โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 116
Ep.116 – เรื่องที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง
หลังจากเผารังแมงมุม ฉินเฟิงก็เดินทางกลับโรงแรม นอกจากนี้ ระหว่างทางเขายังได้กวาดล้างกองทัพแมลงไปเป็นจำนวนมาก
เมื่อเขากลับมาถึง ก็พบว่าเหอหลิงกับคนอื่นๆออกมารออยู่ด้านหน้าโรงแรมแล้ว ทั้งหมดต่างมองไปทางฉินเฟิงด้วยความเคารพ แต่ก็ยังมีร่องรอยของความสับสนอยู่เช่นกัน
แม้ว่าตลอดทั้งเมืองหานจะตกอยู่ท่ามกลางดงศัตรู แต่อุปกรณ์สื่อสารของผู้คนก็ยังคงใช้งานได้ ฉินเฟิงทำอะไรบ้างข้างนอกนั่น ไม่มีใครไม่รับรู้ บางคนถึงขั้นสามารถถ่ายเหตุการณ์บางส่วนที่เกิดขึ้นเอาไว้ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เขากำลังหลบหนีการไล่ล่าของกองทัพแมลง ช่างเป็นอะไรที่น่าประทับใจ
ฉินเฟิงกำลังควบขี่ม้า โดยมีกองทัพแมลงไล่ล่าอยู่เบื้องหลัง ช่างภาพสามารถซูมจับสีหน้าของฉินเฟิงได้อย่างชัดเจนในเวลานั้น และพบว่าฉินเฟิงหาได้แสดงออกถึงความหวาดกลัวไม่ แต่มันคือสีหน้าที่กำลังโกรธจัด!
และเพราะความโกรธนี้ ฉินเฟิงเลยระเบิดเปลวเพลิงสูงตระหง่าน ปกคลุมไปตลอดทั้งถนนกว่า 50 เมตร เกิดระเบิดและแรงปะทะสนั่นหวั่นไหว ช่างภาพคนนั้นเลยไม่สามารถถ่ายต่อ ทำได้เพียงหลบอยู่หลังกำแพงที่ห่างออกไป จนกระทั่งฉินเฟิงจากไป เขาจึงค่อยๆผุดลุกขึ้น มองผ่านหน้าต่าง และเห็นถึงฉากที่กลายเป็นซากปรักหักพังเบื้องหน้า
‘ต้องครอบครองอำนาจเพียงใดกัน จึงจะสามารถระเบิดอบิลิตี้ที่รุนแรงได้ถึงขนาดนี้?’
—-
ช่วงเวลาเดียวกัน นอกเหนือไปจากเหอหลิงคนอื่นๆในทีมของเขาแล้ว หลิวซู หลิวเซินซานเองก็ได้รับชมมันเช่นกัน
กระทั่งพวกที่ถูกช่วยชีวิตเอาไว้และยึดครองห้องใต้ดินอยู่ในขณะนี้ ทั้งหมดล้วนได้รับชม
พวกเขาไม่คาดคิดเลยจริงๆ ว่าฉินเฟิงจะแข็งแกร่งอย่างที่ลั่นวาจาเอาไว้ หากพวกเขารู้ พวกเขาคงตามฉินเฟิงออกมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
“ฉินเฟิง ฉันขอถามอะไรนายหน่อยจะได้ไหม … ” หลิวซูลังเลอยู่นาน สุดท้ายตัดสินใจเอ่ยปาก
สายตาของคนอื่นๆต่างจับจ้องไปทางฉินเฟิงที่กำลังกัดเนื้อแห้งอยู่ แม้รสชาติจะดี แต่ให้พลังงานน้อย มันถูกใช้เพื่อลดทอนความหิวโหยเท่านั้น
“ว่าไง?” ฉินเฟิงตอบกลับ และฉีกเนื้อส่วนหนึ่งมอบให้แก่ไป๋หลี
ไป๋หลีกัดไปคำหนึ่ง แต่ก็เร่งคายมันออกมา แลบลิ้นถ่มน้ำลายทันที
“เผ็ดจัง!”
ฉินเฟิงยิ้ม และยื่นมือไปค่อยๆลูบหัวของอีกฝ่าย
หลิวซูพอเห็นฉากนี้ เธอรู้สึกราวกับว่าไม่สามารถถามสิ่งที่เธออยากจะพูดออกมาได้
อย่างไรก็ตาม เธอมีข้อสงสัยในหัวใจ ฉะนั้นกัดฟันพูดออกไป
“ฉินเฟิง ด้วยความแข็งแกร่งของนาย คงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรที่จะออกไปจากที่นี่ใช่ไหม? แล้วทำไมจนถึงตอนนี้ นายยังไม่จากไปอีก?”
เมื่อวานนี้ฉินเฟิงออกไปสู้ตั้งแต่ช่วงหลังเที่ยงคืน ใช้เทคนิคอันลึกล้ำยิงกระสุนปืนใหญ่ไปนับสิบลูก กดดันราชันย์สัตว์ร้ายจนล่าถอยได้ ฉากดังกล่าวสะท้อนเข้ามาในจิตใจของวังเฉินและคนอื่นๆ
หลังจากนั้นพอรุ่งเช้า บางคนถึงสามารถบันทึกวิดีโอของฉินเฟิงเอาไว้ได้
พวกเขาเองก็คิดเช่นกัน ว่าหากฉินเฟิงต้องการจะออกไป ย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงกลับไม่ทำเช่นนั้น
เดิมทีพวกเขาสงสัยว่าฉินเฟิงคงจะชอบหลิวซู เพราะท้ายที่สุดแล้ว หลิวซูนับว่าเป็นหญิงงามของเมืองนี้เช่นกัน แต่ลองดูฉากที่เขาลูบหัวแฟนตัวเองตอนนี้สิ มองยังไงข้อนี้ก็ไม่มีทางเป็นไปได้!
สายตาของฉินเฟิงเบนมองแต่ละคน
ฝูงชนทั้งหมดเฝ้าดูฉินเฟิงอย่างระมัดระวัง
ฉินเฟิงแข็งแกร่ง พวกเขาชื่นชม แต่ก็ยังหวาดกลัวเช่นกัน
หวาดกลัวว่าฉินเฟิงจะจากไปเพียงลำพัง! แล้วทิ้งพวกเขาไว้กับความสิ้นหวัง!
ฉินเฟิงนึกคำตอบหนึ่งขึ้นได้ในหัวใจ
“ถือว่านี่เป็นของขวัญตอบแทนลุงหลิว ที่ยอมเสี่ยงชีวิตสร้างมีดกษัตริย์ครามโฉมใหม่ให้กับฉันก็แล้วกัน” ฉินเฟิงกล่าว
เพราะเงินค่าจ้างในการสร้างมีดกษัตริย์ครามโฉมใหม่ ลุงหลิวไม่ได้ต้องการ ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีลุงหลิวสามารถตัดสินใจอยู่ในห้องใต้ดิน และรอคอยการช่วยเหลืออย่างเงียบๆก็ได้ แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจออกมาพร้อมกับฉินเฟิง ยอมรับความเสี่ยงนี้
หลิวเซินซานเองก็ไม่คาดฝันว่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้เหมือนกัน ใบหน้าของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย
“ไม่หรอกฉินเฟิง เป็นเพราะเธอต่างหาก ลูกสาวฉันถึงรอดชีวิตกลับมาได้ ตรงส่วนนี้ฉันยังไม่ได้ตอบแทนเธอเลย” หลิวเซินซานกล่าว
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่อาจทนรับต่อคำสำนึกคุณของหลิวเซินซานได้ เขาขบคิดพักหนึ่ง และเอ่ยต่อ “ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นคือผมมีสถานที่ชุมชนเป็นของตัวเอง และกำลังต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคอันหลากหลาย และผมคิดว่าลุงหลิวน่ะครอบครองเทคนิคในการสร้างอุปกรณ์รูนชั้นยอด เลยอยากที่จะชักชวนลุง!”
ในเวลานี้ ไม่ใช่แค่หลิวเซินซานที่ตกตะลึง แต่กระทั่งคนอื่นๆก็กลายเป็นโง่งม!
มีสถานที่ชุมชนเป็นของตัวเองอย่างงั้นหรอ?
นี่มันเทียบเท่ากับการดำรงอยู่ระดับชิเทียนไห่เลยไม่ใช่รึไง?
อันที่จริงแล้ว การไปเกลี้ยกล่อมคนจากสถานชุมชนแห่งอื่นให้มาอยู่กับตนเองแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องดี ใครๆก็รู้ แต่หลิวเซินซานเป็นเพียงช่างเทคนิคที่มีฝีมือทั่วๆไป นั่นไม่น่าจะมีปัญหา ตรงกันข้ามกับหลิวซู แบบนั้นคงมีปัญหาตามมาเพราะเธอเป็นคนมีตำแหน่ง
นี่จริงๆแล้วฉินเฟิงคิดจะมาชักชวนหลิวเซินซานตั้งแต่แรกแล้วงั้นหรอ?
เรื่องนี้ทำให้พวกเขาต้องประหลาดใจจริงๆ
แต่คนอย่างฉินเฟิง มีหรือจะคาดคำนวณความคิดของตนเองผิดไป?
คนอย่างหลิวเซินซานน่ะหรือครอบครองเทคนิคในระดับทั่วๆไป?
มันไม่ใช่แบบนั้นเลย อันที่จริงแล้ว ในอนาคตของชีวิตก่อน หลังจากหลิวเซินซานเดินทางออกจากเมืองหาน เมื่อต้องสูญเสียลูกสาวไป อาการของเฉียวหยานก็ไม่ค่อยจะสู้ดี พอถูกสถานการณ์บีบบังคับ หลิวเซินซานเลยกลายเป็นฮึดสู้! เขาทุ่มเทกับงานอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง จนสุดท้ายสามารถกลายเป็นปรมาจารย์ในด้านผลิตอุปกรณ์รูนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่ง!
เพียงแต่หลิวเซินซานในปัจจุบันนี้ ยังไม่มีแรงกระตุ้นให้ได้รับโอกาสที่ว่าก็เท่านั้นเอง
“นี่ … ” จู่ๆหลิวเซินซานก็ไม่รู้ว่าจะกล่าวอย่างไรดี
“ลุงหลิวครับ เมืองหานตอนนี้ได้ล่มสลายลงแล้ว ต่อให้จะสามารถหาอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติมาแทนอันเก่าได้อีกครั้ง ก็น่ากลัวว่าเมืองจะไม่เป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการพัฒนา ด้วยข้อจำกัดมากมายถึงขนาดนี้ ทำไมลุงถึงไม่ออกไปกับผมล่ะ? ถ้ามากับผม สิ่งใดที่ลุงต้องการ ไม่ว่าจะเป็นความมั่งคั่ง , เกียรติยศ หรือชีวิตอันสงบสุข ผมสัญญาว่าจะมอบที่พูดมาทั้งหมดให้กับลุงเอง!”
คำกล่าวนี้ของฉินเฟิง ราวกับเวทมนต์ที่ทำให้หลิวเซินซานรู้สึกเหม่อลอย
ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ตั้งแต่ที่ได้พบกับฉินเฟิง หลิวเซินซานก็รู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ ดูจะสนทนาและมีความคิดอ่านที่คล้ายกับตนเอง เหมือนว่าทั้งสองรู้จักกันมาตั้งหลายปีแล้ว — พูดอะไรออกมาก็ดูน่าเชื่อถือ
“ตาแก่หลิว มัวลังเลอะไรอยู่อีก? ฉันเห็นด้วยกับความคิดของน้องฉินนะ” เฉียวหยานเร่งกล่าว
เพราะตอนนี้หากไม่เออออกับฉินเฟิง แล้วฉินเฟิงโกรธเดินจากไป ใครกันจะคอยปกป้องพวกเธอ?
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องคำพูดของฉินเฟิง ที่ไม่มีอะไรฟังดูน่าสงสัยเลย
หลิวเซินซานพยักหน้าเด็ดเดี่ยว “ขอบคุณน้องฉินที่เลือกฉัน เป็นหนี้เธอซะแล้ว หลังจากนี้ไปฉันสัญญาว่าจะช่วยเธอทำงานอย่างเต็มความสามารถ!”
ฉินเฟิงยิ้มและกล่าว “ลุงหลิว ลุงจริงจังเกินไปแล้ว ขอแค่ลุงยอมมาผมก็ดีใจแล้ว”
หลังจากเกิดใหม่ และได้รับหุ้นส่วนที่สามารถไว้วางใจได้ ฉินเฟิงก็รู้สึกอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
ในชีวิตใหม่ มันมีอยู่สองสามอย่าง ที่ฉินเฟิงต้องการเปลี่ยนแปลง อย่างเช่นโชคชะตาที่ไม่ยุติธรรมของโจวฮ่าว
แต่ก็มีบางสิ่งบางอย่าง ที่ฉินเฟิงไม่ยินดีให้เกิดการเปลี่ยนแปลง นั่นคือในเรื่องมิตรภาพที่ไม่ทอดทิ้งกัน อย่างเช่นของตนกับหลิวเซินซาน
และตอนนี้ ทุกอย่างกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดี
“ถ้าอย่างงั้นฉินเฟิง นายต้องการจะพาพวกเราไปตอนนี้เลยรึเปล่า?” หลิวซูเอ่ยปากอีกครั้ง
ฉินเฟิงกล่าวอย่างเฉยเมย “นั่นขึ้นอยู่กับลุงหลิว!”
หลิวเซินซานตอบกลับไป “ฉินเฟิง เธอเพิ่งต่อสู้มาตลอดทั้งคืน ตอนนี้พักผ่อนก่อนดีกว่า เรื่องที่เหลือค่อยว่ากันทีหลัง”
ต้องทราบนะว่า ศัตรูของฉินเฟิงน่ะคือราชันย์สัตว์ร้าย ดังนั้นเวลานี้เขาย่อมเหนื่อยล้า
ปัจจุบันฉินเฟิงไม่ใช่ผู้ใช้พลังเลเวล A เหมือนกับในชีวิตก่อน พลังงานของเขาอยู่ในเลเวล F เท่านั้น ไม่ต้องกล่าวถึงการท้าทายราชันย์สัตว์ร้าย ตอนนี้ต่อให้สู้กับนายพลสัตว์ร้ายระดับสูงบางตัวยังยากเลย
“ตกลงตามนั้นครับ”
ฉินเฟิงพยักหน้า หลังจากกินอีกเล็กๆน้อยๆ เขาก็หาสถานที่เหมาะๆในการนอน โชคดีที่สถานที่แห่งนี้คือโรงแรม และก่อนหน้านี้ก็มีใครบางคนเอาฟูกบางส่วนมาวางบนพื้น เหมาะที่จะใช้พักผ่อนพอดี
เสี่ยวไป๋เป็นธรรมดาที่จะเลือกนอนลงข้างๆฉินเฟิง เธอโน้มตัวลง ซุกเข้าไปในอ้อมแขนเขา และหลับตาม
ทั้งสองนอนกอดกันและกัน ผล็อยหลับไป ฉากนี้ทำให้คนอื่นๆรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เลยพากันแยกย้ายไปอีกห้องหนึ่ง
แต่ฉินเฟิงนอนได้เพียงไม่นาน น่าจะราวๆ 2 ชั่วโมง เขาก็ถูกปลุกด้วยเสียงกรีดร้อง!
ฉินเฟิงลืมตาขึ้น กวาดมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง เมื่อไม่พบสิ่งใด ก็ปลดปล่อยพลังสมาธิอย่างรวดเร็ว เพื่อตรวจสอบอันตราย
และเมื่อพบกับตัวต้นเหตุ ฉินเฟิงก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น