แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 463 : ดีดพิณ
เลียวชุนหยู่นึกถึงคําพูดทีเจียงป่ าวชิงเคยพูดกับเขาว่า “ถ้าหากเรืองนีเกิดขึนกับ เจ้า คาดว่าเจ้าคงร้องไห้และหนีออกจากบ้านไปแล้ว” เมือพิจารณาจากอีกมุม หนึง เขารู้สึกตืนตันใจต่อกู่เฉินคุนทีดูไม่สบอารมณ์คนนีในทันที
“ลุงกู่ อันทีจริงเรืองนี…” เลียวชุนหยู่รวบรวมความกล้าพูดกับกู่ชวน “ไอ้ป่ า… เอ่อ… กู่… กู่เฉินคุนเองก็ไม่ได้รับความเป็ นธรรมเช่นกันขอรับ…” เลียวชุนหยู่ เกือบพูดคําว่า “ไอ้ป่ าเถือน” ออกไปเสียแล้ว โชคดีทีห้ามตัวเองเอาไว้และพูด คําถัดไปออกมาอย่างตะกุกตะกัก
เลียวชุนหยู่พูดออกไปเช่นนี สีหน้าผู้คนในห้องโถงแตกต่างกันออกไป
กู่ชวนงุนงง สีหน้าของผู้เฒ่าหยุนไห่เต็มไปด้วยความเมตตา เผยหยู่เจ๋ออมยิม พวก เจียงหยุนชานก็มองเลียวชุนหยู่อย่างให้กําลังใจ
ทว่ากู่เฉินคุนตกตะลึง เขาโกรธเป็ นฟื นเป็ นไฟ “ข้าไม่ต้องการความเห็นใจจาก เจ้า!”
เลียวชุนหยู่ไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่นิดเดียว เขามองกู่เฉินคุนแล้วตะคอกกลับ “ข้าเองก็ไม่ได้เห็นใจเจ้าเช่นกัน!”
กู่เฉินคุนตกตะลึงกับการตะคอกของอีกฝ่ าย
หลังจากตะคอกเสร็จ เลียวชุนหยู่ก็สงบลงและไม่สนใจกู่เฉินคุนอีก เขาเลือกทีจะ มองกู่ชวนพลางคํานับอีกฝ่ าย “ลุงกู่ เรืองเมือตอนบ่ายของวันนี อันทีจริงเราสอง คนต่างก็มีความผิด แน่นอนว่าข้าถือว่าเป็ นตัวการก่อเรืองและผิดมากกว่า แม้กู่ เฉินคุนไม่ควรลงไม้ลงมือแต่เขาก็ไม่ได้รับผลดี และแม้ใบหน้าข้าจะดูน่ากลัวอยู่ หน่อยแต่ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงอะไร ตรงกันข้าม เขากลับถูกข้าต่อยจนคาด ว่าน่าจะชําไปทังตัว…”
เมือพูดถึงตรงนี เห็นได้ชัดว่าเลียวชุนหยู่เก้อเขินเล็กน้อย ใบหน้าของเขาจึงแดงกํา อย่างนัน “ท่านเป็ นพ่อของเขาและมีหน้าทีรับผิดชอบในการสังสอนเขา แต่ข้าคิด ว่าเรืองนีควรแยกแยะสถานการณ์ กู่เฉินคุนปกป้องเหมยแดงทีท่านปลูกมาอย่าง ยากลําบากจนเกิดความขัดแย้งกับข้าก็เพราะเขาทําเพือท่าน และเขายังถูกข้าต่อย อย่างแรงด้วยแต่ท่านกลับต้องการให้เขาเป็ นฝ่ ายขอโทษข้า… พีสาวคนโตของข้า บอกแล้วว่าถ้าหากว่าเรืองนีเกิดขึนกับข้าบ้าง คาดว่าข้าคงร้องไห้และหนีออกจาก บ้านไปแล้ว… ดังนัน ข้าอยากจะขอให้ตอนนีท่านไม่ต้องซักถามเรืองทีกู่เฉินคุน มาช้าแล้วขอรับ”
กู่ชวนไม่คิดว่าเลียวชุนหยู่จะพูดคุยกับเขาอย่างชัดแจ้งเช่นนี แม้คําพูดเหล่านีจะ เรียบง่ายมาก แต่เมือเขาลองคิดอย่างละเอียดแล้วมันเป็ นเช่นนันจริง ๆ
หลายปี มานีเขามักคิดว่าลูกชายโตแล้ว ไม่ง่ายต่อการสังสอน แต่เขาไม่เคยคิด สงสัยเลยว่าจะมีอะไรผิดปกติกับทัศนคติและวิธีการสังสอนลูกของเขาเองหรือ เปล่า
ใบหน้าของกู่ชวนทีเดิมทียังคงเคร่งขรึมค่อย ๆ ผ่อนคลายลง เขากระแอมไอ
กู่เฉินคุนไม่คิดว่าเลียวชุนหยู่จะพูดเช่นนีออกมาได้ และไม่คิดว่าเลียวชุนหยู่ทีเพิง ชกต่อยกับเขาเมือไม่นานมานีจะเข้าใจเขาถึงขนาดนีด้วยจึงเริมรู้สึกตืนตันใจ ขึนมาบ้าง แต่ทว่าเขากลับอดกลันไว้ไม่ยอมแสดงออก
กู่เฉินคุนนึกถึงตอนทีเลียวชุนหยู่จงใจมาพัวพันกับเขาตลอดช่วงบ่ายและบอก ประมาณว่า “เขาไม่มีพ่อแม่ตังแต่เล็ก การมีพ่อสังสอนนันถือว่าเป็ นวาสนาอย่าง หนึง” จากนันกําปั นทีกําเข้าหากันแน่นก็ค่อย ๆ คลายออก และสายตาของเขาที ใช้มองเลียวชุนหยู่ก็ไม่ได้โหดเหี ยมเช่นเดิมแล้วด้วย
ผู้เฒ่าหยุนไห่หัวเราะชอบใจ “เอาล่ะจือเหอ เจ้าน่ะชอบถ่ายทอดคําสอนด้วย ใบหน้าเคร่งขรึม ก็เห็นอยู่ว่านีเป็ นงานเลียงต้อนรับเจ้ากับคุนเอ๋อร์ เจ้าดันทําให้ บรรยากาศเคร่งขรึมเช่นนี รีบให้เด็กทังสองไปนังทีสิ พวกเขายืนมานานแล้วนะ ให้ไปนังซดนํ าต้มไก่ร้อน ๆ สักหน่อยเถอะ” ผู้เฒ่าหยุนไห่หันไปหาเด็กชายทัง สองและพูดยิม ๆ “แต่พวกเจ้ายังเด็ก แม้ว่าเหล้าในงานเลียงจะดีมากก็ยังไม่ควร ดืม”
เลียวชุนหยู่เกาศีรษะพลางยิม รีบวิ งไปนั งลงตรงทีว่ างด้านล่างเจียงหยุนชานอย่าง รวดเร็ว
ส่วนกู่เฉินคุน สีหน้าเด็กชายดูซับซ้อน เขาไปนังลงตรงทีว่ างข้างกายกู่ชวนอย่าง เชืองช้า สําหรับสีหน้าของกู่ชวนตอนนีดูซับซ้อนยิงกว่ าสีหน้าบูดบึงของลูกชาย เขาซะอีก เขามองลูกชายทีใกล้จะสูงเท่าหน้าอกของเขาเล็กน้อย
ก่อนหน้านีทีเขาบอกว่าไม่เจอกันไม่กีปี เจียงหยุนชานสูงขึนขนาดนีแล้ว แต่ลูก ชายของเขาก็ไม่ต่างกัน ในช่วงไม่กีปี ทีผ่านมา เขารับลูกชายมาอยู่ข้างกายจาก บ้านปู่ ของเขา ราวกับผ่านไปแค่ชัวครู่ เดียว ลูกชายของเขาก็เติบโตจากเด็กมาเป็น เด็กหนุ่มตัวเล็ก ๆ เสียแล้ว
เห็นทีว่าเขาควรหาโอกาสอันเหมาะสมเพือพูดคุยกับลูกคนนีให้ดี ๆ สักครัง
กู่เฉินคุนมองพ่อตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์ เมือเห็นว่าสีหน้าพ่อไม่เหมือนกําลัง โกรธ แต่คล้ายกับกําลังไตร่ตรองอะไรบางอย่างเสียมากกว่า เขาก็รู้สึกงุนงง รวมถึงเกิดความรู้สึกเหมือนมีอะไรทะลักอยู่ในใจของเขาอย่างไรอย่างนัน และ เมือมองไปทีไอ้คนบ้านนอกฝังตรงข้ามทีกําลังจับช้อนขึนจิบนําต้มไก่ร้อน ๆ อยู่ ในตอนนี อาการไม่สบอารมณ์ในใจของเขาก็มีมากยิงขึ น
ก็ได้ ครังนีถือว่ายอมติดค้างอีกฝ่ ายก็แล้วกัน…
เมือผู้เฒ่าหยุนไห่เห็นทุกคนนังทีแล้ว แต่ เจียงหยุนชานกลับยังคงคอยรับใช้ริน เหล้าอยู่ข้างกายเขา เขาจึงพูดหยอกล้อ “เจ้าเองก็กลับไปนังพักเถอะ ข้าไม่ ใช่ท่าน อาจารย์ใจร้ายทีชอบให้มีศิษย์คอยบริการอยู่ข้างกายตลอดเวลาอย่างนันสัก หน่อย”
เผยหยู่เจ๋อพูดขึนยิม ๆ “ศิษย์น้องกลัวว่าท่านอาจารย์จะแอบดืมเหล้าน่ะสิ ถึงได้ คอยควบคุมอยู่เช่นนี”
ทุกคนพากันหัวเราะ เจียงหยุนชานเดินยิมพลางกลับไปนั งที
เมือลู่เหมยเห็นว่าได้เวลาแล้ว นางก็ไปกระซิบข้างหูผู้เฒ่าหยุนไห่ จากนันผู้เฒ่า หยุนไห่ก็พยักหน้า
หลังจากทีลู่เหมยปรบมือ เสียงดีดพิณเจ็ดสายอันไพเราะดังขึน แล้วสาวใช้สอง สามคนในชุดกระโปรงแบบเดียวกันก็เต้นรําเข้าไปในห้องโถง
แม้ว่าพวกสาวใช้ในจวนผู้เฒ่าหยุนไห่จะฆ่าเวลาโดยพูดคุยเกียวกับการร้องการ เต้นแก้เหงาในยามปกติ และไม่ได้เป็ นคณะร้องเต้นโดยเฉพาะ แต่ขณะนี บรรยากาศในงานเลียงกําลังดี และการร้องการเต้นนีคึกคักน่าฟัง อีกทังพวกสาว ใช้ทีเริงระบําอยู่ก็วาดแขนทําท่วงท่ากันด้วยรอยยิม ทุกคนโดยรอบจึงดูด้วย ความรู้สึกเพลิดเพลินใจอย่างมาก
หลังจบการเต้นรํา พวกสาวใช้ก็นังยอง ๆ อย่ างเป็ นระเบียบแล้วกล่าวคํามงคล เฉลิมฉลอง
ผู้เฒ่าหยุนไห่ยิมสบายใจ เมือลู่ เหมยเห็นดังนันนางก็ให้รางวัลกับพวกสาวใช้ที เต้นรําเป็นถุงหอมทีภายในมีเงินรางวัล
พวกสาวใช้ทีเต้นรําต่างรับรางวัลและจากไปด้วยความดีใจ
“ควรมอบรางวัลแก่คนดีดพิณเมือสักครู่ด้วยเช่นกัน ”กู่ชวนพูดขึนยิม ๆ “ ไม่ได้กลับมาทีจวนท่านอาจารย์ตังนาน ไม่คิดว่าจวนนีจะสร้างผู้มีฝี มือในการดีด พิณเช่นนี”
ผู้เฒ่าหยุนไห่มองลู่เหมยแล้วพูดขึนยิม ๆ “คนดีดพิณคือปี หยุนใช่ไหม ? …นาง ชอบความคึกคักแต่ไหนแต่ไรแต่ทําไมวันนีกลับไม่เห็นนางล่ะ ข้ายังแปลกใจอยู่ เลยว่าความสามารถในการดีดพิณนี นางไปหลบดีดอยู่ทีไหนมา”
ลู่เหมยพูดขึนยิม ๆ “เมือช่วงบ่ายข้าน้อยมาจัดงานเลียงตังแต่เนิน ๆ แต่กลับไม่ เห็นนางเช่นกันเจ้าค่ะ” ลู่เหมยพูดเสียงดังขึนเล็กน้อย “ปี หยุน รีบออกมาเร็วเข้า ถ้าเจ้ายังไม่ออกมาอีก ข้าจะซ่อนถุงหอมรางวัลของเจ้าแล้วนะ”
เสียงกระทบกันของม่านไข่มุกดังขึนในตอนทีม่านถูกเลิกขึนในห้องด้านข้างห้อง โถง เด็กสาวในชุดกระโปรงยาวสีแดงลายผีเสือร้อยปี ใบหน้าแต่งแต้มด้วยแป้ง เสริมสวยบาง ๆ มีปิ นปักผมหยกลายก้อนเมฆมงคลทีงดงามเสียบอยู่บนศีรษะ และนางยังกอดพิณไว้ในอ้อมแขน เด็กสาวเดินออกมาจากด้านหลังม่านไข่มุก อย่างอ้อยอิง
คนทีกําลังกอดพิณอยู่นัน ถ้าไม่ใช่ปี หยุนแล้วจะเป็ นใครได้อีก เกิดความเงียบภายในห้องโถงทันที
พวกสาวใช้ทีคอยรับใช้อยู่ในห้องโถงต่างพากันตะลึง พวกนางมองปี หยุนสลับ กับมองเจียงป่ าวชิงทีนังอยู่ ในงานเลียง
ทังสองคนใส่เสือผ้าเหมือนกันเป๊ ะ!
ไม่ว่าจะเป็ นสี รูปแบบชุด แม้กระทังลายผีเสื อร้อยปี ทีปักอยู่ตรงส่วนกระโปรง ต่างก็เหมือนกันทุกประการ
เจียงป่ าวชิงก้มหน้าลงเล็กน้อย นางยกถ้วยชาเขียวขึนอย่างใจเย็นแล้วเม้มริมฝี ปาก บางเพือจิบชา อืม… ชาเขียวนีสีเขียวใสและหอมสดชืน ช่างเป็นชาเขียวทีดีจริง ๆ
(ชาเขียว เป็นหนึงในคําสแลงในจีน มีความหมายว่าผู้หญิงทีภาพลักษณ์ดูใสซือ แต่ข้างในร้ายลึก เต็มไปด้วยมารยา ชอบเรียกร้องความสนใจ)