แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 462 : งานเลียงต้อนรับ
คําคืนฤดูหนาวมักจะมาเร็วเสมอ
ตกกลางคืน งานเลียงในห้องโถงของจวนผู้เฒ่าหยุนไห่ก็เริมขึน ผู้เฒ่าหยุนไห่นัง อยู่บนทีนังหลัก สองทีนั งถัดจากเขาคือกู่ ชวน ลูกศิษย์คนทีสองของเขา และเผย หยู่เจ๋อ ลูกศิษย์คนทีสี เจียงหยุนชานในฐานะลูกศิษย์คนเล็กทีสุด เขาจึงเป็ นผู้ริน เหล้าให้ท่านอาจารย์และศิษย์พีทังสองคนด้วยความเคารพ
แม้เจียงฉิงกับเจียงป่ าวชิงจะเป็นแขกผู้หญิง แต่ขณะนีเป็ นงานเลียงภายใน ครอบครัว เมือปิ ดประตูเรียบร้อยแล้วก็นังในทีนั งแยกกั นทีบ้านของตัวเอง งานนี ไม่มีข้อบังคับอะไรมากมาย
ผู้เฒ่าหยุนไห่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและทําอะไรอย่างใจกว้าง เขาไม่นําพิธี หยุมหยิมมาใส่ใจแต่อย่างใด ชายชรามองลูกศิษย์คนเล็กทีสุดรินเหล้าให้ตัวเอง อย่างคล่องแคล่วด้วยใบหน้ายิมแย้ม แต่ อีกฝ่ ายกลับพูดกําชับเขาเล็กน้อย
“ท่านอาจารย์ขอรับ แม้เหล้านีจะไม่ใช่เหล้าฤทธิD แรง แต่ถึงยังไงมันก็เป็ นเหล้า ท่านอาจารย์อายุมากแล้ว ดืมไม่กีแก้วก็น่าจะพอได้แล้วนะขอรับ และอย่าติดเหล้า มากเกินไปเด็ดขาดเลย”
ผู้เฒ่าหยุนไห่ยังไม่ได้พูดอะไร กู่ชวนก็หัวเราะยกใหญ่ “ฮ่า ๆ ๆ ตอนทีศิษย์น้อง เพิงเข้ามาในจวนท่ านอาจารย์เมือไม่กีปี ก่อนเพิงเป็ นเด็กตัวเล็กเท่ านีเอง” ชายวัย กลางคนทียามปกติมีใบหน้าเคร่งขรึม ในตอนนีมีสีหน้าเบิกบาน เขานังอยู่ บนที นังพลางยกมือเปรียบเทียบความสูง “ข้าแสวงหาความรู้อยู่ข้างนอก ไม่กีปี มานี แค่ชัวพริบตาเดียวเอง ตอนนี ศิษย์น้องสูงขนาดนีแล้ว และยังกล้าสังสอนท่าน อาจารย์แล้วด้วย ให้ข้าพูดนะ เจ้าสังสอนได้ดีมาก ดีมากเลยจริง ๆ! ”
เจียงหยุนชานค่อนข้างซือตรง แต่สีหน้าของเขากลับยังคงสุขุม เขาไม่ได้ตืน ตระหนกเพราะการหยอกล้อของศิษย์พีสอง จากนันเขาก็พูดขึนอย่างใจกว้าง “ศิษย์พีกู่พูดน่าขันแล้วขอรับ แต่ท่านอาจารย์อายุมากแล้ว คนเป็ นลูกศิษย์อย่าง เราจึงหวังว่าท่านอาจารย์จะอายุยืนยาวเป็ นธรรมดา ศิษย์พีกู่กลับมาในวันนี เห็น ได้ชัดว่าท่านอาจารย์ดีใจมากกว่าวันไหน ๆ ศิษย์น้องจึงกลัวว่าท่านอาจารย์จะดืม เยอะภายใต้ความรู้สึกดีใจขอรับ”
กู่ชวนอดชืนชมไม่ได้ เขาพูดกับผู้เฒ่าหยุนไห่ว่า “ท่านอาจารย์มีศิษย์น้องทีรู้เรือง เช่นนีคอยดูแลอยู่ข้างกาย เมือศิษย์แสวงหาความรู้อยู่ข้างนอก ศิษย์ก็วางใจขึนไม่ น้อยเลย”
เผยหยู่เจ๋อพูดขึนยิม ๆ “ดูศิษย์พีกู่พูดเข้าสิ นีศิษย์พีไม่เห็นข้าทีอยู่กับท่านอาจารย์ มาเป็ นเวลาหลายปี อยู่ในสายตาโดยสินเชิง เป็นอย่างทีเขาว่าจริง ๆ ด้วยว่ามีคน ใหม่แล้วจะลืมคนเก่า”
เมือกู่ชวนเห็นเผยหยู่เจ๋อ เขาก็อดแสดงสีหน้าจนปัญญาไม่ได้ “น้องสี ก็เจ้าเป็ น ศิษย์น้องทีน่ารําคาญของข้า ถ้าจะให้ข้าพูดถึงเจ้าละก็ เจ้านันเกียจคร้านจนชินแล้ว ในยามปกติข้ากับท่านอาจารย์ยังต้องเป็ นฝ่ ายเป็ นห่วงเจ้าเสียด้วยซํา! เจ้าลองบอก มาสิว่าเจ้าอายุเท่านีแล้วแต่กลับยังไม่ยอมไปจากท่านอาจารย์สักที การศึกษา ค้นคว้าของเจ้าก็เป็ นไปอย่างเกียจคร้านและชักช้าเสมอมา อีกทังข้ายังไม่เห็นเจ้า ตามหาเรืองแต่งงานอะไรด้วย เจ้านีนะ ถ้าจะให้ข้าคิด จริง ๆ แล้วเจ้ามักทําให้ คนเป็ นศิษย์พีอย่างเราต้องกลุ้มใจอยู่เสมอ!”
เผยหยู่เจ๋อมองเจียงป่ าวชิงด้วยสีหน้าราบเรียบ เมือเห็นว่านางกําลังพูดคุยอะไร บางอย่างกับเจียงฉิงและไม่ได้มองมาทางนี เขาก็รีบเก็บสายตากลับมาทันทีแล้ว พูดขึนยิม ๆ “พอได้แล้วศิษย์พีสอง ศิษย์พีชอบสังสอนคนมากกว่าศิษย์พีใหญ่ที เป็ นหัวหน้าภูเขาเสียอีก วันดี ๆ เช่นนี ศิษย์พีอย่าเอาพิมเสนมาแลกกับคนน่า รําคาญอย่างข้าเลย มา ๆ ๆ ศิษย์น้อง” เผยหยู่เจ๋อพูดขึนเสียงเบา “รีบรินเหล้า ให้ศิษย์พีกู่ของเจ้าจนเต็มแก้วซะ รสชาติของเหล้านีนุ่มลึกเพราะมันหมักบ่ม ยาวนานและหอมหวานมากเมือแตะลิน ท่านอาจารย์อายุมากแล้วไม่ควรดืมเยอะ แต่ปี นีศิษย์พีกู่กําลังรุ่งเรืองจึงไม่มีความกังวล ข้าไม่เชือว่าเหล้าทีดีขนาดนีจะไม่ สามารถปิ ดปากของศิษย์พีกู่ได้”
เจียงหยุนชานรินเหล้าใส่แก้วเหล้าทีอยู่ตรงหน้ากู่ชวนให้เต็มแก้วด้วยใบหน้ายิม แย้ม แล้วเขาก็โน้มนําคําพูดแทนเผยหยู่เจ๋อ “ศิษย์พีกู่ วันนีเป็ นงานเลียงต้อนรับ ศิษย์พี ศิษย์พีควรดืมให้เยอะ ๆ จริง ๆ นันแหละขอรับ ”
กู่ชวนรู้สึกถูกชะตากับเจียงหยุนชานมากจึงพูดอย่างต่อเนือง “ได้ ๆ ๆ” จากนัน เขาก็กระดกแก้วเหล้าดืมจนหมด
ผู้เฒ่าหยุนไห่มองดูพวกลูกศิษย์ทีเขารักกําลังพูดคุยกันอยู่ทีนัน พวกเขาทั งคึกคัก และรักใคร่กลมเกลียวกัน อย่าถามว่าคนแก่อย่างเขารู้สึกสบายใจแค่ไหน รอยย่น บนใบหน้าของเขาถึงกับหายย่น ไหนจะใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิม
และในขณะนีเอง ร่างสองร่างโผล่มาทีทางเข้าห้องโถง ทังสองเดินตามกันเข้ามา ในห้องทีละคน
กู่ชวนทีเดิมทียังคงยิมแย้มทําสีหน้าเคร่ งขรึมทันที เขาถลึงตามองคนทีเดินก้ม หน้าอยู่ข้างหน้า
คนทีเดินก้มหน้าอยู่ข้างหน้าเดินมาถึงตรงกลางห้อง คุกเข่าลงกับพืนเสียงดังและ โน้มศีรษะลงคํานับพืนสามครังเพือเป็ นการทําความเคารพผู้เฒ่าหยุนไห่ “ศิษย์ หลานมาช้า ศิษย์หลานขออวยพรให้ท่านอาจารย์อายุยืนนานและมีความสุข ตลอดไปขอรับ”
สีหน้าผู้เฒ่าหยุนไห่เต็มไปด้วยความเมตตา “คุนเอ๋อร์รึ รีบลุกขึนเถอะ ทีนีมีแต่ คนกันเอง คนในครอบครัวทานอาหารด้วยกันจะเรียกว่ามาช้าได้ยังไง”
กู่ชวนถอนหายใจ “ท่านอาจารย์ตามใจเขาอยู่เรือย ต่อให้เป็ นงานเลียงภายใน ครอบครัวก็ไม่มีเหตุผลทีจะให้ผู้ใหญ่รอและมาสายเช่นนีนะขอรับ”
เดิมทีกู่เฉินคุนกําลังจะลุกขึน แต่เมือได้ยินพ่อของเขาพูดเช่นนี ก็มีความมืดหม่น ฉายวาบบนสีหน้าของเขาและเขาก้มหน้าคุกเข่าอยู่ทีนันต่ อไป
คนทีตามอยู่ด้านหลังเขากลับเป็ นเลียวชุนหยู่ซึงเริมต้นเกาศีรษะด้วยท่าทางเก้อ เขิน “ท่านปู่ หยุ่นไห่ ข้าเองก็มาช้าเช่นกัน… ข้าขอทําความเคารพท่านปู่ ด้วยนะ ขอรับ”
ผู้เฒ่าหยุนไห่ทังโมโหทังรู้สึกขํา “นีพวกเจ้าแต่ละคนกําลังทําอะไร งานเลียง ต้อนรับนีไม่ได้กําหนดเวลาสักหน่อย จะมีการมาช้าได้ยังไง ? …เอาล่ะเสียวชุน หยู่ พืนมันเย็นมาก เจ้าไม่ต้องคุกเข่าหรอก อ้อ แล้วรีบดึงคุนเอ๋อร์ทีอยู่ข้างเจ้า ขึนมาก่อนค่อยว่ากันเถอะ”
“ขอรับ!” เลียวชุนหยู่กําลังจะเข้าไปดึงแขนกู่เฉินคุนด้วยท่าทางไม่รีบร้อน ประมาณว่า “ทําตามคําสัง ” แต่กู่เฉินคุนกลับถลึงตาใส่เลียวชุนหยู่อย่างอึดอัด ใจ ผลักมือเลียวชุนหยู่ออกและพูดขึนเสียงเบา “ไม่จําเป็ นต้องให้เจ้าดึง ข้าลุกเอง ได้!”
พูดเสร็จเขาก็ใช้มือคําพืนแล้วลุกขึน
ขณะทีกําลังลุกขึน คงเป็ นเพราะสัมผัสถูกบาดแผลสักทีจึงเจ็บจนเผลอทําหน้าบูด หน้าเบียว แต่กลับพยายามฝื นไว้ไม่ส่งเสียงอะไรออกมา
เลียวชุนหยู่เห็นแล้วรู้สึกใจฝ่ อ เพราะนีเป็นบาดแผลฝี มือกําปั นของเขาเอง เขาจึง มองผู้เฒ่าหยุนไห่อย่างเขินอาย “ท่านปู่ หยุนไห่ มิเช่นนัน ข้าคุกเข่าให้ท่านปู่ ดีกว่า… เพราะข้าเด็ดเหมยแดงทีมีกลินหอมชาของท่านปู่ สองสามดอก” … แล้วยังชกต่อยกับศิษย์หลานของท่านอีก
แน่นอนว่าเลียวชุนหยู่ไม่ได้พูดประโยคสุดท้ายออกไป เพราะถึงอย่างไรก็ถือว่า ผิดทังคู่ ถ้าหากเขาบอกว่าชกต่อยกู่เฉินคุนเพียงฝ่ ายเดียว ไม่แน่เจ้าเด็กทีความรู้สึก ไวคนนีอาจคิดว่าเขากําลังยัวยุตนเองก็ ได้
แบบนันทีเขาตามอยู่ด้านหลังกู่เฉินคุนตลอดทังบ่ายและพูดจนหนังปากแตกและ สามารถทําให้ความสัมพันธ์ของทังสองผ่อนคลายลงได้บ้างเล็กน้อยก็เปล่า ประโยชน์น่ะสิ
แน่นอนว่าผู้เฒ่าหยุนไห่ได้ยินเรืองนีแล้วก็หัวเราะชอบใจ “ฮ่า ๆ ๆ ไม่เป็ นไร ๆ อากู่ของเจ้าก็บอกแล้วหนิว่าเหมยแดงทีมีกลินหอมชาเป็ นเพียงสิงทีให้ความ บันเทิงกับคนเราเท่านัน เด็ดแล้วก็เด็ดไปเถอะ”
เลียวชุนหยู่ไม่ได้รู้สึกโล่งใจแต่อย่างใด เขากลับมองไปทีกู่เฉินคุนอย่างเป็ นห่วง
ใบหน้ากู่เฉินคุนแดงกํา ไม่ว่าพ่อของเขาหรืออาจารย์ของเขาต่างก็บอกว่าไม่ เป็ นไร แต่เขารู้สึกไม่ค่อยดีเพราะเขาเป็นคนไปยุ่งกับของของคนอืนก่อนจริง ๆ
“แม้คุนเอ๋อร์จะบุ่มบ่ามไปหน่อยแต่เขาก็ทําเพือข้า ข้าเข้าใจ” ผู้เฒ่าหยุนไห่มอง กู่เฉินคุนด้วยสีหน้าเมตตา “แต่ครังหน้าห้ามบุ่มบ่ามเช่นนีอีก ต้องรู้ว่าโดยส่วน ใหญ่แล้ว การลงไม้ลงมือจะผลักดันให้ปัญหาทีเกิดรุนแรงมากขึน”
กูเฉินคุนก้มหน้าพูดด้วยเสียงอู้อี “ศิษย์หลานเข้าใจแล้วขอรับ”
กู่ชวนถอนหายใจอยู่ด้านข้าง “ท่านอาจารย์พูดได้ผลทีสุด เฉินคุนดือรันมาก ไม่ ว่าศิษย์จะพูดอะไรเขาก็มักกระด้างกระเดืองยึกยักอยู่เสมอ”
กู่เฉินคุนก้มหน้าไม่พูดอะไร แต่มือทีห้อยอยู่ข้างกายของเขากลับกําเข้าหากันจน เป็ นกําปั นเล็ก ๆ แล้ว