แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 454 : เจ้าอย่าเสียใจทีหลังแล้วกัน
เจียงป่ าวชิงนิงไม่ไหวติงพลางมองชิวเพ่ยโหลวเสแสร้งแกล้งทําอย่างเงียบ ๆ
ชิวเพ่ยโหลวแค่นหัวเราะเย็นชาอย่างไม่ย่อท้อ “เจ้าไม่ไปใช่ไหม ได้! เช่นนันเจ้า อย่าเสียใจทีหลังแล้วกัน!” นางยิมมีเลศนัยแล้วหันไปพูดกั บสาวใช้ข้างกาย เล็กน้อย จากนันสาวใช้ก็จากไปอย่างเร่งรีบ
หลินยู่หยุนมองเจียงป่ าวชิงอย่างไม่สบายใจ นางรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่ามี บางอย่างผิดปกติจึงพูดขึนเสียงเบา “ทําพิธีเซ่นไหว้เสร็จแล้ว ถ้าอย่างนันเรา กลับกันก่อนเถอะนะ”
แต่เจียงป่ าวชิงกลับตบมือหลินยู่หยุนราวกับปลอบนางพร้อมพูดขึนเสียงเบา “ไม่ เป็ นไรเจ้าค่ะ ไม่ต้องกลัว ท่านเป็ นองค์หญิง พวกนางไม่กล้าทําอะไรท่านหรอก เจ้าค่ะ”
‘แต่ท่าทางของพวกนางเหมือนต้องการทําอะไรเจ้า…’ หลินยู่หยุนร้อนใจมาก แต่นางไม่สามารถพูดคําพูดนีออกไปได้
เจียงป่ าวชิงไม่ลุกลีลุกลนแม้แต่น้อย
มีเสียงความวุ่นวายดังมาจากทางเดินตรงหน้าบ้าน จัวไต้จงพีชายของจั วไต้ฝูเดิน ตรงจากทางเดินนันมาทางนีด้วยใบหน้าดุร้าย แต่นีไม่ใช่สิงทีทําให้เจียงป่ าวชิงตก ตะลึง
สิงทีนางตกตะลึงคือคนทีอยู่ด้านหลังจัวไต้จงต่ างหาก นันกงจี !
เมือคืนไม่ใช่ว่าพวกเขาคุยกันดีแล้วหรอกรึ เจียงป่ าวชิงมองกงจีอย่างตะลึงแต่เขา กลับสงบมากและไม่มองมาทางนางเลย
“เจ้าคือหญิงสารเลวคนนันเองรึ ?!” สายตาของจัวไต้จงจ้องตรงไปทีเจียงป่ าว ชิง เขากําลังจะก้าวเข้าไปหานางแต่กงจีกลับดึงเขาไว้เสียก่อน แล้วพูดขึนเสียงเย็น “พีจัว นีอยู่ ต่อหน้าดวงวิญญาณของน้องสาวพี ถ้าพีจะทําชัวก็ ระวังกาลเทศะ ด้วย”
จัวไต้จงจึงทําได้เพียงสูดหายใจเข้าลึก ๆ
เขาเคยได้ยินพ่อของเขาบอกว่าหลังจากทีกงจีผู้ซึงเคยขาพิการและออกไปจาก เมืองหลวงกลับมาแล้ว อีกฝ่ ายก็กลายเป็ นคนดังทีหยิงยโสโอหังต่อหน้าฮ่องเต้ได้ โดยไม่ต้องกลัวอะไรเลย เขาคนนีมีนิสัยดือรั นคุ้มดีคุ้มร้าย เป็ นบุคคลทีไม่ควรผิด ใจด้วยอย่างเด็ดขาด
เดิมทีกงจีมาหาพ่อของเขาเพือคุยธุระ แต่ทังสองคนบังเอิญเจอกันทีบ้านส่วนหน้า พอดี แน่นอนว่าเขามีความคิดอยากปี นขึนทีสูงสานสัมพันธ์กับอีกฝ่ ายจึงพูดคุย กับกงจีเป็ นธรรมดา เคยได้ยินคนอืนบอกเสมอว่ากงจีเป็ นคนเย็นชามากแต่เขา กลับรู้สึกว่าอีกฝ่ ายดีกว่าทีคนอืนพูด แม้เขาเป็นคนพูดอยู่คนเดียว แต่กงจีก็มีตอบ เขาบ้างเป็ นบางครังทําให้สถานการณ์ไม่ถึงกับเก้อเขินจนเกินไป
ขณะทีพวกเขากําลังพูดคุยกัน จู่ ๆ เขาก็เห็นสาวใช้ของชิวเพ่ยโหลวทีเป็ นสหาย สนิทของน้องสาวเขามารายงานอย่างเร่งรีบ นางบอกว่าเจียงป่ าวชิงทีเคยพูดกับ นางปรากฏตัวต่อหน้าดวงวิญญาณน้องสาวของเขาอย่างหน้าด้าน ๆ
จัวไต้จงโกรธเป็ นฟื นเป็ นไฟทันที เขาพุ่ งมาทีห้องเซ่นไหว้ผู้ตายอย่างไร้สติโดย ไม่สนใจทีจะพยายามตีสนิทกงจีอีกต่อไปแล้ว
แน่นอนว่าเขาไม่สังเกตเห็นว่ากงจีเองก็เดินตามอยู่ด้านหลังเขาด้วยสีหน้า ราบเรียบเช่นกัน
ตอนนีเมือถูกกงจีบีบไหล่อย่างแรง ความเจ็บปวดบีบบังคับให้จัวไต้จงใจเย็นลง เขาเจ็บจนหยุดหายใจ จําต้องพูดขึนอย่างฝื น ๆ “ขอบคุณแม่ทัพกงทีเตือน ข้า… ข้ารู้แล้ว…”
กงจีค่อย ๆ ปล่อยมือด้วยสีหน้าราบเรียบ
จัวไต้จงเจ็บจนถึงกั บหวาดระแวง กงจีคนนีคงไม่ได้แอบชอบน้องสาวของเขา หรอกใช่ไหมถึงได้โมโหเขาทีเสียมารยาทต่อหน้าดวงวิญญาณน้องสาวของเขา เช่นนี
บอกตามตรงว่าเขาสงสัยว่าเมือสักครู่ เขาคิดว่ากงจีต้องการบีบหัวไหล่ของเขาให้ แหลกละเอียดเพราะบีบแรงมาก
จัวไต้จงสูดหายใจเข้าลึก ๆ อยู่ หลายครังถึงจะผ่อนคลายลงได้ เขามองเจียงป่ าวชิง อย่างเกลียดชังเต็มที
นีอาจเป็ นเพราะน้องสาวทีอยู่บนสวรรค์นําเจียงป่ าวชิงทีเขาส่งคนไปหาอยู่หลาย วันมาส่งต่อหน้าดวงวิญญาณของนาง! จัวไต้จงคํานวณในใจอย่ างรวดเร็วว่าอีก ประเดีCยวเขาจะฆ่าเจียงป่ าวชิงคนนีอย่างไรดี
“หญิงเลว เจ้ายังมีหน้ามางานน้องสาวข้าอีก!” จัวไต้จงจ้องเจียงป่ าวชิงอย่ าง อาฆาตแค้น
เจียงป่ าวชิงเห็นว่ากงจีมีสีหน้าอึมครึมและเตรียมบีบไหล่จัวไต้จงให้แหลก ละเอียดอีกครังจึงถอนหายใจแล้วพูดขึนเสียงดัง “นีคือวิธีต้อนรับแขกของ ตระกูลจัวของพวกเจ้าอย่ างนันรึ ?”
แววตาของจัวไต้จงเหมือนถูกวางยาพิษ ถ้าหากว่ าสายตาสามารถประหารคนได้ เกรงว่าตอนนีเจียงป่ าวชิงคงจะตายไปหลายพันครั งแล้ว
“หมอกํามะลออย่างเจ้าก็ถือว่าเป็ นแขกด้วยรึ ?! ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าไม่ยอม รักษาให้ฝูเอ๋อร์ หรือพูดเหลวไหลว่ารักษาไม่ได้อะไรเช่นนัน น้องสาวของข้าก็คง ไม่ฆ่าตัวตาย!” จัวไต้จงคํารามเสียงดัง “เป็ นเพราะเจ้าทําให้น้องสาวข้าตาย ข้า ต้องการให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต!”
ทว่านําเสียงโกรธของเขาเหมือนหยุดลงอย่างกะทันหัน และใบหน้าของเขาก็บิด เบียวเล็กน้อย
กงจีมีท่าทีเหมือนทนไม่ไหวและไม่อยากจะทนอีกต่อไปแล้ว เขากดมือลงไปบน ไหล่จัวไต้จงอย่ างลวก ๆ แต่แววตาของเขากลับเย็นยะเยือกมาก “พีจัว ข้าว่ าพีพูด อย่างสุภาพกว่านีหน่อยเถอะ แม่นางเจียงคนนีเป็ นผู้มีพระคุณของข้า ถ้าหากว่าพี ดูถูกนางเช่นนีอีก ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
เจียงป่ าวชิงหลับตาลงอย่างจนปัญญา บอกหลายครังแล้วไม่ใช่หรือไงว่านางจะ แก้ปัญหาด้วยตัวเอง แต่กงจียังคงออกมือมาช่วยอีก
แต่คิดในอีกแง่หนึง ถ้าหากว่ามีคนด่าประจานกงจีอย่างบ้าคลังต่ อหน้านาง เกรง ว่าเข็มเงินของนางก็คงพุ่งไปแทงคนนันจนกลายเป็ นใบ้ไปนานแล้วเหมือนกัน
เรืองนีไม่สามารถทนได้จริง ๆ
นางพยายามเข้าใจกงจี และพยายามทําให้บทแทรกเล็ก ๆ นีไม่ส่งผลต่อแผนการ ของตัวเองมากเกินไป
ตอนทีกงจีปล่อยจัวไต้จง จั วไต้จงเจ็บจนมึนงงอย่ างเห็นได้ชัด ภายในห้องเซ่นไหว้ผู้ตายเงียบสงัด ได้ยินแม้กระทังเสียงหายใจเข้าออก
แม้แต่ชิวเพ่ยโหลวทีชอบควบคุมสถานการณ์มาโดยตลอดก็เผยสีหน้าตกตะลึงที ไม่เห็นบ่อยนักออกมาให้เห็น นางมองกงจีสลับกับมองเจียงป่ าวชิงด้วยสายตา ยากจะเชือ
จัวไต้จงใช้ความพยายามอย่ างมากกว่าทีตัวเขาจะหายจากความเจ็บปวดได้ เขา ถลึงตามองกงจีด้วยความโกรธขึง “เจ้า!”
กงจีเลิกคิว “อะไร ?”
จัวไต้จงพยายามกลั นความโกรธนีพลางถอยห่างจากกงจีไปไกล กลับไปเขาจะไป เล่าให้พ่อของเขาฟัง เขาต้องทําให้พ่อไม่ไว้วางใจกงจีอย่างแน่นอน!
จัวไต้จงมองเจียงป่ าวชิงอย่ างกลํากลืนฝื นทน ถูกกงจีสังสอนขนาดนี ความหยิง ยโสของเขาลดลงไม่น้อย แต่ความเกลียดชังต่อเจียงป่ าวชิงในสายตาของเขายังคง เป็ นความจริง
เจียงป่ าวชิงพูดขึนท่ามกลางสถานการณ์ทีแปลกประหลาดนี “ทีข้ามาในวันนีก็ เพราะอยากพูดเรืองนีให้กระจ่างต่อหน้าดวงวิญญาณของแม่นางจัว ”
ไม่ใช่ว่าอยากเล่นเล่ห์เพทุบายลับหลังหรอกรึ ? งันก็ได้ นางจะทําให้เรืองทุก อย่างปะทุขึนซะเลย ไอ้ข่าวลือลับ ๆ บ้าบอคอแตกเหล่านันจะได้ถูกเปิ ดโปง ออกมาภายใต้ฝี ปากคน เพือให้ทุกคนได้โต้เถียงกันในเรืองทีถูกและผิด
เพราะถึงอย่างไรนางก็ไม่เคยทําสิงทีต้องละอายแก่ใจตนเองอยู่แล้ว
จัวไต้จงหัวเราะอย่ างเย็นชา “มีอะไรให้ต้องพูดกัน! หรือว่าเจ้าอยากบอกว่าวันที ฝูเอ๋อร์รู้สึกไม่สบายตัว หมอทีเด็กรับใช้ไปตามไม่ใช่เจ้า ?!”
เจียงป่ าวชิงยอมรับอย่างไร้กังวล “เป็ นข้าเอง” จัวไต้จงพูดขึ นเสียงดัง “แล้วในเวลานันเจ้ามารักษาฝูเอ๋อร์หรือไม่ ?!” เจียงป่ าวชิงตอบ “แน่นอนว่าไม่”
จัวไต้จงพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองอย่ างทีสุด แต่เขายังคงคํารามอย่างอดไม่ได้ “ใช่! เพราะเจ้าไม่ทําอะไรเลยแล้วยังบอกว่ารักษาไม่ได้ คําพูดทีขาดความ รับผิดชอบของเจ้าถูกพูดออกไปทําให้ฝูเอ๋อร์ถูกถอนหมันจากไอ้คนตําทราม สับปลับนัน นางถึงได้ …”
จัวไต้จงควําหน้าลงบนโลงศพของจั วไต้ฝูแล้วร้องไห้ยกใหญ่ “ฝูเอ๋อร์น้องข้า เหตุใดชีวิตเจ้าถึงได้อาภัพนัก!”
เจียงป่ าวชิงมองอย่างเงียบ ๆ ตอนทีจัวไต้จงร้องโหยหวนเสร็จแล้วนางถึงพูดขึ น อย่างสงบ “ปัญหาอยู่ทีนี ใครเป็นคนบอกเจ้าว่าข้าพูดว่ารักษาไม่ได้ ? ข้าไม่ได้ พูดว่ารักษาไม่ได้ แล้วคําพูดทีไม่เคยพูดจะเผยแพร่ไปอย่างรวดเร็วได้ยังไง ? คนทีบอกเจ้าเช่นนีนันแหละทีเป็ นคนพูดและจงใจเผยแพร่ เรืองนีออกไป”
จัวไต้จงตกตะลึง เขาหันมองชิวเพ่ ยโหลวทียืนอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าเย็นชาโดยไม่ รู้ตัว