แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที 500 : หัวผี
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึน เจียงเอ้อยาก็ตืน นางมองไปนอกหน้าต่างเห็นดวงอาทิตย์เพิง ขึนและท้องฟ้าด้านนอกยังคงเป็ นสีเทาเล็กน้อย
เจียงเอ้อยาขมวดคิวมองหน้าต่ างบ้านเช่าของครอบครัวชาวนาทีค่อนข้างชํารุด และเมือมองสามีทียังคงนอนกรนอยู่ หัวคิวของนางยิงขมวด
เมือไม่กีวันก่อนยังได้นอนเตียงสูงนุ่ม ๆ อยู่เลย แต่ทีนอนในตอนนีกลับกลายเป็ น เตียงไม้ธรรมดาเสียแล้ว อย่าถามเลยว่านางจะรู้สึกไม่คุ้นชินมากเพียงใด นางไม่ คิดว่าหากเปรียบเทียบกับตอนไร้ทีอยู่อาศัยอย่างยากลําบากเมือก่อน การได้นอน บนกองฟางก็ถือว่าไม่แย่แล้ว แต่นางกลับรังเกียจเตียงไม้ซะอย่างนัน มันก็เป็ น เช่นคําคนว่า… เปลียนจากความประหยัดเป็ นความฟุ่ มเฟื อยนันง่าย แต่เปลียนจาก ความฟุ่ มเฟื อยกลับมาเป็ นความประหยัดนันยากแสนยาก
เจียงเอ้อยาสาปแช่งในใจ
เด็กน้อยหนิวหวาทีมีอายุเพียงสองสามขวบลืมตาขึนอย่างสะลึมสะลือพลางลูบ ท้องตัวเอง “แม่ ข้าหิว”
ผู้ใหญ่สองคนกับเด็กอีกหนึงคน เสบียงอาหารทีต้องสินเปลืองไปในทุกวันก็มาก อยู่แล้ว ข้าวและหมีทีเจียงป่ าวชิงเตรียมให้ในห้องครัวก็เหลือน้อยจนเห็นก้นถุง อีกทังผักสดในฤดูนีก็แพงมาก พวกเขาจึงทําได้เพียงเริมกินโจ๊กกันตังแต่เมือวาน ตอนเทียง
เจียงเอ้อยาไปทําอาหารทีห้องครัวสักพัก นางทําโจ๊กทีค่อนข้างเจือจางออกมา หม้อหนึง หนิวหวายังเด็ก เขาไม่เข้าใจว่าทําไมเมือไม่กีวันก่อนยังสามารถ นังกิ นนอนกินและได้อยู่อย่างสบาย แต่ช่วงนีกลับไม่สะดวกสบายเหมือนก่อน เขาเบ้ปากอย่างน้อยใจแล้วผลักถ้วยออกห่าง “แม่ ข้าไม่กินอันนี ข้าอยากกินนม ขาวกับขนมหวาน ๆ”
เหล่าหนิวทีเพิงลุกขึ นจากเตียงแค่นหัวเราะ “หึ ๆ เจ้าช่างวาดฝันไว้สวยงามจริง ๆ นะนิวหวา”
เจียงเอ้อยาเลือกทีจะปลอบลูกโดยไม่สนใจเหล่าหนิว “ลูกรัก เจ้ากินโจ๊กนีไป ก่อน อีกไม่กีวันเราก็จะได้อยู่ดีกินดีกันแล้ว”
เหล่าหนิวเงยหน้าซดโจ๊กเสียงดังก่อนจะเช็ดปากด้วยแขนเสือ “เอาล่ะ เจ้าเองก็ อย่าชักช้าอืดอาด ข้าเฝ้าหนิวหวาอยู่ทีบ้าน ส่วนเจ้าก็รีบไปหาหัวผีทีนอกเมืองซะ แล้วอย่าทําให้เสียเรืองล่ะ!”
เมือวานเจียงเอ้อยาปรึกษาเรืองนีกับเหล่าหนิว เมือเหล่าหนิวได้ฟังเขาก็ตืนเต้น ทันทีและเอาแต่บอกว่าดี ๆ ๆ
และวันนี เขาเร่งให้เจียงเอ้อยารีบไปทําซึงนางเองก็ไม่ได้ชักช้าอืดอาดอะไร นาง รีบกินโจ๊กให้หมด ล้วงมือเข้าไปในอ้อมแขนแล้วลูบคลําทองแดงทีเหลืออยู่ไม่กี สลึงสุดท้ายพร้อมกัดฟันคิดในใจไปด้วย หลังจากทีทําเรืองครังนีแล้ว นางก็จะไม่ ต้องกังวลเรืองเงินอีกต่อไป
ตอนทีเจียงเอ้อยาออกจากเมือง นางใช้เงินห้าสลึงเพือซือขนมลูกท้อหนึงชินจาก ร้านขนมข้างทาง นางรู้สึกปวดใจมาก แต่เมือนึกถึงเรืองทีจะร่วมกันทํากับหัวผี ในภายหลังแล้ว นางก็รีบถือขนมออกจากเมืองโดยไม่สนใจความปวดใจนันอีก
…
เจียงเอ้อยามาถึงวัดร้างทีเชิงเขานอกเมือง เมือผู้คนมากมายทีใส่เสือผ้าขาดรุ่งริ งซึงกําลังนัง ๆ นอน ๆ กั นอยู่ทีนันเห็นว่ าเจียงเอ้อยามาคนเดียวด้วยเสือผ้าที สะอาด แต่ละคนก็นังตัวตรง ในดวงตาก็ เสมือนเปล่งประกายแสงสีเขียวออกมา
แม้เจียงเอ้อยาจะแฝงกายอยู่ในกลุ่มขอทานเป็ นเวลาหลายปี แต่เมือเห็นเหตุการณ์ นีนางก็ยังอดไม่ได้ทีจะรู้สึกกังวลใจ ทว่านางก็พูดขึนเสียงดัง “ข้ามาหาหัวผี!”
คนทีเตรียมลงมือค่อย ๆ ผ่อนการกระทําลงเล็กน้อย
หัวผีคือคน ชือเดิมของเขาชืออะไรนันไม่มีใครรู้ ทีเรียกเขาว่าหัวผีก็เพราะเขาคน นีมีรอยแผลเป็ นเน่าเปื อยเป็ นสะเก็ดอยู่บนใบหน้าซึงดูเหมือนผีชัวร้ายอย่ างไร อย่างนัน ดังนัน เมือเวลาผ่านไปหัวผีจึงกลายเป็ นชือของเขาในทีสุด
มีเสียงแปลก ๆ ทีค่อนข้างแหบแห้งดังออกมาจากในวัดร้าง “ใครมาหาข้ารึ ?”
ชายคนหนึงทีมีเสือฟางคลุมอยู่บนร่างกายเดินออกมาจากในวัดร้างอย่างช้า ๆ เขา กวาดตามองสํารวจเจียงเอ้อยาเล็กน้อยก่อนจะส่งเสียงหัวเราะแปลก ๆ ออกมา จากในลําคอ “ไอ้โย! ข้าก็คิดว่าใคร เอ้อยานีเอง ไม่เห็นไม่กีวันได้ยินว่าเจ้าปี นขึน ไปเกาะญาติรํารวยในเมืองหลวงได้แล้วหนิ ทําไมวันนีนึกถึงพีผีของเจ้าได้ล่ะ ?”
เจียงเอ้อยาส่งถุงขนมในมือให้อีกฝ่ ายด้วยรอยยิมประจบประแจง “โธ่! ไม่ว่า ยังไงข้าก็ลืมพีไม่ได้หรอก ทีข้ามาวันนีก็เพราะมีธุระอยากร่วมทํากับพียังไงล่ะ”
หัวผีฉวยเอาขนมลูกท้อถุงนันไป นําเสียงของเขายังคงแหบแห้งอย่างไรพิกล “คนทีมีนิสัยหวังจะกินผลประโยชน์ทังวันอย่างเจ้าน่ะรึทีมีเรืองดีอะไรแล้วจะนึก ถึงคนอืน ?” เขาหัวเราะเยาะเล็กน้อย จากนันก็หมุนตัวเดินเข้าไปในวัดร้าง “ได้ มีอะไรก็เข้ามาพูดข้างในเถอะ!”
หัวใจทีรู้สึกอกสันขวัญแขวนอยู่ตลอดของเจียงเอ้อยาค่อย ๆ ผ่อนคลายลง นาง สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินตามหัวผีเข้าไปในวัดร้าง
……
ณ จวนเจียงทีเฟิ งผิงเหมิน
เจียงป่ าวชิงยืนอยู่ใต้ระเบียงทางเดิน สายตาก็มองดูเจียงฉิงทีกําลังออกคําสังให้ เด็กรับใช้ประกอบรถม้า นางยิมเล็กน้อย “อาฉิงของเราโตเป็ นสาวแล้ว เรียนรู้ เรืองในบ้านได้เร็วและดีมาก ดูเหมือนว่าอาฉิงของเราจะได้ดูแลบ้านหลังนีใน อนาคตแล้วล่ะนะ”
เจียงฉิงหัวเราะคิกคัก นางหันกลับไปพูดกับเจียงป่ าวชิงด้วยใบหน้ายิมแย้ม “ใช่ แล้วจ้ะ เมือพีสาวออกเรือนและก่อนทีพีหยุนชานจะแต่งพีสะใภ้ บ้านหลังนีข้าจะ ดูแลเองจ้ะ” พูดเสร็จนางก็ยิมอย่ างขีเล่น
หลังจากเรืองการแต่งงานถูกประกาศออกไป เจียงฉิงก็มักหยอกเย้าเจียงป่ าวชิง ด้วยเรืองนีเสมอ ทว่าเจียงป่ าวชิงไม่ได้โกรธแต่อย่างใด นางเห็นน้องสาว กระปรี กระเปร่าเช่นนีก็ดีใจมากแล้ว
ดูเหมือนว่าการส่งครอบครัวของเจียงเอ้อยาออกไปจะเป็ นทางเลือกทีถูกต้องจริง ๆ
พวกเด็กรับใช้ประกอบรถม้าเสร็จอย่างว่องไว จากนันเจียงฉิงสังให้สาวใช้ไป หยิบจานผลไม้มา “พีสาวไม่ชอบดมกลินควันแปลก ๆ ถ้าเราเอาผลไม้สดไปวาง ไว้ในรถม้า กลินของมันจะหอมมาก องุ่นสองสามพวงนันดูเหมือนไม่ค่อยสดเลย เอาไปเปลียนสักหน่อยเถอะ เอ๊ะ! ไม่สิ เอาไปให้ชุนหยู่กินดีกว่า เพราะถึงยังไง เขาก็แยกแยะไม่ออก”
เลียวชุนหยู่เพิงเสร็จสินบทเรียนวิทยายุทธ์ตอนเช้ากับอาจารย์ทีกงจีหาให้เขาพอดี เขาเดินเช็ดเหงือเข้ามาจากข้างนอก เมือเห็นเจียงฉิงออกคําสังเด็กรับใช้ให้ ประกอบรถอย่างฮึกเหิม เขาก็อดไม่ได้ทีจะเรียก “พีเจียงฉิง”
เจียงฉิงแสร้งทําเป็ นไม่ได้ยินก่อนจะหมุนตัวกลับไป
เจียงป่ าวชิงหลุดขํา “เราแค่ไปวัดนอกเมือง เจ้ากลับทําเหมือนว่าเราจะเดิน ทางไกลอย่างนันแหละ”
เจียงฉิงพูดขึนอย่างจริงจัง “นีเป็ นครังแรกทีพีมอบงานให้ข้าทํา ข้าจึงต้องจัดการ อย่างเหมาะสมไม่ให้เกิดความผิดพลาดเป็ นธรรมดา อีกอย่าง ทีไปวัดครังนีก็เพือ แก้บนให้กับขาของพีหยุนชานด้วย แม้ข้าจะไม่เชือในสิงนัน แต่ปี นีพีหยุนชาน ต้องสอบตําแหน่งขุนนางไม่ใช่หรือจ๊ะ ? เราเองก็ถือว่าไปขอพรให้จิตใจสงบ ด้วยไง”
เจียงป่ าวชิงมองดูเจียงฉิงทีมีท่าทางกระตือรือร้น นางรู้ว่าเด็กหญิงอุดอู้เพราะอยู่ แต่ในบ้าน นีจึงถือว่าเป็ นการออกไปผ่อนคลายจิตใจ
แต่ตอนทีทุกอย่างเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลินยู่หยุนจากจวนองค์ชายหย่งชินก็ ส่งจดหมายเชิญด้วยสถานะส่วนตัวของนางมาทีจวน เนือความในจดหมายบอก ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับร่างกายของพระนางเจียฮุ่ยจึงอยากเชิญให้เจียงป่ าวชิงมา ดูอาการของพระนางทีจวน
เจียงป่ าวชิงถือจดหมายเชิญนันอย่างลังเล ขณะเดียวกันเจียงฉิงพูดขึนอย่างเข้าใจ “พีสาว ร่างกายของพระนางสําคัญมาก พีไปเถอะจ้ะ งันวันนีเรายังไม่ต้อง ออกไปนอกเมืองก็ได้ ค่อยไปวันอืนก็ได้จ้ะ”
เจียงป่ าวชิงเห็นว่าแม้เจียงฉิงจะทําเป็ นยิม แต่ ความหดหู่ในแววตาของเด็กหญิง นันปิ ดไม่มิด นางจึงพูดขึน “อาฉิง ไม่ใช่ว่าเจ้ารอคอยวันนีมาหลายวันแล้วรึ ไม่ เป็ นไร พวกเจ้าไปนอกเมืองกันก่อน จวนองค์ชายหย่งชินก็อยู่ในเส้นทางเดียวกัน หลังจากทีข้าตรวจอาการให้พระนางเสร็จแล้วจะตามไปสมทบกับพวกเจ้าทีวัด เราจะกินอาหารทีตักบาตรกันทีวัดแล้วค่อยกลับกันช่วงบ่ายนะ”