แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 469 : ทําตามใจชอบ
เจียงป่ าวชิงสบายใจได้แล้ว แต่กงจีทีรออยู่ในโรงเตีEยมหยุนช่างกลับรู้สึกไม่สุขใจ เมือเห็นการแต่งกายของนาง จะให้สุขได้อย่างไร ในเมือหญิงงามทีหมายปอง กลับกลายเป็ น “น้องชาย” อย่างกะทันหัน กงจีจึงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
เจียงป่ าวชิงมองกงจีทีมีท่าทีเสียใจ นางส่งเสียงออกมาทางจมูกแล้วพูดขึน “ครัง แรกทีเจ้าพบข้าในปี นี ข้าก็อยู่ในชุดนีและไม่เห็นว่าเจ้าจะรู้สึกหดหู่อะไรขนาดนี เลยนะ ทังยังโอบกอดข้าด้วย… ผู้ชายอย่างพวกเจ้านีช่างปัญหาเยอะซะจริง”
เจียงป่ าวชิงไม่พูดถึงตอนนันก็ดีอยู่ แต่เมือนางพูดถึง กงจีหรีตาลง พูดอย่างข่มขู่ เล็กน้อย “แต่ข้ากลับจําท่าทางของใครบางคนทีปฏิเสธการอยู่ใกล้ข้าในตอนนัน ได้แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะข้าละทิงศักดิDศรีแล้วตามตืEอ เกรงว่าตอนนีใครบางคนคง ลอยนวลในถําโจรอย่างมีความสุขอยู่ล่ะสิไม่ว่า!”
กงจียิงคิดก็ ยิงโมโห เขาอยากจับนางมาบีบอย่ างแรง แววตาทีเขาใช้มองนางก็อึมค รึมขึนเรือย ๆ
เจียงป่ าวชิงจึงรีบไปนังลงบนทีนั งและพูดขึ นยิม ๆ อย่ างว่านอนสอนง่าย “ไม่ใช่ เพราะว่าข้ามีรูปโฉมงดงามสะดุดตาหรอกรึ ตอนนีเจ้ากับข้าต่างก็ยังไม่ได้ แต่งงานทังคู่ ถ้าเดินด้วยกันบนท้องถนนแล้วถูกคนเอาไปพูด ถึงตอนนันมันจะ ไม่ดีถ้าหากว่ามีปัญหาใหม่แทรกเข้ามาอีก”
ทีนางพูดก็มีเหตุผล กงจีได้แต่ขบกรามแน่นเพือระงับอารมณ์ตัวเองและทิงท้าย ตักเตือน “ติดไว้ก่อน ถึงตอนนัน…”
ชายหนุ่มยิมอย่ างเย็นชา
เจียงป่ าวชิงรู้สึกหน้าร้อนฉ่าเมือได้ฟังและรู้สึกขนลุกขนพองเล็กน้อย ก่อนจะรีบ ก้มหน้าลงตําเพือแสร้งทําเป็ นว่าไม่มีตัวตน
กงจีไม่เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ ตอนนีทางร้านทยอยนําอาหารมาให้แล้ว แม้ เป็ นเพียงอาหารเช้า แต่ก็มีถ้วยจานอาหารต่าง ๆ วางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะอย่างเช่น ลูกชินสามกษัตริย์ แป้งม้วนสมใจนึก หมูแผ่นและหน่อไม้สด เกีEยวนําต้มปูสี เหลืองทองน่ารับประทานและอืน ๆ อีกหลายรายการ เจียงป่ าวชิงทําได้เพียงพูด ในใจว่าชนชันสูงนีมันได้กินของดีจริง ๆ แล้วก็เข้าร่วมในการรับประทานอาหาร มือโอชะนีกับกงจีอย่างสุขใจ
กงจีทานไปไม่เยอะเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เขาจะมองดูนางคีบอาหารอย่างเงียบ ๆ เสีย มากกว่า หลังจากทีนางเงยหน้าขึนมาเห็นเขากําลังมองอยู่เป็ นครั งทีเท่าไหร่แล้ว ไม่รู้ นางก็หยิบผ้าขนหนูด้านข้างมาเช็ดปากแล้วพูดขึนยิม ๆ “ท่าทางของเจ้า เหมือนวางยาในอาหารยังไงยังงันเลยนะ และตอนนีเจ้ากําลังมองเพือให้มันใจว่ า ข้ากินเยอะ จะได้ถูกพิษเยอะ ๆ อะไรประมาณนัน”
มุมปากกงจียกขึนเล็กน้อยเป็ นรอยยิม แล้วเขาก็ หัวเราะ “เจ้าพูดถูกต้องแล้ว ตอนนีข้ากําลังรอให้เจ้าถูกพิษเล่นงานจนหมดสติ จากนันข้าจะได้โยนเจ้าลงบน เตียงแล้วทําอะไรก็ได้ตามใจชอบไงล่ะ”
คําว่าทําตามใจชอบทีออกมาจากปากของเขา เจียงป่ าวชิงรู้สึกหน้าร้อนเมือได้ยิน นางรีบถลึงตาใส่เขาแต่ก็ยังพูดพร้อมรอยยิม “น่าเสียดายทีลินของข้าไวต่อการ รับรสมาก เจ้าไม่มีโอกาสได้วางยาข้าหรอก แต่ข้าสามารถทําให้เจ้าลิมรสเข็มเงิน ของข้าไปได้นาน ๆ เมือถึงตอนนันก็ไม่รู้ว่าใครกันแน่ทีจะได้เป็ นคนทําอะไร ตามใจชอบ”
เจียงป่ าวชิงส่งสายตาลําพองใจให้กงจีแล้วก้มหน้าจัดการมืออาหารต่ออย่างมี ความสุข
“…”
กงจีไม่ได้พูดอะไร เขาตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งหญิงขีเล่นตรงหน้ากลับไปโดยเร็ว เพือทีจะได้ “ทําอะไรตามใจชอบ” ได้อย่างถูกหลักทํานองคลองธรรม
หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จสิน สองคนก็เดินเคียงข้างกันลงไปชันล่างแต่ กลับมีคนพุ่งจากชันล่างขึนมาชันบนอย่างรีบร้อนพร้อมทังตะโกนว่า “หลีก สิวะ!” และเกือบชนกับเจียงป่ าวชิงอยู่แล้ว
สายตากงจีเย็นยะเยือก เขาพานางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตัวเองและ ขณะเดียวกันก็ยืนขาไปขวางชายคนนัน
ชายคนนันวิงเร็วเกิ นไปจึงถูกขวางไว้ นีถ้าเขาไม่ได้รีบกอดราวบันไดเพือให้ร่าง มันคงด้วยสภาพจนตรอกเช่ นนี เกรงว่าคงตกลงไปข้างล่างแล้ว
ชายคนนันเพ่งมองก็เห็นว่าชายหนุ่มรูปงามร่างสูงใหญ่และกําลังกอดเด็กหนุ่มดู บอบบางคนหนึงไว้ในอ้อมกอดกําลังมองมาอย่างเย็นชา
เขาตะโกนด่าเสียงดังด้วยสีหน้ารังเกียจ “ไอ้รูปปั นสองตัวรีบไสหัวไปให้ไกล อย่ามาขวางทางข้า!” ไม่เพียงแต่ก่นด่า เขายังทําเหมือนจะลงไม้ลงมืออีกด้วย
กงจีหัวเราะร่วน ทันใดนันองครักษ์ข้างหลังเขายกเท้าถีบชายคนนันทันทีจน กระเด็นออกไปเลยทีเดียว
สําหรับร้านอาหารมาตรฐานสูงอย่างโรงเตีEยมหยุนช่าง แม้จะเป็ นห้องโถงใหญ่ที ชันหนึงก็ตาม แต่อย่างน้อยคนทีมารับประทานอาหารเช้าทีนีต่างก็มีพืนฐาน ครอบครัวดีและมีความมังคั งทั งนัน ตอนนีห้องโถงจึงเงียบลงทันที
ชายผู้ทีถูกถีบกระเด็นล้มลงไปบนพืนอย่างแรงราวกับกองทราย แต่โชคดีที ด้านล่างบันไดปูด้วยพรมหนามิเช่นนัน ดูจากท่าทางแล้วอย่างน้อยชายคนนันคงมี แขนขาเคล็ดบ้างแน่แล้ว ทว่าเขาก็ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไร เขารู้สึกเหมือนร่างตัวเอง แตกเป็ นเสียง ๆ จนอดไม่ได้ ต้องแหกปากตะโกนขึนเสียงดัง “ไอ้คนชัว! เจ้ากล้า ลงไม้ลงมือทีโรงเตีEยมหยุนช่างรึ ?! รู้หรือเปล่าว่าข้าเป็ นใคร ?!”
สายตาของผู้มารับประทานอาหารในห้องโถงต่างจับจ้องไปทีกงจีและเจียงป่ าวชิง
กงจีโอบกอดเจียงป่ าวชิงลงบันไดเหมือนเดินเล่นและพูดอย่างไม่ใส่ใจ “จะ สนใจไปทําไมว่าเจ้าเป็ นใคร วิงแบบนี บนบันได ข้าจะให้เจ้าได้รับความทรมาน สักหน่อยจะได้จําบทเรียนในครังนีไว้”
ชายคนนันก่นด่าอย่างแรง “ไอ้รูปปั นอย่างเจ้ายังมีหน้ามาว่าข้า…” ทว่ายังพูดไม่ ทันจบ องครักษ์ข้างกายกงจีเคลือนตัวมาโผล่ตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนทีร่าง เขาจะถูกกดลงกับพืน
องครักษ์พูดด้วยนําเสียงเย็นยะเยือก “ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าใช้คําพูดสกปรก… ถ้า รักตัวกลัวตาย เงียบซะ!”
โรงเตีEยมหยุนช่างมีทุกวันนีได้ แน่นอนว่าได้รับการสนับสนุนจากผู้มีอํานาจทีอยู่ เบืองหลังและเจ้าของร้านก็รู้จักกงจีเป็ นธรรมดา เขาวิงออกมาจากหลังตู้สินค้า ยิ ม อย่างระมัดระวัง และทําการไกล่เกลียทันที “ทีแท้แม่ทัพกงนีเอง… แขกคนนีมี ตาหามีแววไม่ ท่านเป็ นคนใจกว้าง อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือเลยขอรับ”
ชายคนนันยังคงถูกกดลงกับพืน ทรวงอกเขาถูกกดทับจนแทบจะพูดไม่ออกจึง ต้องพยายามอย่างมากในการร้องตะโกน “พวกเจ้า… ปล่อยข้า! ข้า… ข้าเป็นคน ทีองค์ชายสามเชิญมาเลยนะโว้ย!…”
กงจีหรีตาลงเล็กน้อย พลางมองไปทีชายคนนันอย่างเยือกเย็น ผ่านไปสักครู่เขาส่ง เสียงหัวเราะแล้วยกมือขึนเพือให้องครักษ์ปล่อยมือ
เมือครู่ตอนทีชายคนนันได้ยินเจ้าของร้านพูดว่าแม่ทัพกงก็รู้สึกตืนตกใจ ไม่คิด เลยว่าตัวเองจะไม่ได้ดูปฏิทินก่อนออกจากบ้าน ถึงทําให้ซวยขนาดทีว่ามาเตะเข้า กับแผ่นเหล็กในเมืองหลวงตอนนี คนทีสามารถถูกเรียกว่าแม่ทัพกง นอกจากขุน นางผู้ใกล้ชิดและเป็นทีโปรดปรานของฮ่องเต้แล้ว ยังจะมีใครได้อีกเล่า!
ได้ยินมาว่าเขาคนนันรูปโฉมงดงามไม่เป็ นสองรองใครจนบางมุมอาจงามกว่า สตรีด้วยซํา แต่เสียทีเขาจิตใจเหียมโหด มือเปื อนเลือดฆ่าคนมาแล้วมากมาย จัด ได้ว่าเป็ นบุคคลทีรูปโฉมงดงามแต่กลับชัวร้ายไม่ มีใครเกิน แล้ววันนี… ตัวเขา กลับซวยถึงขนาดดวงไม่ดีมาเจอกับบุคคลรูปโฉมงดงามแต่กลับชัวร้ายไม่ มีใคร เกินคนนัน
เขาเกือบขาดอากาศหายใจอยู่รอมร่อแล้ว
จนกระทังกงจี จากไป ขาของเขายังคงสันไม่หาย สุดท้ายก็เป็ นเจ้าของร้านที ประคองเขาขึนไปยังชันบน
ในห้องชันบน องค์ชายสามในชุดลําลองสวมมงกุฎหยกไว้บนศีรษะ ไม่เพียงแต่ จะไม่โกรธแต่ยังปลอบโยนด้วยท่าทางอบอุ่น ทําจนเขารู้สึกซาบซึงใจและคิดว่า ตัวเองเจอเข้ากับนายท่านผู้เมตตาแล้ว
หลังจากชายคนนันจากไป องค์ชายสามยังคงนังอยู่ ในห้องส่วนตัวนัน จากนันก็มี อีกคนเดินออกมาจากในฉากกันลมทีอยู่ด้านหลังห้องส่วนตัว และองค์ชายสามก็ ถามเขาคนนัน: “เจ้าคิดว่ายังไง ?”
ชายคนนันบิดเครา ครุ่นคิดอยู่นานแล้วพูดขึนอย่างช้า ๆ “แม้อารมณ์ฉุนเฉียวไป หน่อยแต่ก็ยังเป็ นคนทีใช้งานได้ ตอนนีพระองค์ใกล้ได้รับคําสังจากฮ่องเต้ แล้วแต่มันช้ากว่าคนอืน ๆ อยู่หลายปี เดิมทีความรู้สึกของการแสวงหาคนทีมี ความสามารถก็เป็ นเรืองทีเร่งด่วนมาก และเขาคนนันมีสิงทีพระองค์สามารถ ใช้ได้ขอรับ”
องค์ชายสามพยักหน้า “เจ้าคิดยังไงกับเรืองตลกข้างล่างเมือสักครู่ ?”
ทีปรึกษาคนนีรู้ว่าสิงทีองค์ชายสามกําลังถาม จริง ๆ คือมีความคิดอย่างไรกับกงจี คนนัน เขาจึงถามกลับ “แล้วพระองค์คิดยังไงหรือขอรับ ?”