แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที 476 : อัมพาตเล็ก ๆ น้อย ๆ ของไทเฮา
กล่องยาของเจียงป่ าวชิงจัดเก็บอย่างดีมาตลอดโดยมันวางอยู่ริมผนังทีนางจัดไว้ อย่างดีแล้ว นางจึงไปหยิบมาได้อย่างรวดเร็ว
ตอนทีเจียงป่ าวชิงกําลังจะออกไปกับขันทีผูอย่างเร่งรีบ เจียงฉิงก็ระงับความ หวาดกลัวในใจไว้ไม่ได้ เด็กหญิงตะโกนเรียกออกมาอย่างโศกเศร้า “พีสาว…”
เจียงป่ าวชิงหันกลับไปมองเจียงฉิง ก่อนจะโบกมือให้และทําปากบอกอีกฝ่ ายว่า “ไม่ต้องห่วง”
หลังจากรถม้าทีมารับเจียงป่ าวชิงเคลือนหายเข้าไปในความมืด ในทีสุดเจียงฉิงก็ ระงับความกลัวในใจไม่ไหว โถมตัวเข้าไปร้องไห้ในอ้อมกอดของเจียงหยุนชาน ทีในตอนนีก็หน้าซีดเผือดด้วยความกังวลไม่ต่างกัน เขาไม่รู้ว่าน้องสาวจะต้องเจอ กับอะไรบ้างหลังจากเข้าวัง แต่เขากลับไม่สามารถทําอะไรได้ในตอนนีเลย
เจียงหยุนชานรู้สึกสบายใจราวกับเขาตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว เขาลูบผมเจียง ฉิงเพือปลอบสาวน้อยทีกําลังตืนตระหนกตกใจ และหันไปพูดกับผู้เฒ่าหยุนไห่ “ท่านอาจารย์ ข้าต้องการเช่ารถม้าออกไปข้างนอกสักหน่อยขอรับ”
ผู้เฒ่าหยุนไห่ถอนหายใจ “เจ้าอย่าทําเรืองโง่เขลาล่ะ” เจียงหยุนชานแน่วแน่อย่างมาก “ข้าไม่ได้จะไปทําเรืองโง่เขลาขอรับ”
ตอนนีเขาไม่มีตําแหน่งชือเสียงอีกทังยังอ่อนแอ เขาไม่มีกําลังพอจะช่วยเหลือ อะไรได้แต่รู้ว่ามีอยู่คนหนึงทีช่วยเหลือน้องสาวเขาได้
ผู้เฒ่าหยุนไห่มองเจียงหยุนชานสักครู่ ในทีสุดเขาก็พยักหน้า
……
เจียงป่ าวชิงนังอยู่ ในรถม้าม่านสีเขียวของในวัง ทันใดนันเสียงขันทีผูดังมาจาก ข้างนอก “รถม้านีคันนีเบาและเล็ก ขออภัยทีข้าต้องมาทําให้แม่นางเจียงไม่ได้รับ ความเป็ นธรรมแล้ว”
“สถานการณ์ฉุกละหุก ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ” เจียงป่ าวชิงพูดขึน “ยิงไปกว่ านัน นีไม่ ถือว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไรเลยเจ้าค่ะ”
ขันทีผูรู้สึกพึงพอใจต่อความรู้จักสถานการณ์ของเจียงป่ าวชิง เขาลอบพยักหน้า อย่างเงียบ ๆ และตัดสินใจใช้โอกาสตอนเดินทางแนะนําเจียงป่ าวชิงสักเล็กน้อย ซึงถือเป็ นการเห็นแก่หน้าผู้เฒ่าหยุนไห่เช่นกัน
“ในวังไม่เหมือนทีอืน เจ้าไม่ต้องถาม ไม่ต้องดู ไม่ต้องสนใจอะไรทีไม่เกียวกับ เรืองทีเจ้าควรทํา มันจะสามารถรักษาชีวิตเจ้าได้” เสียงแผ่วเบาของขันทีผูทะลุ เข้ามาทางหน้าต่างรถม้า “บ่อนําแห้งในวัง ไม่รู้ว่าในแต่ละปี จะเติมดวงวิญญาณ เข้าไปกีดวง แม่นางเจียงต้องจําไว้ว่าเจ้าเป็นเพียงหมอทีไปตรวจอาการให้กับไท เฮา ฉะนันจงอย่าไปสนใจสิงอืนใด มิเช่นนันเกรงว่าบ่อนําแห้งนันคงต้องเพิมดวง วิญญาณเข้าไปอีกดวง”
เจียงป่ าวชิงพยักหน้า
ตอนที ‘เธอ’ ยังอยู่ในยุคปัจจุบัน เธอเคยใช้เวลาว่างจากการเรียนวิชาแพทย์ดู ละครโทรทัศน์เกียวกับการต่อสู้กันในวังมากมาย สําหรับเธอ พระราชวังเป็ น สถานทีทีอัตราการเสียชีวิตสูงมาก
เจียงป่ าวชิงกําจีหยกตรงเอวไว้เบา ๆ และครุ่นคิดไปด้วย
รถม้าเคลือนตัวไปตลอดทางโดยไม่มีอะไรขัดขวาง ระหว่างทางก็เจอกับการ ตรวจสอบหลายระลอก อาจเป็ นเพราะขันทีผูแสดงป้ายอะไรบางอย่างถึงทําให้ พวกองครักษ์ทีมาตรวจสอบไม่ได้ถามอะไรอีกเลยตลอดทาง
เจียงป่ าวชิงแอบจดจําเส้นทาง แม้จะถูกแนะนําหลักการสามอย่างทีว่า “ไม่ต้อง ถาม ไม่ต้องดู ไม่ต้องสนใจ” แต่ไม่มีใครบอกว่าไม่ต้องจดจํานีนา…
รถม้าเคลือนไปเร็วมากจนตัวรถสันสะเทือนรุนแรง ตอนทีเจียงป่ าวชิงใจจดใจจ่อ อยู่กับการจดจําเส้นทางก็ยังดีอยู่ ทว่าพอลงจากรถเท่านัน อาการคลืนไส้ค่อย ๆ มาเล่นงานและเกือบทําให้นางอาเจียนออกมาเลยทีเดียว
โชคดีทีพยายามอดกลันอาการคลืนไส้นีได้ มิเช่นนันคงเป็นปัญหาใหญ่โตแน่ ๆ เพราะพระตําหนักทีสูงตระหง่านตรงหน้านางมีป้าย “ตําหนักว่านสือ” แขวน ไว้
โดยทัวไปแล้วคําว่ า “สือ” จะใช้เป็ นชือของพระตําหนัก และส่วนใหญ่ผู้ที อาศัยอยู่จะเป็ นผู้อาวุโสอย่างเช่นไทเฮาหรือพระชายาลําดับสอง
เจียงป่ าวชิงไตร่ตรองในใจก่อนจะก้มหน้าลงอย่างเคารพนบนอบ
เมือขันทีผูทีอยู่ด้านข้างเห็นดังนันเขาก็โล่งใจ ช่างเป็ นเด็กทีเข้าใจอะไรง่ายดีจริง ๆ มิน่า อาจารย์หยุนไห่ถึงได้ปกป้องนางขนาดนัน
“นีคือทีประทับของไทเฮา เจ้าตามข้าเข้าไปและอย่าลืมสิงทีข้าบอกกับเจ้าล่ะ ไม่ ต้องถาม ไม่ต้องดู ไม่ต้องสนใจ” ขันทีผูตัดสินใจเอ่ยเตือนเจียงป่ าวชิงอีกครัง
เจียงป่ าวชิงพูดในใจว่านีนางถือว่าถูกรางวัลแล้วหรือ…? ครังก่อนถูกบังคับพา ตัวไปรักษาพระชายาลําดับสองหรือพระนางเจียฮุ่ย ครังนีถึงกับต้องมารักษาไท เฮา
เจียงป่ าวชิงพยักหน้าด้วยท่าทางเคารพเช่นเคย
ไฟของพระตําหนักว่านสือสว่างไสวอยู่ในขณะนัน เจียงป่ าวชิงก้มหน้าเดิน ตามหลังขันทีผูเข้าไปข้างใน สิงแรกทีเข้าตาคือรองเท้ายาวหุ้มข้อสูงขึนไปใกล้ถึง เข่าคู่หนึงทีปักด้วยลวดลายมังกรทองเก้ากรงเล็บ
นีคือฮ่องเต้
เจียงป่ าวชิงกับขันทีผูคุกเข่าลงอย่างเคารพและคารวะฮ่องเต้ จากนันก็ได้ยินเสียง ทีน่าเกรงขามพูดขึนว่า “เงยหน้าขึน ให้ข้าดูหน้าหมอเทวดาทีลือนามคนนี หน่อย”
เจียงป่ าวชิงเคยได้ยินกงจีบอกว่าแม้ฮ่องเต้จะมีความธรรมดาสามัญไปหน่อยแต่ก็ ไม่ได้เป็ นคนเจ้าชู้ประตูดิน นางจึงรู้สึกสบายใจในตอนทีเงยหน้าขึนตามคําสัง แววตาของนางเจือความนอบน้อมเกรงใจซึงเป็ นไปตามมารยาทอันสมควร นาง ยังคงไม่ได้มองตรงไปทีฮ่องเต้
บริเวณโดยรอบเงียบลงเล็กน้อย ผ่านไปสักครู่ฮ่องเต้แสดงท่าทีใจร้อน “หมอ เทวดาหญิงคนนีช่างรูปโฉมงดงามดีแท้ ชือเสียงเจ้าคงไม่ได้แพร่กระจายออกไป เพราะใบหน้านีใช่ไหม ?”
เสียงอ่อนโยนดังขึนจากด้านข้าง “ฮ่องเต้อย่าตัดสินคนจากภายนอกสิเพคะ ท่าน ลืมไปแล้วหรือว่าอาการอัมพาตของพระนางเจียฮุ่ยก็ถูกการรักษาโดยหมอเทวดา ตัวน้อยคนนี ข้าคิดว่าหมอเทวดาตัวน้อยคงมีวิธีเฉพาะของนาง”
“อืม จริงอย่างทีท่านกล่าว” ฮ่องเต้พยักหน้า และตอนทีเขาเผชิญหน้ากับเจียง ป่ าวชิง ท่าทางเขาเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามอีกครัง “เจ้า ไปจับชีพจรให้ไทเฮา ซะสิ”
เจียงป่ าวชิงก้มหน้าตอบรับแล้วเดินตามขันทีผูเข้าไปในห้องด้านใน
บนเตียงใหญ่ในห้องด้านใน ภายใต้ผ้าห่มผ้าแพรต่วน หญิงชราทีใบหน้าเต็มไป ด้วยริวรอยนอนหลับตา ใบหน้านางดูเหยเกราวกับคนกําลังเจ็บปวด และร่างกาย ของนางมีอาการชักกระตุกเล็กน้อยเช่นกัน
หมอหลวงสองสามคนกําลังปรึกษากันอย่างประหม่าอยู่ด้านข้าง เมือเห็นว่ามีคน เข้ามา แม้พวกเขาจะไม่ได้พูดอะไรแต่แววตาของคนส่วนใหญ่กลับมีความเหยียด หยามเจืออยู่ ความหมายในแววตาก็คงประมาณนันเช่นกัน …สาวน้อยท่าทาง ซือบือปากไม่สินกลินนํานมคนหนึงจะเข้าใจการช่วยชีวิตคนได้ยังไง!
เจียงป่ าวชิงไม่สนใจสายตาไม่เป็ นมิตรของพวกหมอหลวงเหล่านัน แต่เลือกทีจะ ก้าวเข้าไปจับชีพจรให้ไทเฮา ก่อนจะตรวจดูฝ้าทีลินและพบว่าเป็นอาการของ อัมพาตอีกแล้ว เคราะห์ดีทีดูจากชีพจรของไทเฮา อาการยังไม่ถือว่ารุนแรง
เจียงป่ าวชิงเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ มาหลายปี และค้นพบตังแต่แรกแล้วว่าการรักษาโรค ในสมัยราชวงศ์ต้าหลงนี นอกจากไม่มีเครืองมือฝังเข็มแล้ว ยังสามารถเรียกได้ว่า “ล้าหลัง” โดยสินเชิงด้วย
อย่างเช่นใบรายการยาจํานวนมากทีนางกําลังมองสํารวจอยู่ในตอนนี แน่นอนว่า สามารถใช้เตรียมยามารักษาอาการของไทเฮาให้ตรงจุดได้ แต่รายการยาบาง รายการถูกเขียนผสมกับเครืองปรุงยาทีไม่จําเป็นหลายชนิด ทําให้เครืองปรุงยา เพิมขึ นจนส่งผลให้สรรพคุณของยาไม่เสถียร และอาจส่งผลให้อาการเจ็บป่ วย เล็กน้อยทีรักษาง่ายมากต้องกลายเป็ นยืดเยือเกิดอาการเจ็บป่ วยร้ายแรงได้
เคราะห์ดี อาการอัมพาตทีไทเฮาเป็ นในครังนียังไม่เข้าขันเจ็บป่ วยร้ายแรง แต่พวก หมอหลวงกลับปฏิบัติต่ออาการอัมพาตเล็ก ๆ น้อย ๆ นีเหมือนเป็นศัตรูตัวยง จน ตอนนีพวกหมอหลวงเหล่านันยังคงโต้เถียงกันไม่เลิก
เจียงป่ าวชิงฟังพวกเขาทีกําลังปรึกษากันว่าควรปรับส่วนผสมของเครืองปรุงยา เหล่านันเท่าไหร่ ในความเห็นของนางมันไม่จําเป็ นเลยด้วยซําเพราะเครืองปรุงยา เหล่านันต่างก็ไม่จําเป็นต้องใส่ไปในตัวยารักษาอัมพาต!
เจียงป่ าวชิงถอนหายใจ
ในตอนนันเองฮ่องเต้ก็เข้ามา แต่เจียงป่ าวชิงไม่รู้ว่าฮ่องเต้เข้ามาตังแต่เมือไหร่ เขา ถามด้วยใบหน้าบึงตึง “อะไร เจ้าก็รู้สึกว่าจัดการยากอีกคนรึ ?”
เจียงป่ าวชิงฉวยโอกาสมองดูรูปโฉมของฮ่องเต้และพบว่าเกินความคาดหมายของ นางมาก นีเป็ นใบหน้าแสนธรรมดา ถ้าหากพูดอย่างไม่น่าฟังคือถ้าฮ่องเต้สวมใส่
ชุดลําลองเฉกเช่นชาวบ้านทัวไปและหลงเข้าไปในฝูงชน เป็นใครก็ ดูไม่ออกว่า เขาเป็ นถึงฮ่องเต้
เจียงป่ าวชิงกําลังไตร่ตรองว่าควรพูดไปอย่างไรดี ฮ่องเต้จึงกล่าวขึนก่อน “ไม่ เป็ นไร เจ้าพูดมาตรง ๆ ก็ได้ ข้ายังไม่ถึงขันฟังการวินิจฉัยโรคของหมอไม่ได้ หรอก”
เจียงป่ าวชิงพยักหน้า “อาการอัมพาตของไทเฮาสามารถรักษาได้เจ้าค่ะ…” ฮ่องเต้พยักหน้าอย่างอดทน “อืม ว่าต่อไป”
เจียงป่ าวชิงจึงพูดต่อ “ตอนนีข้าน้อยสามารถเตรียมตัวสําหรับการรักษาได้หรือ ยังเจ้าคะ ?”