แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 473 : เศษกระเบืองเคลือบ
เรืองมาถึงขันนีก็ถือว่าเป็ นตอนจบทีผู้คนชืนชอบ พวกทีมามุงดูอยู่โดยรอบต่างดู กันอย่างพึงพอใจและพากันแยกย้ายไปในทีสุด
ป้าจางห่อเศษกระเบืองเคลือบถุงใหญ่และยิมตาหยี “นีคุณหนูผู้สูงศักดิD เจ้า ต้องการเศษกระเบืองเคลือบแตก ๆ นีไหม ?”
กงหย่าหรูมองดูเศษกระเบืองเคลือบมูลค่าห้าร้อยตําลึงด้วยความรู้สึกปวดใจ แม้นี ไม่ใช่เงินของนาง แต่ถ้าไม่ต้องมาจ่ายทีนี ตอนนีนางคงไปร้านเครืองสําอางแล้ว ปล่อยให้หลิวจิงอีCใช้เงินห้าร้อยตําลึงซือเครืองสําอางให้แทน
เมือป้าจางเห็นว่ากงหย่าหรูไม่พูดอะไร นางก็พูดพึมพําคนเดียว “ช่างเถอะ แตก ละเอียดขนาดนีแล้ว คิดว่าคงไม่ต้องการ แต่ห่อผ้าของข้ายังใช้ได้…” พูดจบ นาง เตรียมนําเศษกระเบืองเคลือบแตก ๆ นันออกไปโยนทิง
แต่เจียงป่ าวชิงกลับเอ่ยห้าม “ช้าก่อน”
การกระทําของป้าจางหยุดชะงัก สีหน้าของนางเจือความประหลาดใจ “หนุ่ม น้อย เจ้าต้องการเศษกระเบืองเคลือบแตก ๆ พวกนีรึ ?”
เจียงป่ าวชิงไม่พูดว่าดีหรือไม่ดี ทําเพียงพยักหน้ารับเท่านัน
เจ้าของร้านพูดขึนจากด้านหลังตู้สินค้า “ข้าขอเตือนเจ้าสักหน่อยว่าเครือง กระเบืองเคลือบมีค่ามาโดยตลอด แต่เศษกระเบืองเคลือบทีแตกไปแล้วนันมันไม่ มีค่าหรอก”
เจียงป่ าวชิงยิมพลางพูดซํ าอีกครังอย่างมีความหมาย “ใช่ เศษกระเบืองเคลือบที แตกแล้วไม่มีค่า”
นางมองป้าจาง “ในเมือเศษกระเบืองเคลือบทีแตกนีไร้ประโยชน์แล้ว ถ้าอย่าง นันก็รบกวนป้านํามันกลับไปวางบนตู้สินค้าใหม่อีกครังด้วย”
“วางทําไมล่ะ ข้าก็บอกอยู่ว่ามันไม่มีค่าแล้ว เจ้ายังจะเอาไปทําอะไรอีก ?” เห็น ได้ชัดว่าป้าจางไม่เต็มใจเล็กน้อย
แต่เจียงป่ าวชิงกลับมองนางอย่างมุ่งมันด้วยท่ าทางแน่วแน่มาก
ป้าจางตัดสินใจพูดขึน “ไม่สําคัญว่าเจ้าจะพูดอะไร เพราะเจ้าไม่ได้จ่ายเงินค่าเศษ กระเบืองเคลือบแตกนีสักหน่อย พูดตามสิทธิD คุณหนูคนนันต่างหากทีจะเอาเศษ กระเบืองนีไปได้” เมือสักครู่นางมองดูอยู่ข้าง ๆ แม้จะไม่เข้าใจความหมายของ สิงทีพวกเขาพูด แต่เห็นได้ชัดว่าคุณหนูทีชนเครืองกระเบืองเคลือบจนแตกคนนัน ดูเหมือนไม่ค่อยลงรอยกับหนุ่มน้อยรูปงามคนนี ดูจากทีนางโกรธจนร้องไห้เมือ สักครู่ก็รู้แล้ว
กงหย่าหรูรู้สึกกระปรี กระเปร่าเพราะนางต้องการขัดใจเจียงป่ าวชิง “ใช่ ไม่ต้อง ไปฟังนาง… ทิงมันซะ …”
“คุณหนูกงกําลังพูดอะไร” เจียงป่ าวชิงขัดคําพูดของกงหย่าหรูด้วยรอยยิม อ่อนโยน “เจ้าไม่ได้ออกเงินค่าเศษกระเบืองเคลือบทีแตกนีสักหน่อย ชายคนนี ต่างหากทีออกเงิน”
กงหย่าหรูถูกตอกหน้ากลับไปตรง ๆ เจียงป่ าวชิงมองหลิวจิงอีC “คุณชายหลิว คุณชายคิดว่ายังไง ?”
แม้หลิวจิงอีCจะไม่รู้ว่าเจียงป่ าวชิงจะมาไม้ไหน แต่เห็นได้ชัดว่าเขายังคงช่วยนาง เขาพยักหน้า “เอาล่ะ ป้านําเศษกระเบืองเคลือบนันกลับไปวางบนตู้สินค้าใหม่อีก ครังเถอะ”
เมือเรืองมาถึงขันนี ต่อให้ป้าจางจะไม่ยินยอม นางก็จําเป็ นต้องนําเอาเศษ กระเบืองเคลือบแตก ๆ กลับไปวาง
“หรือว่าหนุ่มน้อยกังวลเกียวกับผลการตรวจมูลค่านี ?” เมือป้าจางเห็นเจียง ป่ าวชิงหยิบเศษกระเบืองเคลือบแตก ๆ ขึนมามองอย่างละเอียด นางก็พูดขึนอย่าง ตืนตระหนก “ถ้าหากว่าเจ้าเป็ นกังวลก็สามารถนําไปให้โรงรับจํานําอืนดูก็ได้ว่า เศษกระเบืองเคลือบนีมีมูลค่าเท่ากับราคาทีบอกไว้หรือเปล่า”
“ป้าอย่าได้ตืนตระหนกไป ข้าไม่ได้สงสัยมูลค่าในตัวมัน” เจียงป่ าวชิงพูดขึน ช้า ๆ “ข้าเชือว่าถ้าเอาเศษกระเบืองเคลือบนีไปตรวจตราทีโรงรับจํานําอืน ผลลัพธ์ทีได้ก็คงไม่ต่างกันหรอก”
เมือป้าจางได้ยินคําพูดนี นางก็รู้สึกเบาใจเล็กน้อยแต่ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าหนุ่ม น้อยรูปงามคนนีคิดจะทําอะไร
ทว่าตอนนีเจ้าของร้านเริมหงุดหงิดแล้ว “เอาล่ะ ในเมือทุกท่านรู้ผลแล้วก็รีบ ออกไปเถอะ อย่ามาขวางทางทําการค้าของเราสิ”
กงจีหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วมองสํารวจไปรอบ ๆ อย่างลวก ๆ “เจ้าช่างกล้ามาก ในทีของตระกูลกง ยังไม่เคยมีใครกล้าไล่ข้าออกไปด้วยซํา”
เจ้าของร้านมองกงจีอย่างสงสัย “ท่านคือ ?…”
กงจีไม่สนใจเจ้าของร้านคนนัน เขาเดินไปหยุดตรงหน้าภาพวาดพู่กันตาม อําเภอใจแล้วพูดขึนช้า ๆ “นายสามของตระกูลกงดูแลทีนีใช่ไหม ?”
เจ้าของร้านตกใจมาก โรงรับจํานําของตระกูลกงเป็นทรัพย์สินทังหมดของจวน ติงกัวโฮ่ C วทีโลกภายนอกรับรู้ และมีเพียงคนในอย่างพวกเขาเท่านันทีรู้ว่าใครเป็น ผู้ดูแลร้านต่าง ๆ
คนผู้นีเป็ นใครกันแน่ ถึงได้เปิ ดโปงว่านายท่านสามกําลังดูแลโรงรับจํานําแห่งนี
สีหน้าเจ้าของร้านทีมองกงจีแตกต่างไปจากเดิม ภายในความเคารพยังซ่อนด้วย ความระมัดระวังตัวทีลึกซึง “ไม่ทราบว่าท่านผู้นีคือ…”
กงจีส่งเสียงออกมาทางจมูกอย่างเย็นชา จากนันองครักษ์ข้างหลังเขาก็พูดขึน “นายท่านของข้าแซ่กง เจ้ารู้แค่นีก็พอแล้ว”
เหงือเจ้าของร้านไหลลงมาแทบจะในทันที เขานึกออกแล้ว! เขาควรนึกออกได้ตังนานแล้ว!
เจ้านายแซ่กงทีเขายังไม่รู้จัก นอกจากเขาคนนันยังจะมีใครไปได้อีก!
“ที… ทีแท้ก็เป็นคุณ… คุณชายใหญ่นีเอง” เจ้าของร้านพูดติดอ่าง “ข้าน้อยมีตา หามีแววไม่ ทะ… ท่านเชิญข้างในก่อนขอรับ ข้าน้อยจะให้คนชงชาชันดีให้ ขอรับ”
ใบหน้าของกงจีไร้อารมณ์ เขาไม่ได้เห็นความกระตือรือร้นของเจ้าของร้านอยู่ใน สายตา ทําเพียงก้าวเดินจากตรงหน้าภาพวาดพู่กันนันและพูดขึนอย่างเอ้อระเหย “ไม่จําเป็น เห็นว่าข้าขาดแคลนชาอย่างนันรึ ?”
“ข้าน้อยผิดเองขอรับ” เจ้าของร้านอดเช็ดเหงือไม่ได้ เขาคิดในใจว่าต้องรีบหา คนไปแจ้งให้นายท่านสามรู้ว่าคุณชายใหญ่คนนันมาทีร้านวันนี แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ าย จงใจหรือไม่นีสิ…
ป้าจางเหมือนสังเกตได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง เมือได้ยินว่าร้านนีเป็ นทรัพย์ สมบัติของกงจี นางก็ขาอ่อนแล้วพูดติดอ่าง “มิ… มิเช่นนันพวกท่านค่อย ๆ ดูกัน ไปเถอะ ข้ายังต้องไปดูร้านข้างนอกต่อ”
เจียงป่ าวชิงพูดขึน “ก็ได้ ป้าสามารถออกไปดูร้านได้ แต่ต้องทิงเงินไว้ทีนี ”
สีหน้าป้าจางเปลียนไปทันที ใบหน้าซือ ๆ และซือสัตย์นันดูตกใจ นางมอง เจ้าของร้านโดยไม่รู้ตัว แต่เจ้าของร้านกลับส่ายหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ
ป้าจางพยายามทําจิตใจให้สงบก่อนจะพูดขึนยิม ๆ “หนุ่มน้อยคนนีพูดจาช่าง ชวนให้คนตกใจมากเลยจริง ๆ ข้าคิดว่าโดนปล้นกลางทางแล้ว”
“ป้าไม่ได้โดนปล้นกลางทางหรอก แต่ป้าเก่งกว่าพวกปล้นกลางทางซะอีก” เจียงป่ าวชิงคีบเศษเครืองเคลือบทีแตกไว้ระหว่างนิวมือแล้วส่ายไปมา
ป้าจางพยายามฝื น แต่บนหน้าผากของนางกลับมีเหงือเล็ก ๆ ซึมออกมา “หนุ่ม น้อยอย่าล้อเล่นเช่นนีสิ นีไม่ใช่เรืองทีจะเอามาพูดเล่นได้นะ”
“ข้าไม่ได้พูดเล่น” เจียงป่ าวชิงพูดขึนอย่างจริงจัง “ใช้เศษกระเบืองไร้ค่ามา แลกเงินห้าร้อยตําลึงจนได้ นันไม่ เรียกว่าเก่งกว่าพวกทีปล้นกลางทางหรอกรึ ?”
ตอนนีสีหน้าของป้าจางขาวซีดจนถึงทีสุดแล้ว แต่นางยังคงพยายามเถียง “ตอนนี เศษกระเบืองเคลือบนีไร้ค่าแล้ว แต่เป็ นเพราะแม่นางทีเป็ นคุณหนูคนนันไม่ระวัง ไปชนจนมันแตก ก็ต้องชดใช้สิ”
เจียงป่ าวชิงยิมน้อย ๆ พลางส่ ายเศษกระเบืองเคลือบทีแตกแผ่นนันอีกครัง “ถ้ามี คนทําแตกโดยไม่ระวังจริง ๆ ก็ควรชดใช้จริง แต่ถ้าหากว่า… ก่อนทีคุณหนูกง คนนีจะชนมันแตก แจกันใบนีมันแตกอยู่ก่อนแล้วล่ะ ?”
ทันทีทีคําพูดนีหลุดออกไป ไม่ว่าจะเป็ นป้าจางหรือเจ้าของโรงรับจํานําแห่งนีต่าง ก็หน้าซีดไปตาม ๆ กั