้เฒ่าหยุนไห่ เมือเห็นว่าผู้เฒ่าหยุนไห่เองก็กําลังฟังเขากับเผย หยู่เจ๋อพูดคุยกันด้วยใบหน้ายิมแย้มโดยทีไม่ ้ คิดว่าเขาพูดเยอะเกินไป เขาจึงพูดจน จบอย่างเขินอายเล็กน้อย “บอกว่าข้าเป็ นปัญญาชนบอบบาง ถ้าหากว่าเกิดการปะ ทันกันจริง ๆ แค่ข้าโดนฝ่ ายนั้นต่อยหมัดเดียวก็คงล้มลงไปนอนพื้น แล้วนางก็ จะต้องแบ่งความสนใจมาดูแลข้าอีก…”
เผยหยู่เจ๋อหัวเราะออกมายกใหญ่ทันที
ผู้เฒ่าหยุนไห่เองก็หัวเราะเช่นกัน “ข้าคิดว่าป่ าวชิงพูดถูกนะ ดูจากร่างกายของเจ้า แล้ว…” เมือมองดูลูก ๆ หลาน ๆ คนแก่คนเฒ่ามักรู้สึกว่าอ้วนไม่พอและอยาก ให้หลานตัวเองกินข้าวให้เยอะกว่านี้ มีเนื้อเยอะ ๆ ถึงจะถูกต้องทํานองนั้น
เจียงหยุนชานจึงพูดแก้ต่างให้ตัวเอง “แม้ข้าจะผอม แต่ก็มีพละกําลังอยู่นะ ขอรับ…”
เผยหยู่เจ๋อลุกขึ้นจากเก้าอี้ข้างหน้าต่างแล้วเดินไปตบไหล่เจียงหยุนชาน “เอาล่ะ น้องสาวตระกูลเจียงเองก็เข้าใจและเห็นอกเห็นใจเจ้า” เขาหยุดชะงักแล้วจงใจ พูดเสียงเบา “ข้าฟังจากทีเจ้าบอกมาแล้ว ดูเหมือนว่าชายร่างใหญ่เหล่านั้นคง โหดเหี้ยมมาก ถ้าหากว่าเจ้าแขนหักจากการต่อสู้ ต่อไปเจ้าจะเข้าไปเป็ นขุน นางในราชสํานักได้ยังไง ?”
สิงทีเผยหยู่เจ๋อพูด ความหมายคือเขาเป็ นห่วงเจียงหยุนชาน แต่เจียงหยุนชานกลับ นึกถึงชายร่างใหญ่ทีโหดเหี้ ยมอย่างหลีกเลียงไม่ได้ พวกน้อง ๆ ของเขาบอบบาง และอ่อนแอขนาดนั้น… เขาจะทําอย่างไรเมือถึงตอนนั้น
เขาเป็ นกังวลมากกว่าเดิม
ผู้เฒ่าหยุนไห่มองเผยหยู่เจ๋อยิม ๆ พลางต่ ้ อว่าอีกฝ่ าย “อย่าน่าศิษย์หยู่ เดิมทีศิษย์ น้องของเจ้าก็ร้อนใจจะแย่ นีเจ้ายังเติมไฟให้เขาอีก!”
เจียงหยุนชานมองผู้เฒ่าหยุนไห่อย่างร้อนใจแล้วพูดขึ้น “ท่านอาจารย์ขอรับ ข้า ขอลาหยุดสักสองสามวันเถอะนะขอรับ ข้าไม่สามารถทําใจให้สงบได้จริง ๆ”
แต่ผู้เฒ่าหยุนไห่กลับส่ายหน้า “ข้าไม่อนุญาตให้ลา” เจียงหยุนชานมองผู้เฒ่าหยุนไห่ด้วยความแปลกใจ
ผู้เฒ่าหยุนไห่พูดง่ายมาโดยตลอด ตราบใดทีเขาทํางานเกียวกับบทเรียนเสร็จแล้ว ไม่ว่าจะขอลาหยุดหรืออะไร อีกฝ่ ายก็ไม่เคยปฏิเสธ ยิงตอนนี ้ทีทีบ้านเขากําลัง เกิดเรืองใหญ่ขนาดนี้แล้วด้วย…
ผู้เฒ่าหยุนไห่สบสายตาทีแปลกใจของลูกศิษย์แล้วเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิมแย้ม ้ “เจ้าตอบข้ามาก่อนว่าถ้าหากว่าข้าอนุญาตให้เจ้ากลับบ้านได้ เจ้ามีแผนการ เอาชนะชายร่างใหญ่เหล่านั้นมากน้อยแค่ไหน ?”
เจียงหยุนชานก้มหน้าเล็กน้อย “ต่อให้ไม่มีแผนการทีจะเอาชนะ แต่ข้าก็ไม่ สามารถทนดูพวกน้อง ๆ ตกอยู่ในอันตรายได้ในขณะทีข้ากําลังรําเรียนอยู่ทีนี และข้าควรยืนหยัดกับความตั้งใจเดิมขอรับ”
“ควรยืนหยัดกับความตั้งใจเดิมงั้นรึ… เจ้าช่างเป็ นเด็กโง่เขลาจริง ๆ” ผู้เฒ่า หยุนไห่ลุกขึ้นแล้วเคาะศีรษะเจียงหยุนชานเบา ๆ “ข้าเคยบอกว่าถ้ามีอะไรก็ให้ มาหาข้าได้เลย เจ้าลืมไปแล้วหรือไง ?”
“ท่านอาจารย์…” เจียงหยุนชานตกตะลึงมองผู้เฒ่าหยุนไห่
ผู้เฒ่าหยุนไห่เอามือไพล่หลังแล้วพูดขึ้นยิม ๆ ้ “ตอนนี้ใกล้ปี ใหม่แล้ว บ้านหลัง ใหญ่ของข้ามีแค่ข้ากับศิษย์พีของเจ้าสองคนซึงดูเงียบเหงาจริง ๆ ลูกศิษย์อย่างเจ้า ควรแสดงความกตัญ;ูต่อท่านอาจารย์เป็ นอย่างดีไม่ใช่รึ ? …รีบไปพาพวกน้อง ๆ ของเจ้ามาอยู่ทีนีสักพัก จะได้ทําให้บรรยากาศคึกคัก แค่นี้ก็ถือว่าเป็ นการแสดง ความกตัญ;ูต่ออาจารย์อย่างข้าแล้ว”
“แต่เช่นนั้น ข้าเกรงว่าไม่เหมาะสมนะขอรับ!” เจียงหยุนชานปฏิเสธทันที “เรา ยังไม่รู้ทีมาทีไปของคนเลวเหล่านั้นเลย ถ้าหากว่าครอบครัวเราย้ายเข้ามาแล้ว นําพาหายนะมาให้กับท่านอาจารย์ เมือถึงตอนนั้น ศิษย์อย่างข้าอาจตายจริง ๆ โดยไม่ได้บอกลานะขอรับ…”
“นําพาความหายนะมาให้อย่างนั้นรึ ?” ผู้เฒ่าหยุนไห่หัวเราะคิกคัก “หยุนชาน เจ้ากําลังคิดอะไร เจ้าดูบ้านหลังนี้สิ มีทั้งกําแพงหนาและกระเบื้องสูงขนาดนี้ หรือ ว่าโจรพวกนั้นกล้าปี นกําแพง ? ต่อให้พวกเขากล้าปี นจริง ๆ บ้านข้าก็ยังมีผู้คุ้ม กันทีจ้างมาดูแลอยู่ เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องอืดอาดชักช้ารําไรอะไรแล้ว ตอนนี้ข้าจะให้ เจ้าลาหยุด แต่จากนั้นเจ้ารีบกลับไปสังให้พวกน้อง ๆ ของเจ้าเก็บสัมภาระเท่าที จําเป็ นต้องใช้แล้วย้ายเข้ามาในช่วงบ่ายนี้เลย จะได้ไม่มีการเปลียนแปลงเกิดขึ้น อย่างกะทันหัน”
ผู้เฒ่าหยุนไห่มีท่าทางประมาณว่า “ข้าตัดสินใจแล้ว” เจียงหยุนชานก็ปฏิเสธ อะไรไม่ได้ เขารู้ว่าท่านอาจารย์กําลังคิดแทนเขาจึงอดไม่ได้ทีจะโน้มศีรษะลงกับ พื้นเพือเคารพท่านอาจารย์ด้วยความซึ้งใจ
“ข้าขอขอบคุณท่านอาจารย์มาก นํ้าใจของท่าน ข้าจะไม่ลืมเลยขอรับ” แล้วเขาก็จากไปอย่างเร่งรีบ