แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 451 : ขาหมูนํ้าตาล
แม้ว่าจะเริมทราบต้นสายปลายเหตุแล้ว แต่สถานทีนันใหญ่มากและมีซอยลึก มากมาย แน่นอนว่าหาคนได้ยากพอสมควร แต่เจียงป่ าวชิงก็ไม่ท้อถอย นางเดิน เลียบตามแผ่นหินสีเขียวและเดินอ้อมถนนทีคึกคักไปพร้อมทังฟังเสียงอย่าง ละเอียดรอบคอบไปด้วยว่ามีเสียงอืนปนอยู่ในเสียงเรียกขายของตามท้องถนนที คึกคักหรือไม่ นางเดินหาเช่นนีอยู่พักใหญ่ แต่ใครจะไปรู้ว่าจะบังเอิญพบถูซีว่าง ในตอนทีเดินมาถึงแถวร้านขายขาหมูนําตาลพอดี
เห็นได้ชัดว่าถูซีว่างมีรอยเปื อนบนร่างกาย เนือตัวเขาเปื อนคราบเลือดเล็กน้อย เมือเห็นเจียงป่ าวชิง ท่าทางเขาก็แลดูไม่เป็ นธรรมชาติ ดูเกร็ง ๆ อย่างไรพิกล
“เจ้ามาอยู่ทีนีได้ยังไง ?”
เจียงป่ าวชิงถอนหายใจ “แหม ชายชาตรีถู ข้าบอกอย่างชัดเจนแล้วไม่ใช่รึว่าชีวิต ต้องมาก่อน ทําไมเจ้าถึงได้ใจร้อนเช่นนีล่ะ ?”
ถูซีว่างได้ฟังก็ถ่มนําลายลงพืนอย่างโกรธ ๆ “เจ้าคิดว่าข้ากลัวพวกมันรึ ถ้าพวก มันไม่ยอมเผยตัวง่าย ๆ ก็ต้องลงไม้ลงมือเซ่!”
เจียงป่ าวชิงจ้องถูซีว่าง “ได้ งันตอนนีพวกนันล่ะ อยู่ไหน ?”
ถูซีว่างแข็งทืออยู่กับที เขาพูดขึนอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “ฝี มือต่อสู้ไม่ได้ แต่ทา นํามันลงบนฝ่ าเท้าได้รวดเร็วมาก พวกมันหนีไปแล้ว!”
ด้านหลังถูซีว่างยังมีลูกน้องของเขาอีกประมาณสิบกว่าคน แต่ละคนเนือตัวเปื อน ดูไม่ออกถึงคําพูดทีว่า “ฝี มือต่อสู้ไม่ได้” อย่างทีถูซีว่างพูดไว้เลย
เมือถูซีว่างเห็นสายตาของเจียงป่ าวชิง ไฟโกรธในใจเขาปะทุเพิมขึนทันที “เจ้า อย่าไม่เชือสิ! พวกเราแค่เจ็บนิดเดียว พวกมันชัวร้ายมากแต่ ได้รับบาดเจ็บเยอะ กว่าพวกเรามาก พวกมันหนีไปได้ไม่ไกลหรอก ตัวของพวกมันยังมีเงินตัง มากมาย ถึงตอนนันก็คงอดไม่ได้ ต้องโผล่หัวออกมาอีกเป็ นแน่!”
พวกลูกน้องทีอยู่ด้านหลังถูซีว่างพยักหน้าอย่างต่อเนือง เจียงป่ าวชิงจึงต้องถอน หายใจ “ก็ได้ ๆ”
ทว่าถูซีว่างกลับไม่พอใจ “ทําไม นีเจ้าหมายความว่าไง ? เมือวานพอข้าได้เรือง มาข้าก็ไปส่งข่าวทีบ้านเจ้าทันที แต่ไม่มีใครอยู่ทีบ้านเจ้าสักคน ข้านังรออยู่ นานก็ ไม่เจอใครจึงไม่สามารถบอกเจ้าได้ ข้าจึงต้องไปลงมือทําเอง!”
เจียงป่ าวชิงเล่าเรืองทีนางย้ายทีอยู่ชัวคราวให้ถูซีว่ างรับรู้ “เรืองนันต้องขอโทษ ด้วย ข้าเองก็ไม่คิดว่าทางฝังของเจ้าจะสืบได้เร็วขนาดนี พวกเจ้าช่างยอดเยียมจริง ๆ อันนีข้าขอชม!”
“ไอ้พวกนันมันขีโม้เกินไป ทําเป็ นเหมาตึกบันเทิงทังตึกเพือเทียวเล่นในคืนเดียว ปกติทีแบบนันมักมีคนรวยมาเหมาทีนังเพือเล่ นกับพวกสาว ๆ เหอะ! พวกมันคง คิดจะแสร้งทําเป็ นคนรวยล่ะสิไม่ว่า ข้าหาหูตามาจับตามองแต่ละจุด จงใจไปสืบ คนทีรวยชัวข้ามคืนอย่ างพวกมันโดยเฉพาะ!” ถูซีว่างทําเสียงฮึดฮัดในจมูกอย่าง ไม่พอใจ “เอาล่ะ เจ้ากลับไปรอข่าวเถอะ ข้าไม่เชือว่าข้าจะไม่สามารถทําอะไร คนถูกเนรเทศทีกําลังหนีหัวซุกหัวซุนอย่างพวกมันได้!”
เจียงป่ าวชิงจึงรีบกําชับพวกเขา “ยังไงความปลอดภัยของตัวเองก็ต้องมาก่อน… ทางฝังของข้าเหมือนมีต้นสายปลายเหตุเล็กน้อยแล้ว”
ถูซีว่างโบกมืออย่างรําคาญ “บ่นมากน่า!”
ลูกน้องทีต่อแถวซือขาหมูนําตาลแทนเขาอยู่ด้านหน้ากลับมาพร้อมขาหมูพอดี เขาเดินถือมันกลับมาให้ถูซีว่างพร้อมยืนให้ ทําอย่างกับมอบของลําค่าให้กันยังไง ไงยังงัน “พีใหญ่ ซือได้แล้วขอรับ!”
ถูซีว่างไม่สนใจเจียงป่ าวชิงอีก เขาโบกมือ “ไป ทีบ้านข้ายังมีเหล้าเหลืออยู่หน่อย คืนนีเราจะกินเนือและดืมเหล้ากันทีนัน! …ไอ้เจ้าบ้า เหลือชินทีใหญ่ทีสุดให้ข้า ด้วย อย่าแตะมัน! ชินนันต้องให้พีสะใภ้เจ้ากินโว้ย!”
ถูซีว่างพาพวกลูกน้องกว่าสิบคนจากไปเป็ นขบวนใหญ่
เจียงป่ าวชิงยืนอยู่ทีเมืองคึกคักในฤดูหนาวสักครู่ กลินของขาหมูนําตาลทีหอม ยัวยวนเข้มข้นขึ นเรือย ๆ นางจึงตัดสินใจไปต่อแถวซือกลับไปด้วยหลาย ๆ ชิน ซะเลย
เมือเดินมาถึงทีทีค่อนข้างไร้ผู้คน เจียงป่ าวชิงก็หยิบขาหมูนําตาลทีห่ออย่างแน่น หนาออกมาหนึงชินแล้วยกขึนราวกับพูดคุยกับอากาศ “เจิงหนาน กานซุ่ย พวก เจ้ากินไหม ?”
มีเสียงเล็ก ๆ ในอากาศเหมือนถูกส่งไปตามลมลอยมาแผ่ว ๆ ว่า “ไม่กินขอรับ”
เจียงป่ าวชิงยิมมุมปาก ไม่ กินก็ช่าง ทีบ้านมีคนเยอะพอดี ไม่แน่ทีซือมานีอาจไม่ พอกินก็ได้
เมือกลับไปถึงทีบ้านของผู้เฒ่าหยุนไห่ เจียงป่ าวชิงสังให้มีหลิวนําขาหมูไปส่งให้ ตามบ้านต่าง ๆ นางส่งให้ผู่เฒ่าหยุนไห่หนึงชินใหญ่และเผยหยู่เจ๋ออีกชิน เจียง หยุนชานกับชุนหยู่คนละชิน นางกับเจียงฉิงก็คนละชิน แต่ยังเหลือชินสุดท้ายที ไม่ได้เล็กอะไรนัก เจียงป่ าวชิงครุ่นคิดสักครู่ก็เลือกทีจะแบ่งให้มีหลิวกับสุนถาว และสาวใช้ทีช่วยทําความสะอาดจวนของผู้เฒ่าหยุนไห่อยู่ในขณะนัน
ขาหมูพวกนีค่อนข้างหนัก นางเดินถือมาไกลจนแขนล้าจึงต้องพักสักครู่ถึงจะยก พู่กันขึน นางเขียนจดหมายหาหลินยู่หยุนองค์หญิงเล็กของจวนองค์ชายหย่งชิน พร้อมลงชือให้เรียบร้อย เสร็จแล้วก็หาใช้คนนําจดหมายไปส่งทีจวนองค์ชายหย่ง ชิน
ในจดหมาย นางถามเกียวกับเรืองงานศพของคุณหนูจัวทีผูกคอจบชีวิตคนนั น
องค์หญิงเล็กตอบกลับเร็วมาก ในจดหมายแม้จะสามารถเห็นได้จากในตัวอักษร ว่าหลินยู่หยุนมีความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่าทําไมจู่ ๆ เจียงป่ าวชิงถึงถามเรืองนี แต่นางยังคงตอบกลับอย่างละเอียด
เนืองจากเป็ นการฆ่าตัวตาย มันจึงดูไม่ดีถ้าหากว่าเรืองถูกพูดถึงอย่างเอิกเกริกหรือ เผยแพร่ออกไปเยอะเกิน พวกเขาจึงบอกว่าเสียชีวิตด้วยโรคภัย จัวไต้ฝูยังไม่ ได้ ออกเรือนจึงถือว่าเป็ นการตายตังแต่เยาว์วัย ตามกฎของตระกูลจัว ไม่ สามารถฝัง ร่างของนางเข้าไปในสุสานบรรพบุรุษได้ ทําได้เพียงหยุดวิญญาณก่อนเจ็ดวัน แล้วถึงจะฝังเข้าไปในป่ าเล็ก ๆ ข้างสุสานบรรพบุรุษและถือว่าฝังเข้าไปในสุสาน บรรพบุรุษได้อย่างถู ๆ ไถ ๆ จะได้มีอาหารเซ่นไหว้ในภายหลัง
วันนีเป็ นวันทีเจ็ดของการหยุดวิญญาณพอดี ผู้หญิงหลายคนทีเคยเป็ นสหายกับจัว ไต้ฝูในอดีตต่างก็รอคอยวันนี เพือทีพวกนางจะได้ไปส่งจัวไต้ฝูเป็ นครั งสุดท้าย
จดหมายนีมาถึงมือเจียงป่ าวชิงตอนพลบคํา หลังจากอ่านจดหมายแล้วนางก็นังอยู่ ในห้องสักพัก หยิบเสือคลุมมาใส่แล้วออกจากบ้านไปยังทีเปลียวและเรียกเจิง หนานออกมา
แม้เจิงหนานจะมีสีหน้าจนปัญญาประมาณว่า “ทําไมต้องเป็ นข้าอีกแล้ว” แต่ นางยังคงปรากฏตัวออกมาอย่างซือตรง “แม่นางเจียง มีเรืองอะไรจะสังข้ารึ ?”
เจียงป่ าวชิงมองเจิงหนานยิม ๆ และอดทีจะพูดขึ นไม่ได้ “ข้านึกถึงเมือสามปี ก่อนตอนทีเจ้ายังเป็ นเด็กหนุ่มขีอาย คิดแล้วก็รู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปเร็วจริง ๆ”
ขมับของเจิงหนานมีเส้นเอ็นนูนขึนราง ๆ แต่นางไม่ได้พูดอะไร
เจียงป่ าวชิงพูดขึนยิม ๆ “พวกเจ้ามีวิธีติดต่อกงจีไช่ไหม ? เรืองเมือวันก่อนก็ เป็ นพวกเจ้าทีส่งข่าวให้กงจีรู้ใช่ไหม บอกว่าคุ้มกันข้า อันทีจริงคือคอยจับตาดูข้า ล่ะสิไม่ว่า”
ตอนนีเจิงหนานรู้สึกได้ราง ๆ ว่าเจียงป่ าวชิงเหมือนจะเล่นอุบายกับนางอีกแล้ว จึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดขึนอย่างเศร้าสลดเล็กน้อย “แม่นางมีอะไรจะสังก็ พูดมาได้เลยขอรับ”
นางล้มเลิกการต่อต้านแล้ว เพราะถึงอย่างไรผลมันก็คงเหมือน ๆ กัน
เจียงป่ าวชิงยิมอย่ างเป็ นกันเองจนเผยให้เห็นลักยิมเล็ก ๆ อันทรงเสน่ ห์ของนาง “รบกวนเจ้าช่วยส่งต่อข้อความให้กงจีหน่อย บอกว่าข้ามีธุระจะคุยกับเขาคืนนี”
“ขอรับ!” เจิงหนานคารวะก่อนจะกระโดดขึนไปบนกําแพง ไม่รู้ว่าไปซ่อนตัว อยู่ทีใด
ในทีสุดเจียงป่ าวชิงก็รู้สึกสบายใจขึน นางเดินเล่นอยู่ในสวนกว้างก่อนแล้วค่อย กลับไปทีห้องตัวเองอย่างช้า ๆ
มีหลิวกับสุนถาวยืนอยู่ทีประตูลานบ้านโดยถือโคมไฟไว้คนละอัน พวกนางยืน ตรงราวกับเป็ นโคมไฟรูปสาวงามในวังสองอันอย่างไรอย่างนัน เมือเห็นว่าเจียง ป่ าวชิงกลับมาปลอดภัยดี พวกนางก็รู้สึกโล่งใจมาก
มีหลิวอดพูดขึนไม่ได้ “แม่นาง ดึก ๆ ดืน ๆ แถมในสวนก็มืดขนาดนัน ทําไมแม่ นางไม่พกโคมไฟไปด้วยล่ะเจ้าคะ”
“ฤดูหนาวฟ้ามืดเร็วเกินไป” เจียงป่ าวชิงพูดพึมพําพลางมองสุนถาว “ดีขึนแล้ว รึ ? ยืนอยู่ตรงนีไม่กลัวเป็ นไข้อีกหรือไง ?”
สุนถาวตอบอย่างกระชับ “ข้าน้อยดีขึนมากแล้วเจ้าค่ะ” จากนันก็ไม่ได้พูด อะไรอีก
เจียงป่ าวชิงพยักหน้า มีหลิวกับสุนถาวช่วยนางถือถือโคมไฟนําทางคนละข้าง และทังสามคนก็กลับเข้าไปในบ้าน เจียงป่ าวชิงนึกถึงเรืองทีนางเรียกให้กงจีมาหา คืนนี แต่ไม่รู้ว่าเขาจะมาตอนไหนนีสิ…
มีหลิวช่วยปูเครืองนอนให้ตามหน้าที ส่วนสุนถาวก็นํากานําร้อนทีมีนําอุ่นกึงร้อน กําลังพอดีเข้ามาเผือใช้งาน
เจียงป่ าวชิงสังให้ทังสองคนไปพักผ่อน “พอก่อนเถอะ ข้าทําเองก็ได้ พวกเจ้ารีบ ไปพักผ่อนดีกว่า ข้าเองก็จะพักผ่อนแล้วเช่นกัน”
เจียงป่ าวชิงไม่ชอบให้คนอืนอยู่เฝ้ายามข้าง ๆ ในตอนกลางคืนมาตังแต่ไหนแต่ไร แม้ว่ามีหลิวกับสุนถาวจะรู้สึกจนปัญญา พวกนางก็จําต้องพากันออกไปหลังจากที สบตากันเพียงครั งเดียว