แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 477 : พูดมาก
คําพูดของเจียงป่ าวชิงทําให้เกิดความโกลาหลในพระตําหนักว่านสือชัวขณะหนึง จนถึงตอนนี นางก็ไม่อยากนึกย้อนกลับไปถึงความวุ่นวายในคืนนันแล้ว
ขันตอนการรักษาทุกขันตอนของนางจะถูกพวกหมอหลวงต่อต้าน และการ
ต่อต้านนีก็มาถึงจุดสูงสุดเมือนางหยิบเข็มเงินออกมา บางคนถึงกับคุกเข่าขอร้อง ให้ฮ่องเต้ทรงประหาร “หญิงเลวเจตนาไม่ดี” อย่างนาง ทว่าก็โชคดีทีผ่านไป ไม่นาน องค์ชายหย่งชินกับพระชายาก็มาทีนีเช่นกัน ทังสองจึงเป็ นพยานให้นาง และยืนยันว่าพระนางเจียฮุ่ยเองก็ได้รับการรักษาด้วยวิธีนีจริง ๆ โดยในตอนนี พระนางอาการดีขึนเรือย ๆ จนสามารถให้คนประคองขึนมานังรับประทานโจ๊ก ได้แล้ว และไหนจะการฟื นฟูร่างกายก็เป็ นทีน่าพอใจมากด้วย
นอกเหนือไปจากนี เจียงป่ าวชิงไม่อยากนึกถึงเหตุการณ์วุ่นวายในอดีตแล้วจริง ๆ
สุดท้าย หมอหลวงคนหนึงถูกลากออกไปตีสามสิบไม้กระดาน และมีนางสนม สองคนถูกลากออกไปตีจนตายด้วยเช่นกัน
เจียงป่ าวชิงยุ่งอยู่ทีพระตําหนักของไทเฮาเกือบทังคืน ตอนนางลากร่างทีเหนือย ล้าของตัวเองออกมาจากพระตําหนักไทเฮาก็เห็นกงจีในชุดคลุมตัวใหญ่กําลังรอ อยู่ใต้ทางเดินอันมืดสนิท
ทีจริงนางเองก็ค่อนข้างกังวลว่าผู้คนทีมีอํานาจคับฟ้าเหล่านันจะไม่ถูกชะตากับ ตนและสังหารตนทิง แต่ เมือเห็นกงจีในตอนนี ร่างกายและจิตใจทีแสนอึดอัดตึง เครียดมาตลอดก็ผ่อนคลายลงอย่างกะทันหัน ทันทีทีดวงตาเหนือยล้าของนางเห็น เขา สองขาพลันอ่อนแรงจนเกือบหกล้มลงบนพืน
กงจีเคลือนตัวเข้าไปคว้าร่างบางมากอดไว้อย่างรวดเร็ว
“ข้าเหนือยเหลือเกิน” เจียงป่ าวชิงพึมพํา “ต้องการนอน” พูดจบ สติของนาง ค่อย ๆ เลือนหายไปและเข้าสู่ห้วงนิทราในทีสุด
ตอนทีเจียงป่ าวชิงตืนมา นางรู้สึกเพียงว่าผ้าห่มบนตัวนุ่มอุ่นสบาย นางยังคง สะลึมสะลือเล็กน้อยและไม่รู้ว่าทีนีคือทีไหนไปชัวขณะหนึง แต่ หลังจากที พยายามตอบสนองอยู่สักพักก็เหมือนเพิงตระหนักได้ว่ าวันส่งท้ายปี เก่าของเมือ วาน ตัวเองถูกสังให้มาตรวจอาการไทเฮาในวัง
เจียงป่ าวชิงนวดขมับตัวเองเบา ๆ นังขยับร่ างบิดขีเกียจอยู่ครู่หนึงก็มีคนพูดขึน อย่างดีใจจากข้าง ๆ “โอ้! หมอเทวดาเจียง แม่นางตืนแล้ว!”
เจียงป่ าวชิงส่งเสียงอุทานเล็กน้อย นางเพิงลุกขึนนังก็ มีนางสนมส่งผ้าขนหนูอุ่น ๆ มาให้อย่างกระตือรือร้นพร้อมบอกให้นําผ้านีไปโปะบนใบหน้าเพือทําการ ปลุกสมาธิ
บนตัวของเจียงป่ าวชิงนันยังใส่ชุดเมือวาน นางเพิงนึกได้ว่าเมือคืนก่อนทีตัวเอง จะหลับไป คนทีเห็นเป็นคนสุดท้ายคือกงจี แต่ถึงอย่างไรนางไม่มีแก่ใจไปนึกถึง เรืองอืนในตอนนี เพราะนางสนมอีกคนเดินถือเสือผ้าสะอาดชุดใหม่มาให้เปลียน อย่างกระตือรือร้น
“แม่นางเปลียนเสือผ้าก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
…
เมือเปลียนเสือผ้าเสร็จแล้ว เจียงป่ าวชิงปลดจีหยกทีกงจีมอบให้ก่อนหน้านีออก จากเสือผ้าชุดเดิมแล้วนํามาห้อยไว้ตรงเอว ทันทีทีนางสนมเห็นมัน สายตาพวก นางสันไหวเล็กน้อย สีหน้าก็มีความเคารพนบนอบมากขึนเรือย ๆ
ตอนนีเป็ นเวลาใกล้ยามเทียงแล้ว อาการประชวรของไทเฮาคงทีดี ซึงนันทําให้ คุณงามความดีของเจียงป่ าวชิงเป็ นทีโจษจัน แน่นอนว่าตอนนีไม่มีใครกล้ามา รบกวนนาง
เสร็จจากเปลียนเสือผ้าและดูแลร่างกายตัวเองแล้ว เจียงป่ าวชิงถูกพามาทีโต๊ะซึง เต็มไปด้วยอาหารเลิศรส อันทีจริงนางรู้สึกยังไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่นัก แต่ เพือเห็นแก่ชีวิตน้อย ๆ ของตัวเอง คงต้องพยายามทานอาหารทีมีคุณค่าทาง โภชนาการอย่างเต็มทีสักหน่อยกระมัง
หลังเสร็จสินมืออาหาร นางสนมก็มาปรนนิบัติรับใช้คอยช่วยทําความสะอาดมือ ให้กับเจียงป่ าวชิง ทันใดนันเอง ทุกคนก็ได้ยินเสียงคนข้างนอกบอกว่าองค์หญิงมู่ หนานเสด็จมา
(มู่หนานเป็นยศถาบรรดาศักดิDของหลินยู่หยุน)
เจียงป่ าวชิงลุกขึนออกไปต้อนรับ ขณะเดียวกันหลินยู่หยุนดึงมือนางไปและกวาด มองสํารวจนางอย่างละเอียด เมือเห็นว่ายังคงดูงดงามและจิตใจสงบราวกับผิวนํา นิง องค์หญิงค่อยเบาใจ
หลินยู่หยุนสังให้พวกนางสนมทีคอยรับใช้ออกไปและสั งให้ปิ ดประตูอย่างระวัง นางดึงมือเจียงป่ าวชิงด้วยท่าทางกระดากอายและพูดขึนเสียงเบา “เจ้าไม่เป็ น อะไรก็ดีแล้ว เมือคืนข้าอกสันขวัญแขวนไปหมดเลยนะ”
เมือคืนเจียงป่ าวชิงยุ่งเกือบทังคืน และสามารถกล่าวได้ว่าตัวเองไม่รู้อะไรเลย เกียวกับอาการประชวรของไทเฮาหรือการทีตัวเองถูกตระกูลสวรรค์ส่งตัวเข้าไป ในวัง นางจึงถามองค์หญิงเกียวกับข้อสงสัยต่าง ๆ เหล่านี
หลินยู่หยุนถอนหายใจก่อนจะพูดขึนเสียงเบา “เมือคืนนีเป็ นงานเลียงของ พระราชวัง ข้ามาเข้าร่วมงานเลียงกับท่านพ่อและท่านแม่ ในงานเลียงดูเหมือนว่า เกิดเรืองบางอย่างทีทําให้ไทเฮากับฮ่องเต้ทรงเถียงกันเล็กน้อย คนเป็ น ประชาราษฎร์อย่างเราจะกล้าฟังได้อย่างไร… ต่อมาก็ดูเหมือนว่าไทเฮาถูก กระตุ้นด้วยอะไรบางอย่างทําให้ท่านหมดสติ ร่างกายครึ งซีกมีอาการชักกระตุก เล็กน้อย เหมือน… เหมือนกับอาการของท่านย่าของข้าเลย…”
หลินยู่หยุนเงียบเว้นจังหวะก่อนจะพูดเสริมเสียงแผ่ว “ข้ารู้ว่าเจ้าปิ ดปากแน่นมา ตลอด แต่เรืองนีไม่ใช่เรืองเล็กและเจ้าก็เข้ามาเกียวข้องอีกครัง แต่ข้าขอยําก่อนนะ ว่าเรืองนีเจ้าแค่ฟังก็พอ อย่าเอาไปพูดกับใครเด็ดขาด”
เจียงป่ าวชิงพยักหน้า ดูเหมือนว่าด้วยเหตุนี เมือคืนฮ่องเต้ยังสังให้คนสังหารนาง สนมสองคนอีกด้วย
เมือหลินยู่หยุนเห็นเจียงป่ าวชิงพยักหน้าอย่างจริงจังก็รู้สึกโล่งใจ “เอาล่ะ ข้าเองก็ อธิบายไม่คล่องแคล่วนัก สรุปคือเจ้ารู้แค่ความร้ายแรงของเรืองนีก็พอแล้ว ข้า กลัวว่าเจ้าจะไม่ให้ความสําคัญกับมันและฝ่ าฝื นข้อห้ามบางอย่างของในวังอีก”
“องค์ไทเฮาประชวร ไม่ใช่ว่าในวังก็มีหมอหลวงทีเก่งพอจะรักษาได้หรอกหรือ เจ้าคะ ? เหตุใดถึงเรียกให้ข้ามารักษาล่ะ ?” เจียงป่ าวชิงถามเสียงเบา
พูดถึงเรืองนี ความลังเลฉายวาบขึนมาบนใบหน้าหลินยู่หยุน แต่เมือนางมองดูสี หน้างุนงงของเจียงป่ าวชิง ความลังเลนันก็หายไป “ข้าไม่ชอบพูดถึงเรืองของคน อืน แต่ครังนีเห็นทียังไงก็ต้องพูดเสียแล้วเป็ นเพ่ยโหลวทีพูดมากเกินไป”
“ชิวเพ่ยโหลวรึ เรืองนีเกียวข้องอะไรกับชิวเพ่ยโหลวเจ้าคะ ?” เจียงป่ าวชิง ถาม
“ช่วงนีโหลวเอ๋อร์เหมือนจะกําลังพูดคุยเรืองการแต่งงานกับตระกูลสวรรค์…” เสียงหลินยู่หยุนเบามาก เมือพูดถึงเรือง “การแต่งงาน” แก้มของนางพลันแดง เรือ “…ดังนัน นางกับแม่ของนางก็มาเข้าร่วมงานเลียงเมือคืนเช่นกัน… หลังจากทีไทเฮาประชวร บรรดาหมอหลวงในวังต่างก็โต้เถียงกันไม่จบไม่สิน แต่ ละคนมีความเห็นเป็ นของตัวเองและเอาแต่ถกเถียงกันจนฮ่องเต้พิโรธมาก เพ่ย โหลว เอ่อ… เพ่ยโหลวจึงพูดขึน นางบอกว่าอาการประชวรของไทเฮาคล้ายกับ อาการประชวรของท่านย่าข้า… ฮ่องเต้จึงถามนาง แล้วจากนันเพ่ยโหลวก็รีบ แนะนําเจ้าอย่างกระตือรือร้น…”
ทีแท้ก็เป็ นเช่นนีนีเอง!
ก็ว่าอยู่ ทางฝังจวนองค์ชายหย่งชินไม่ใช่พวกทีชอบพูดมากมาแต่ไหนแต่ไร ประกอบกับเรืองอาการอัมพาตของพระนางเจียฮุ่ยเกียวข้องกับพระชายารองอิง แล้ว เรืองเช่นนันถือว่าเป็ นเรืองอือฉาวพอสมควรซึงแน่นอนว่าไม่ควรปล่อยให้ หลุดออกไปมากกว่านี จวนองค์ชายหย่งชินไม่ชอบเป็ นฝ่ ายพูดก่อนเสมอมาและ เรืองทีนางรักษาพระนางเจียฮุ่ยจนหายดีก็ถูกพูดถึงอยู่เพียงช่วงหนึงเท่านัน ต่อมา ไม่มีเสียงเล่าลืออะไรตามมาอีก ยิงกว่ านัน คนส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซําว่าพระนาง เจียฮุ่ยเป็ นอัมพาต
ทีแท้ก็เป็ นชิวเพ่ยโหลวทีสร้างเรืองทุกข์ยากให้นางในครั งนี! แววตาของเจียงป่ าวชิงเย็นยะเยือกขึนทันที
“ถ้าหากมองเผิน ๆ การแนะนําหมอเป็ นเรืองธรรมดา แต่ข้าทราบดีว่าเมือผู้ที ประชวรคือไทเฮา ความเสียงของหมอจะเทียบได้กับการทีต้องลงมือรักษาผู้ป่ วย อืน ๆ ได้ยังไง” หลินยู่หยุนเป็ นกังวล “เพ่ยโหลวนีก็เหลือเกิน… เฮ้อ! แต่ก็ โชคดีทีเจ้าไม่ได้เป็ นอะไร”
ผู้หญิงทีมีนิสัยเรียบง่ายไม่เป็ นพิษเป็ นภัยอย่างหลินยู่หยุนยังเข้าใจเรืองเช่นนี มี หรือชิวเพ่ยโหลวจะไม่เข้าใจ …การเป็นหมอทีต้องตรวจโรคให้ผู้มี ยศฐาบรรดาศักดิD นันมิใช่เรืองดี เพราะหากมีอะไรผิดพลาดขึนมา โทษเบาสุดคง ถูกตําหนิ ทว่าถ้าหากหนักหน่อยเกรงว่าคงต้องถูกประหาร ชิวเพ่ยโหลวคงคิดว่า
ถ้าเจียงป่ าวชิงวินิจฉัยโรคผิดและรักษาไม่ได้ต้องถูกลงโทษ ในขณะทีนางซึงเป็ น คนแนะนําคงไม่ถูกลงโทษมากเกินไป แต่ในทางกลับกัน ถ้าหากว่าเจียงป่ าวชิง สามารถรักษาองค์ไทเฮาจนหายดีได้ คนแนะนําอย่างนางต้องได้ความดี ความชอบจากความสําเร็จนีด้วยอย่างแน่นอน
แม้ชิวเพ่ยโหลวจะไม่ชอบเจียงป่ าวชิงแต่ก็พอมองออกว่านางหมอหญิงคนนันมี ฝี มือ แน่นอนว่านางเชือว่าเจียงป่ าวชิงต้องรักษาองค์ไทเฮาได้ และคนอย่างนาง ต้องได้รับผลประโยชน์ไปด้วยแน่ ๆ
เจียงป่ าวชิงไม่เข้าใจจริง ๆ เพียงแค่การมีปากเสียงไม่กีคําระหว่างพวกนางในงาน เลียงครานัน ชิวเพ่ยโหลวกลับอาฆาตถึงเพียงนี พอลงมือก็พุ่งเป้าไปหาทัง ครอบครัวของนาง ช่างเป็นเรืองทีน่าเบือมากจริง ๆ
โชคดีหน่อยทีหลินยู่หยุนหวังดีมาบอกเพือให้เจียงป่ าวชิงระวังในบางสิง จะได้ ไม่ใช่คนทีไม่รู้อะไรเลยในวัง
หลังจากผ่านตอนเทียงไปได้ไม่นาน ทางฝังพระตําหนักว่านสือให้คนมาส่งข่าว ว่าองค์ไทเฮาได้สติแล้ว เพียงแต่ยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในตอนนี ฮ่องเต้ จึงเรียกให้เจียงป่ าวชิงไปดูอาการเพิมเติม
จะว่าไปแล้วการเป็ นฮ่องเต้ก็ไม่ง่ายเลย ทังต้องตืนแต่เช้าเพือไปรับการเคารพจาก ขุนนางหลายร้อยคน ยามเทียงก็ต้องเลียงอาหารเหล่าขุนนาง ตกกลางคืนยังมีงาน เลียงครอบครัวในวันปี ใหม่ให้ต้องไปร่วมหรือไปจัดการสิงต่าง ๆ อีก นีถือว่าเป็ น การทํางานตลอดทังวันทังคืนเลยก็ว่าได้
ตอนทีเจียงป่ าวชิงไปถึงพระตําหนักว่านสือ พระชายากําลังคุยกับฮองเฮาอยู่ทีนัน
ฮองเฮาน่าจะอาวุโสกว่าพระชายาสองสามปี แต่เมือเจียงป่ าวชิงลองมองดู ฮองเฮา ดูเหมือนพระชนมพรรษายีสิบกว่าปี โดยประมาณแต่กลับดูอ่อนเยาว์กว่าพระชายา ทีอายุน้อยกว่าเล็กน้อย
สายตาเจาะลึกของฮองเฮาเองก็เลือนมองรอบ ๆ ตัวเจียงป่ าวชิงสักครู่ แล้วนางก็ ทักทายเจียงป่ าวชิงด้วยใบหน้ายิมแย้ม แต่ เมือเจียงป่ าวชิงลุกขึน สายตาฮองเฮา พลันหยุดชะงักอยู่ทีจีหยกตรงเอวของสาวน้อย