โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 139
Ch.139 – ยกระดับ 3 เลเวลต่อเนื่อง
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.139 – ยกระดับ 3 เลเวลต่อเนื่อง
ฉินเฟิงสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าบางสิ่งบางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไป
จิตใจของเขาแจ่มแจ้งขึ้น การรับรู้คมชัดมากขึ้น มันพัฒนาการยิ่งกว่าแค่การยกระดับพลังสมาธิธรรมดาๆ
“ตรงส่วนนี้น่าจะเกิดจากพรสวรรค์ ที่เดิมทีพลังสมาธิของฉันมีพรสวรรค์อยู่ในระดับ S และถ้าความเข้ากันได้กับรูนอยู่ในระดับเดียวกัน ในอนาคต การทะยานขึ้นไปถึงเลเวล S ก็ไม่ใช่ความฝัน … ”
ฉินเฟิงรู้สึกอย่างนั้น ว่าพรสวรรค์พลังสมาธิของเขา น่าจะใกล้แซงระดับ S ไปแล้ว
คาดว่า มันสมควรจะอยู่ไม่ไกลจากระดับ SS
“มากินกันต่อ!”
ฉินเฟิงกล่าว ไป๋หลีส่งผลไม้สมาธิลูกต่อไปให้เขา มันถูกคว้านและยกซดอย่างรวดเร็ว
ไม่นานเกินรอ น้ำจากผลสมาธิก็ถูกกลืนลงไปจนหมด หลังจากที่กินต่อเนื่องไป 5 ลูก ฉินเฟิงก็รู้สึกว่าท้องไส้ของเขาไม่อาจทานรับมันได้อีกต่อไป
“พลังพิเศษดูดกลืน!”
ฉินเฟิงกระตุ้นพลังพิเศษติดตัวของเขา ให้มันดูดกลืนพลังงานที่อยู่ในท้อง อาจกล่าวได้ว่าพลังงานที่สามารถดูดซับของแต่ละคนน่ะจะแตกต่างกันออกไป บางคนดูดซับได้ดี บางคนก็ไม่ดี จำต้องกินทีละน้อย และฉินเฟิงก็เป็นหนึ่งในนั้น
อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังพิเศษดูดกลืน ที่กล่าวมาข้างต้นเลยไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ
พลังงานก้อนใหญ่ถูกดูดกลืน กลั่นกรอง แล้วกลับมาเติมเต็มร่างกายของฉินเฟิงอย่างรวดเร็ว
พลังสมาธิตัดผ่านไปอีกระดับ
ก้าวขึ้นสู่เลเวล F5!
การรับรู้ของฉินเฟิงกว้างขึ้นอีกครั้ง! มันขยายรัศมีไปมากถึง 200 เมตร!
ส่วนพลังสมาธิครอบคลุมไปมากถึง 5 กิโลเมตร
“เอาผลไม้ลูกต่อไปมาได้เลย!”
ฉินเฟิงรู้สึกเหมือนกับว่า พรสวรรค์ที่หลบซ่อนอยู่ของเขา กำลังจะวิวัฒนาการขึ้นในไม่ช้า
อานุภาพของผลไม้สมาธิ มหาศาลมากจริงๆ หรืออาจจะกล่าวอีกแบบหนึ่ง ว่าอานุภาพของมัน สามารถถูกดึงออกมาได้ถึงขีดสุดโดยพลังพิเศษดูดกลืนของฉินเฟิง!
เพียงอาศัยมัน ระดับของเขาก็เกิดความก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
ไป๋หลีหยิบผลไม้อีกลูกออกมา ฉินเฟิงทยอยยกซดทีละลูก ทีละลูก หากเป็นคนธรรมดา น่ากลัวว่าคงไม่สามารถดูดซับผลประโยชน์จากมันได้ถึงขนาดนี้
ไม่นานเขาก็สวาปามน้ำในผลไม้สมาธิไปกว่า 15 ลูก!
พร้อมทะยานขึ้นสู่เลเวล F6!
การรับรู้กว้างขึ้นเป็น 300 เมตร สามารถรู้สึกได้ถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวราวกับพลิกฝ่ามือ พลังสมาธิปกคลุมกว่า 6 กิโลเมตร
ไม่เพียงเท่านั้น แต่ความเข้มข้นของพลังสมาธิของฉินเฟิง ในที่สุดมันก็เกิดการระเบิดออก สามารถทะลวงขอบเขตขึ้นสู่ระดับ SS ได้ในที่สุด!
ในความรู้สึกของฉินเฟิง รอบตัวพลันแตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
แต่มันแตกต่างออกไปยังไง เขาเองก็ไม่อาจบอกบรรยายออกมาได้เหมือนกัน
วินาทีที่พลังสมาธิเกิดการระเบิดออก จ้าวหยูที่อยู่ในห้วงนิทรา ถูกปลุกสะดุ้งตื่นขึ้นทันใด แต่เมื่อหันไปมองรอบๆ และพบว่าไม่มีอันตรายใดๆ เธอก็ข่มตาหลับลงอีกครั้งด้วยความรู้สึกวิตกกังวล และหวาดกลัวลึกๆในจิตใจ
เมื่อตื่นขึ้นมาในรุ่งเช้าวันใหม่ สภาพของจ้าวหยูดูไม่ค่อยจะดีนัก ปรากฏร่องรอยคล้ำใต้ดวงตาของเธอ คล้ายเป็นกังวลเนื่องจากนอนหลับไม่สนิท
ตรงกันข้ามกับโจวฮ่าว เขามีประสบการณ์จากปฏิบัติการปราบปรามกองทัพซากศพที่เทือกเขาพ่อแม่ลูกมาก่อน ดังนั้นหากไม่นับตอนสะดุ้งตื่น เขาหลับสนิทตลอดคืน ส่วนจางเทียนก็เหมือนจะหลับเต็มอิ่มเช่นกัน
“น่ากลัวว่าพวกเราอาจจะต้องเจอกับศึกใหญ่ในวันนี้” ฉินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
“และบางทีพวกเราอาจได้เผชิญหน้ากับนักเรียนจากสถาบันอื่นๆ หรือแม้กระทั่งคนจากโรงเรียนเฉิงหยาง … คราวนี้ล่ะ จะได้เตะตูดพวกมันซักที!” โจวฮ่าวหันไปมองรอบๆ
“นั่นสินะ ไม่แน่ว่าพวกเราอาจต้องปะทะกันอีก” จ้าวหยูพยักหน้าเห็นด้วย
จางเทียนก็พูดเช่นกัน นับว่าเป็นเรื่องยากที่เขาจะเอ่ยปาก “บางทีคนที่ไม่ค่อยแข็งแกร่ง ในคืนแรกก็อาจตัดสินใจออกไปรออยู่รอบนอกแล้ว หลังจากนี้ถ้าพวกเรายิ่งเข้าไปข้างใน ทั้งหมดที่เจอคงไม่ใช่พวกอ่อนแอ คิดว่าอย่างน้อยทีมหนึ่ง ก็น่าจะสามารถต่อกรกับการดำรงอยู่อย่างสัตว์ร้ายในเลเวล G ได้”
แต่นั่นก็สมเหตุสมผล เพราะหากกระทั่งสัตว์ร้ายเลเวล G ยังไม่อาจรับมือได้ ก็คงไม่มีทางเข้าสู่ใจกลางของสวนล่าใบไม้ผลิได้หรอก
“ยังไงก็ตาม พวกเราไปกันก่อนเถอะ คราวนี้ฉันจะนำหน้า พวกเราติดต่อกันผ่านทางวิทยุสื่อสาร!”
เมื่อวานที่ฉินเฟิงนำหน้าและถูกซุ่มโจมตีอย่างกระทันหัน นั่นเพราะเขาไม่ได้กวาดพลังสมาธิออกไป
เพราะการใช้พลังสมาธิก็สิ้นเปลืองพลังงานเช่นกัน เขาเลยไม่ค่อยจะได้ใช้มัน แต่ปัจจุบัน พลังสมาธิของฉินเฟิงได้ก้าวมาถึงเลเวล F6 แล้ว ดังนั้น ต่อให้เขาไม่ใช้มัน แต่ก็สามารถ ‘ใช้การรับรู้’ ได้ถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวในรัศมี 300 เมตร ภาพเหล่านั้นจะปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา
นี่มันไม่แตกต่างไปจากเรดาร์ขนาดย่อมเลย
ด้วยเหตุนี้เอง การสำรวจเส้นทางจึงเป็นไปอย่างสะดวกสบาย
อีกสามคนเข้าใจดีว่าต้องระวังระวัง พวกเขาเว้นระยะห่างจากฉินเฟิงที่อยู่เบื้องหน้าไปกว่า 50 เมตร
และในทุกช่วงระยะ ฉินเฟิงจะทิ้งเครื่องหมายเอาไว้ ทำให้ง่ายต่อการเดินทางของโจวฮ่าวและคนอื่นๆ
ไม่นานนักเขาก็เข้าสู่พื้นที่พิเศษของป่า
ปรากฏต้นกล้วยขึ้นประปรายอย่างกระทันหัน และแน่นอน ว่าพวกมันไม่ใช่ผลไม้ธรรมดาๆ เพราะในพื้นที่แห่งนี้ ไม่ว่าผลไม้ใดที่เติบโตในป่าเขตพิเศษ มันจะเกิดการกลายพันธ์ กล่าวได้ว่าผลไม้ในที่นี้มีราคาแพงกว่าเนื้อสัตว์ร้ายซะอีก
“นั่นกล้วยเสริมกำลัง!”
กล้วยเสริมกำลัง สามารถช่วยเพิ่มพูนพละกำลังของคนที่รับประทานมันเข้าไปได้ แม้ว่าจะไม่ได้ผลดีเท่ากับยาเสริมความแข็งแกร่ง แต่มันก็ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
ด้วยเหตุนี้เอง ตระกูลใหญ่ที่มั่งคั่งในเมืองเฉิงหยาง จึงมักนำกล้วยเหล่านี้ไปเป็นอาหารว่างให้กับเด็กๆ เพื่อเสริมสร้างร่างกายของลูกหลาน
นี่เองคือเหตุผลที่คนในครอบครัวของผู้ใช้พลัง ยิ่งนานวันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
แต่ในเวลานี้ ดูเหมือนว่าจะมีคนอื่นอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว
และเช่นเคย พวกเขาคือนักเรียนจากทางสถาบันซิต๋า
ทั้งหมดรวมกลุ่มกันมากกว่า 30 คน และเหมือนจะมีผู้นำเป็นคนสองคนที่สวมป้ายชื่อขอบทอง บนป้ายชื่อมีตัวเลข 1 และ 2 เขียนเอาไว้
พวกเขาคือผู้ใช้อบิลิตี้ลำดับที่ 1 และ 2 ของสถาบันซิต๋า
“รีบเก็บรวบรวมพวกมันเร็วเข้า ชักช้าเดี๋ยวก็มีคนเข้ามาที่นี่หรอก!”
“พวกนายออกไปรับหน้าก่อน จัดการพวกลิงเถื่อนไม่ให้มาขัดขวางพวกเรา”
“เร็วเข้าอย่ามัวชักช้า!”
กล้วยเสริมกำลังเป็นอาหารโปรดของลิงเถื่อน ดังนั้นย่อมเป็นธรรมดาที่มันจะกลายเป็นตัวอุปสรรคของพวกนักเรียน แต่เนื่องจากพวกเขามีจำนวนมากเกินไป ดังนั้นผลลัพธ์เลยออกมาไม่แย่อย่างที่คิด แค่ส่งออกไปไม่กี่คนก็สามารถตะเพิดลิงเถื่อนเตลิดหนีไปได้แล้ว
ระหว่างทาง พวกเขาก็แอบเก็บกล้วยไปพลางๆ
หากมันใช้งานได้อย่างที่ลือๆกัน การเก็บเกี่ยวในครั้งนี้พวกเขาคงรวยเละ
“พวกนายเดินมาสมทบกับฉันข้างหน้า เบี่ยงทิศทางไปทางขวาราวๆ 30 องศา ฉันว่าฉันบังเอิญเจออะไรดีๆเข้าให้แล้ว และนี่เป็นจังหวะเหมาะที่พวกเราจะไปชิงมันมา!”
ฉินเฟิงไม่ได้ให้ความสนใจใดๆเลยต่อกลุ่มนักเรียนซิต๋า เวลานี้ เขาสนใจพวกลิงเถื่อนมากกว่า ในสมองขบคิดว่าทำไมไม่ใช้ประโยชน์จากลิงเถื่อนดึงดูดความสนใจจากพวกซิต๋า ในกรณีนี้จะทำให้ทีมฉินเฟิงที่ได้รับผลประโยชน์มากกว่าเดิม
“เข้าใจแล้ว พวกเราจะรีบไป”
เสียงของโจวฮ่าวดังออกมาจากวิทยุ ไม่เกินสองนาที ทั้งสี่ก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
ป่าพิเศษแถบนี้กว้างใหญ่มาก ดังนั้นก่อนจะรุกล้ำเข้าไป ฉินเฟิงและคนอื่นๆเลยต้องมารวมกลุ่มกันก่อน
“นั่นมันกล้วยเสริมกำลังนี่!” ดวงตาของโจวฮ่าวเปล่งประกายสดใส “เป็นของดีจริงๆด้วย!”
ส่วนลิงเถื่อนเลเวล G ที่อยู่รอบๆ โจวฮ่าวไม่เห็นพวกมันอยู่ในสายตา เขาเพียงทะยานออกไปและสังหารพวกมันทันที แน่นอน ว่าพวกลิงเถื่อนส่วนใหญ่กำลังไปออกันอยู่ทางฝั่งสถาบันซิต๋า
ดังนั้นหลายคนเลยหยิบฉวยกล้วยมาได้แค่คนละนิดละหน่อย และการกระทำของโจวฮ่าว ก็ไม่อาจรอดพ้นไปจากสายตาของมือปืนจากซิต๋าเช่นกัน
“สารเลว! มีคนจากสถาบันเฉิงเป่ยบุกเข้ามา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกมันจะใช้พวกเราเป็นเหยื่อล่อ!”
“กล้าเอาเปรียบพวกเรางั้นหรอ? มันต้องตาย!”
“ใจเย็นก่อน ในนั้นมีนักเรียนคลาสอบิลิตี้อันดับ 1 รวมอยู่ด้วย”
ท่ามกลางกลุ่มนักเรียนซิต๋า หนึ่งในผู้ใช้อบิลิตี้ชะงักไปทันที จู่ๆเขาก็เลิกคิ้วด้วยความสนใจ
“อันดับ 1 คลาสอบิลิตี้ของเฉิงเป่ยอย่างงั้นหรอ …. ”
“ใช่แล้วหลินเหมา ฉันมั่นใจว่ามองไม่ผิด เป็นอันดับ 1 แน่นอน แถมยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย!”
คนที่ชื่อหลินเหมา คือนักเรียนอันดับ 1 ของคลาสอบิลิตี้สถาบันซิต๋า พ่อแม่ของเขาทั้งคู่อยู่ในเลเวล F นอกจากนี้ยังมีตำแหน่งที่สูงมากในเขตซิต๋า ดังนั้นเขาเลยกลายเป็นคนที่เหนือกว่าผู้อื่นตั้งแต่ยังเด็ก และกลายเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ที่ไม่เคยพลาดพลั้ง
ในปัจจุบัน เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าร่วมงานสวนล่าใบไม้ผลิ กล่าวได้ว่าคนประเภทนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความหวังของสถาบันซิต๋า เลยหยิ่งผยองเป็นนิสัย
ครอบครองทั้งอำนาจและเงินตรา ดังนั้นจึงมีทีมตัดสินใจติดตามเขากว่า 5 ทีม รวมไปถึงผู้ใช้อบิลิตี้ลำดับ 2 อย่างเฉียนเต๋าเองก็เช่นกัน
อาจพูดได้เลยว่า นี่คงเป็นการรวมกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วของสถาบันซิต๋า
“งั้นก็ปล่อยให้มันเข้ามา พวกเราจะมอบบทเรียนให้มัน ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าจะคิดเล่นตุกติกกับพวกเรา!”
หลินเหมาหัวเราะหยัน สะบัดมือและก้าวตรงไปยังทิศทางของพวกฉินเฟิง