แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 471 : เครืองกระเบืองเคลือบ
ทว่าสวรรค์ไม่เป็ นใจ เจียงป่ าวชิงอยากเดินอ้อมไปทางอืนแต่กลับถูกกงหย่าหรู เห็นกงจีจากในฝูงชนอย่างจนปัญญาเสียก่อน กงหย่าหรูส่งเสียงร้องอย่างตืนเต้นดี ใจ “คุณชายกง!”
แม้แต่เจียงป่ าวชิงก็ยังได้ยินเสียงนี แต่กงจี… เขากลับทําเป็นหูทวนลมแล้วเดินไป ข้างหน้าต่อ
เจียงป่ าวชิงเห็นด้วยกับวิธีจัดการปัญหาของกงจี นางเองก็ทําเป็นไม่ได้ยินและ เดินไปข้างหน้าต่อเช่นกัน
แต่หลิวจิงอีCแหวกฝูงชนออกมาด้วยท่าทางทนไม่ไหว เขาคารวะกงจีกับเจียงป่ าว ชิงอย่างดีใจ “ทีแท้ทังสองก็อยู่ทีนีด้วย”
กงจีพูดขึนนิง ๆ “ไม่ใช่ เราไม่ได้อยู่ เจ้าจําคนผิดแล้ว”
“แม่ทัพกง…” หลิวจิงอีCยิมขมขืน เขามองเจียงป่ าวชิงด้วยสีหน้าซับซ้อน “น้อง… น้องชายเจียง ช่วงนีเจ้าสบายดีไหม ?”
มาถึงขันนีแล้ว เจียงป่ าวชิงจึงไม่สามารถทําเป็ นมองไม่เห็นได้อีกจึงพยักหน้า เล็กน้อย “อืม สบายดี”
หลิวจิงอีCลังเลอยู่ครู่หนึงคล้ายกับกําลังไตร่ตรองเพราะอยากถามอะไรบางอย่าง ทว่ากงหย่าหรูไม่ให้เวลาเขา นางดูเหมือนพยายามจะเข้ามา แต่ป้าคนหนึงทีมี ผ้าพันแผลพันอยู่บนศีรษะกําลังฉุดดึงนางอยู่ด้านหลัง “ก็ดูเป็ นแม่นางทีแต่งตัวดี ทําไมถึงเบียวหนีล่ะ ?”
สาวใช้ของกงหย่าหรูพยายามอย่างสุดความสามารถในการแยกป้าคนนันออกไป “ป้าอย่าลงไม้ลงมือ มีอะไรก็พูดกันดี ๆ สิป้า”
ป้าคนนันทําสีหน้ายําแย่ นางไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก “ข้าก็พูดดี ๆ แล้วแต่พวกเจ้าไม่ฟังเอง นีไม่ใช่ว่ากําลังจะคิดหนีหรอกรึ ?”
“ใช่ ๆ ๆ” ผู้คนโดยรอบพากันพูดขึน
กงหย่าหรูไม่สนใจเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจโดยรอบ ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยกงจี นางส่งเสียงร้องอย่างไม่ลังเล “คุณชายกงช่วยข้าด้วย!”
หลิวจิงอีCรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย “แม่ทัพกง…”
สถานการณ์วุ่นวายมาก เสียงเรียกนีแหลมและดังจนเจียงป่ าวชิงรู้สึกปวดศีรษะ เลยก็ว่าได้ นางถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึนกันแน่ ?”
หลิวจิงอีCมองกงหย่าหรูอย่างเก้อเขิน แต่ตอนนีกงหย่าหรูกําลังมองกงจีด้วยสายตา คลังในความรัก นางจะสนใจเจียงป่ าวชิงได้อย่ างไร
สาวใช้ของกงหย่าหรูก็ถือว่าเป็ นคนรู้จักของเจียงป่ าวชิงเช่นกัน นางคือกุ้ยจือ ผู้ที ตระกูลหลิวซือให้กงหย่าหรูระหว่างทางกลับเมืองหลวง ฝี ปากนางถือว่าใช้ได้ พอสมควร “วันนีคุณหนูขอให้คุณชายหลิวเอ้อพานางออกมาเดินเล่นข้างนอก ใครจะไปคิดว่าคุณหนูก็แค่เดินผ่านข้าง ๆ แผงขายของนี แต่เครืองกระเบือง เคลือบบนแผงขายของนีกลับตกลงมาแตกอยู่ข้างเท้าคุณหนูซะอย่างนัน เจ้าของ
แผงขายของบอกว่าเครืองกระเบืองเคลือบนีเป็ นของลําค่าจากราชวงศ์ก่อน และ ต้องการให้คุณหนูของข้าน้อยชดใช้เป็ นจํานวนเงินห้าร้อยตําลึงเจ้าค่ะ”
ป้าคนเดิมรีบพูดขึนทันที “ข้าไม่ได้หลอกนางนะ พวกเจ้าดูเครืองกระเบือง เคลือบนีสิว่ามันเป็ นสิงของทีดีมากขนาดไหน” จากนันนางก็เก็บส่วนทีแตก ขึนมาจากพืนแล้วยกขึนเพือให้คนทีมามุงดูได้เห็นอย่างชัดเจน เมือดูวัตถุเคลือบ และรอยแตกหักจากภายในของเครืองกระเบืองเคลือบนีก็พบว่ามันเป็ นของ โบราณทีดีมากจริง ๆ
กงหย่าหรูดึงสติกลับมาก่อนจะพูดโต้แย้ง “ข้าก็แค่เดินเฉียดแผงขายของของเจ้า เบา ๆ เท่านัน ก็เห็นอยู่ว่าเจ้าจัดวางมันไม่ดีเองมันเลยตกลงมา นียังจะปัดความผิด ให้ข้าอีก ข้ายังไม่โทษทีเจ้าเกือบทําให้ข้าได้รับบาดเจ็บทีเท้าเลย!”
ป้าคนนันพูดด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม “ใช่ แม่นางเป็ นคนสูงส่ง แน่นอนว่าเท้าแม่นาง ก็มีค่าและโชคดีทีกระเบืองเคลือบไม่มีตานีไม่ได้กระทุ้งเท้าของแม่นาง แต่เท้า ของแม่นางไม่ได้เป็ นอะไรในขณะทีกระเบืองเคลือบนีแตกละเอียด ข้าไม่มีอะไร จะกินแล้วจริง ๆ ถึงได้นําของลําค่าทีเป็ นของตกทอดในบ้านออกมาขายเช่นนี ตอนนีแม่นางทํามันแตกแล้วและไม่ได้เป็นอะไร แต่ชาวบ้านอย่างข้าเสียหาย อย่างมาก แม่นางต้องให้คําอธิบายสิ…” พูดจบนางก็นําตาไหลพราก
“คนมีเงินชอบรังแกชาวบ้านอย่างเรา!”
“ใช่ ดูผ้าไหมทีนางใส่สิ การเงินของนางดูยังไงก็ไม่น่าลําบากแต่กลับไม่ยอม ชดใช้เงิน ช่างเอาแต่ใจจริง ๆ!”
“ไร้ยางอายทีสุด!”
กงหย่าหรูหน้าแดงกําเมือได้ยินคําวิจารณ์รอบ ๆ ตัว ยิงคุณชายกงทีนางทั งรักและ ศรัทธาอยู่ทีนีในตอนนีแล้วด้วย นางอยากมุดลงไปใต้ดินให้รู้แล้วรู้รอด
กงหย่าหรูพูดเสียงสันอย่างฝื น ๆ “ข้าไม่ได้บอกว่าจะไม่ชดใช้สักหน่อย เพียงแต่ นีมันแค่แจกันเครืองเคลือบใบหนึงเท่านัน จะคุ้มราคาห้าร้อยตําลึงได้ยังไง ?”
เมือป้าคนนันเห็นว่าในทีสุดกงหย่าหรูก็ยอมพูด และเปลียนจาก “หลอกคนอืน” เป็ น “ไม่ได้บอกว่าจะไม่ชดใช้” ก็ถือว่ามีการพัฒนาแล้ว นางตกใจรีบพูดขึน ทันที “มันก็ถูกทีแม่นางจะกังวล ส่วนทีแตกของแจกันนีก็ยังอยู่ ไม่ไกลจากทีนี คือโรงรับจํานําของตระกูลกง ถ้าอย่างนัน เรานําไปตรวจตราดูว่าคนแก่อย่างข้า เรียกราคาอย่างสุ่มสีสุ่มห้าหรือเปล่าก็ยังได้”
ป้าเจ้าของแผงขายของพูดด้วยสําเนียงหนักแน่น ทําให้คําว่า “กง” ฟังดูเหมือน คําว่า “ชง”
เจียงป่ าวชิงใจกระตุกเล็กน้อยขณะทีเงยหน้ามองกงจี
แววความสนใจปรากฏในดวงตาของกงจี เขาพยักหน้าให้นางเล็กน้อยเพือยืนยัน การคาดเดาของนางว่าโรงรับจํานําแห่งนีเป็นทรัพย์สินของจวนติงกัวโฮ่ C วจริง ๆ
เจียงป่ าวชิงไม่คิดเลยว่าเรืองนีจะกางออกมาอย่างทีมันกําลังเป็ นอยู่ แต่นางเองก็มี ความสนใจเช่นกัน
กงหย่าหรูเห็นว่าป้าคนนันพูดมาอย่างมันใจไร้วีแววว่ าต้องการหลอกคนอืน นาง ตังใจสร้างความประทับใจทีดีโดยการทําตัวสุภาพและมีเหตุผลต่อหน้ากงจีจึง แอบกัดฟันพยักหน้า จากนันก็พูดขึนด้วยรอยยิมฝื น ๆ “ในเมือเจ้าพูดถึงขนาดนี เช่นนันเราไปพิสูจน์กันก็ได้ ข้าเองก็ไม่ใช่คนตําต้อยทีคิดเบียวหนี เมือถึงตอนนัน ตีออกมาได้แล้วว่าเป็ นเงินเท่าไหร่ ข้าจะชดใช้ให้เท่านัน!”
เมือป้าคนนันเห็นกงหย่าหรูพูดเช่นนีก็ดีใจเหลือล้น นางหยิบห่อผ้าเก่า ๆ สีนําเงิน แก่ ๆ ออกมาจากด้านหลังแผงขายของอย่างรวดเร็ว แล้วเก็บเศษเครืองกระเบือง เคลือบส่วนทีแตกกองนันอย่างว่องไวก่อนจะนํามาห่อไว้ในห่อผ้าเก่า ๆ สีนําเงิน แก่ เสร็จแล้วฝากให้เจ้าของแผงขายของข้าง ๆ ช่วยดูแผงขายของของตัวเอง ชัวคราว
กงหย่าหรูมองกงจีอย่างกระดากอาย “ไม่ทราบว่าคุณชายกงจะช่วยเป็ นพยานให้ ข้าได้หรือเปล่าจ๊ะ ?”
กงจีไม่ได้ตอบตกลงทว่าก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด กงหย่าหรูเคยเห็นอารมณ์ของ เขาในระหว่างทางกลับเมืองหลวง นางจึงรู้ว่าอาการประมาณนีของเขา คือ
เกือบจะเท่ากับเป็ นการยอมรับอย่างเงียบ ๆ สีหน้าดีอกดีใจของนางจึงฉายชัด มากกว่าสีหน้าปี ติยินดีของป้าคนนันเสียอีก
หลิวจิงอีCได้แต่ลอบถอนหายใจอยู่ด้านข้าง เขาไม่ได้ชอบกงหย่าหรูแล้วจริง ๆ ความรู้สึกในวัยเด็กทีมีต่อเพือนเล่นในวัยเด็กอย่างนางนัน ไม่ใช่ความรักระหว่าง ชายหญิงอย่างทีเขาคิดไว้แต่เป็ นเพียงความผูกพันในแบบมิตรสหายเท่านัน ตอนนีคนทีเขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลาคือผู้หญิงอีกคน แน่นอนว่าเขารู้วิธีแก้คําว่ารัก ในดวงตาลูกพีลูกน้องของเขาเต็มไปด้วยแม่ทัพกงคนนัน แต่นางกลับไม่รู้ว่าแม่ ทัพกงไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตาเลย…
ผู้คนทีมุงดูอยู่โดยรอบต่างก็สงสัยใคร่รู้ถึงมูลค่าของแจกันเครืองเคลือบดังเดิมนัน พวกเขาจึงยกโขยงพากันตามพวกกงหย่าหรูไปทีโรงรับจํานําของตระกูลกง
ลูกจ้างในโรงรับจํานําของตระกูลกงล้วนเป็ นกําลังคนทีทางฝังบ้านสองกับบ้าน สามจัดหามาเพือสะบัดให้หลุดจากการแบ่งพวกของบ้านใหญ่ ไม่ว่าจะเป็ น พนักงานหรือเจ้าของร้านจึงไม่รู้จักกงจี
“โย! นีไม่ใช่ป้าจางหรอกรึ ?”
เจ้าของร้านทักทายป้าจางทีมีผ้าพันแผลพันอยู่บนศีรษะอย่างคุ้นเคย “ทําไม ใน ทีสุดเจ้าก็ตัดสินใจนําแจกันทีตกทอดของเจ้าอันนันมาไว้แล้วรึ ?”
ป้าจางถอนหายใจ นางค่อย ๆ เปิ ดห่อผ้าสีนําเงินแก่ออก เผยให้เห็นเศษเครือง เคลือบทีแตกและพูดขึนอย่างละเหียใจ “เจ้าอย่าพูดเลย ข้าเสียใจทีข้าไม่ได้ฟังที เจ้าพูดในตอนนัน แม้ราคาทีเจ้าเสนอจะค่อนข้างตํา แต่ถึงยังไงของลําค่าทีตก ทอดนีก็ยังคงสมบูรณ์เหมือนเดิม”
เมือเจ้าของร้านเห็นเศษเครืองเคลือบแตก ๆ ในห่อผ้าผืนนัน เขาก็ตกตะลึงตาค้าง ผ่านไปสักครู่เขาถอนหายใจแล้วพูดขึน “นีช่างน่าเสียดายจริง ๆ… ทําลาย
สิงของเสียหายตามอําเภอใจเช่นนี น่าเสียดาย!