โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 212
Ch.212 – งานประมูลเมืองไห่
Provider : Muntra
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.212 – งานประมูลเมืองไห่
หนุ่มๆทั้งสามคนที่ไป๋หลีชี้ น่าจะอยู่ในช่วงอายุซักราวๆ 20 ปี ทั้งหมดล้วนมีผิวสีขาวดั่งข้าวสาลี กล้ามเนื้อดูกระชับและสมส่วน เหมือนคนได้รับการออกกำลังกายเป็นอย่างดี อีกทั้งบุคลิกภายนอกก็ยังดูไม่ธรรมดา
และหากสังเกตอย่างรอบคอบจะพบว่าคิ้วของทั้งสามได้รับการกัน ตกแต่งเป็นสัดเป็นส่วน
อันที่จริงเหตุการณ์หลีหญิงแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเมืองไห่น่ะเต็มไปด้วยผู้หญิงสวยๆ ในบรรดาพวกเธอมีทั้งคนที่เป็นผู้ใช้พลัง รวมไปถึงผู้หญิงร่ำรวยอีกมากมาย
แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าไอ้สามหน่อนี่ ดันเกิดความคิดที่จะมาฮุบไป๋หลีอย่างกระทันหัน
ฉินเฟิงผุดลุกขึ้นทันใด ปากเอ่ยกล่าว “เอาซี่ เล่นก็เล่น”
กลุ่มชายหนุ่มกวาดตาขึ้นๆลงๆสำรวจฉินเฟิง พวกเขาพบว่าอีกฝ่ายใส่กางเกงธรรมดา ไม่แบรนด์เนม ทว่าอุปกรณ์สื่อสารในมือกลับมีราคาแพง ก่อนสลับตรวจสอบไป๋หลีที่สวมทับด้วยชุดคลุมทอประกายรังสีแสง ไม่บอกก็รู้ว่าทำมาจากสัตว์ร้ายระดับสูง เลยสรุปได้ทันทีว่าเธอต้องเป็นผู้ใช้พลังที่ร่ำรวยและ–
–บ่งบอกชัดเจนว่าการแต่งตัวของทั้งสองแตกต่างกันเกินไป!
สามหนุ่มหันมามองหน้ากันและกัน ทั้งหมดได้ข้อสรุปว่าฉินเฟิงน่าจะเป็น ‘ไอ้หน้าขาว’ ที่คอยเกาะไป๋หลี
ทั้งสามจึงแสดงความเป็นปรปักษ์กับฉินเฟิงทันที
ไป๋หลีแน่นอนว่าต้องการให้ฉินเฟิงมาร่วมทีมกับเธอ และในเมื่อขาดอีก 1 ตันหยูที่อยู่ใกล้ๆเลยตกกระไดพลอยโจนไปด้วย
อีกทีมหนึ่งย่อมไม่พ้นสามหนุ่ม พวกเขามีท่าทีดูมั่นใจเป็นอย่างมาก ส่งเสียงกระซิบกระซาบกันและกัน
“แบบนี้แหละดี พอเริ่มเกม ผู้ใช้พลังหญิงจะต้องได้เห็นถึงความเป็นฮีโร่ของพวกเราอย่างแน่นอน”
“พอเริ่มเกม ได้จังหวะแล้วก็ส่งบอลมา ฉันจะตบบอลอัดจมูกไอ้หน้าขาวนั่น ให้มันยืมไม่ขึ้นเลย!”
“วางใจได้เลย ถ้ามีโอกาสฉันก็จะฟาดบอลใส่หน้ามันจนแบนเหมือนกัน!”
สามหน่อตกลงแผนการกันอย่างลับๆ โดยไม่ทราบเลยว่าคำเหล่านี้ ฉินเฟิงได้ยินมันทั้งหมด
แรกเริ่มฉินเฟิงให้ไป๋หลีเป็นคนเสิร์ฟ เพื่อให้เธอได้สัมผัสมัน และเรียนรู้การควบคุมความแข็งแกร่งของตนเอง –บอลถูกส่งออกไป
ชายอีกทีมย่อตัวลง งัดบอลขึ้นมา ให้ลอยสูงขึ้นหน้าตาข่าย
วินาทีต่อมา อีกคนหนึ่งก็ทะยานตัวขึ้นตามบอล ง้างสุดมือ และเปรี้ยง! ตบบอลเล็งเข้าใส่หน้าของฉินเฟิงอย่าไร้ปราณี
หนุ่มหล่ออีกฝ่ายโชว์ทักษะการเล่นที่สุดยอดให้ไป๋หลีได้ชม ขณะเดียวกันก็เล็งโจมตีฉินเฟิงให้เลือดกลบปาก
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงสามารถใช้สองมือสกัดเอาไว้ได้ แรงปะทะส่งผลให้บอลลอยสูงขึ้น ฉากนี้คล้ายกับว่าฉินเฟิงทำได้สกัดลูกเท่านั้น ตันหยูก้าวออกมา กระโดดขึ้นไปเตรียมตบสวน ปลายนิ้วของเขาสัมผัสโดนบอลแล้ว แต่ในตอนนั้นเอง–
–วู้มมม!
สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ ฉินเฟิงเพียงยกมือขึ้น บอลที่เกือบถึงมือตันหยูก็พลันเด้งสูงขึ้น หลบฝ่ามือที่ตบฉาดของเขา และหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ
ไม่รอให้ใครทันสังเกตเห็น ฉินเฟิงกระโดดเข้าหามัน และฟาดบอลสวนกลับไปทางคนที่คิดตบบอลใส่หน้าเขาก่อนหน้าทันที
ชายคนนั้นไม่ทันคาดคิดว่าลูกบอลจะถูกตบสวนกลับมาเร็วขนาดนี้ แม้คิดพยายามสกัดกั้นมัน แต่ก็สายเกินไปแล้ว!
ตูม!
บังเกิดเสียงกระแทกที่ดังเกินกว่าปกติเล็กน้อย ชายคนแรกถูกบอลอัดเต็มเบ้าหน้า ก้นกระแทกลงกับพื้น บอลกระเด้งสูงขึ้น
สายตาของอีกสองคนมองลูกบอล หนึ่งในนั้นวิ่งไปรับมัน และส่งต่อให้อีกคนกระโดดตบสวนกลับไป
ชายที่ล้มลงกับพื้นรู้สึกเจ็บเล็กน้อยบนหน้าผาก แม้จะคาดไม่ถึง แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ผุดลุกขึ้นกลับมาร่วมเกมอีกครั้ง
มุมปากของตันหยูกระตุก เขามองไปยังหน้าผากของชายคนแรก การตบบอลด้วยความเร็วที่มองไม่เห็นส่งผลให้ใบหน้าครึ่งซีกบนของอีกฝ่ายกลายเป็นสีเขียวและม่วงคล้ำ
คราวนี้ไป๋หลีเป็นคนได้ตบบอล เธอหัวเราะร่าและ
ตูม!
หนึ่งในสามหนุ่มหน้าหงาย กลายเป็นปูดบวม อีกคนรับบอล และตบกลับมาอีกครั้ง แต่ทว่า
ตูม
ฉินเฟิงกระโดดขึ้นสกัดหน้าตาข่าย ตบสวนกลับไป บอลกระดอนเข้าใส่กลางเบ้าตาของอีกคน
ตูม ตูม ตูม!
เวลาดำเนินไปกว่า ครึ่งชั่วโมง แม้กลุ่มสามคนหนุ่มจะออกกำลังกายมาเป็นอย่างดี ในเวลานี้ก็มีเหนื่อยบ้างเหมือนกัน ตรงกันข้ามกับคนในทีมของไป๋หลี ที่ไม่เห็นจะมีท่าทีผิดแผกไปจากแรกเริ่มเลย
“ยอมแล้ว ไม่เล่นอีกแล้ว พวกเราขอยอมแพ้!”
ทั้งสามคนรู้จักวอลเลย์บอลดี เร่งอธิบาย “การนับคะแนนของวอลเลย์บอล ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าตบใส่หน้าใครได้มากกว่าคนนั้นชนะหรอกนะ! ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าถ้านับคะแนนกันตามปกติ พวกเราได้แต้มมากกว่าพวกคุณ!”
ไป๋หลีถอนหายใจเล็กน้อย มองทั้งสามด้วยความสงสาร
ฉินเฟิงยิ้ม เดินตรงไปหาทั้งสาม แล้วควักเงินให้
“เอ้านี่ รีบไปโรงพยาบาลซะ … แต่ฉันคิดว่าด้วยใบหน้าแบบนั้น พวกนายคงไม่สามารถล่อลวงผู้หญิงร่ำรวยได้อย่างน้อยก็ซัก 2 – 3 วัน!” ขณะกล่าว ฉินเฟิงก็โอบเอวไป๋หลีและเดินจากไป ทางด้านตันหยูเบื้องหลังเขาไม่ทราบจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ฉินเฟิงผู้นี้ นับว่าเป็นคนที่ขี้หึงหวงอย่างแท้จริง
สามหนุ่มยังไม่เข้าใจความหมายของอีกฝ่าย แต่พอหันมามองกันและกัน ทั้งหมดพลันตกตะลึง
“ทำไมหน้าของแกถึงมีสภาพแบบนี้!”
“ดูหน้าเอ็งด้วยเถอะ อนาถยิ่งกว่าขอทานซะอีก!”
“พวกเราโดนเล่นเข้าให้แล้ว!”
“ว่าแต่เมื่อกี้เขาเอาเงินมาจากไหน? เขาไม่ได้หยิบกระเป๋าขึ้นมาด้วยซ้ำ!”
“อย่า … อย่าบอกนะว่าเป็นอุปกรณ์รูนมิติ!”
ทั้งสามคนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เพราะในกรณีนี้ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ฝ่ายชายก็เป็นผู้ใช้พลังเช่นเดียวกับฝ่ายหญิงใช่หรือไม่?
ณ เวลานี้ สันหลังของพวกเขาเย็นวาบ เห็นได้ชัดว่าเมืองไห่มีฤดูร้อนแทบทั้งปี แต่หลังพวกเขากลับหลั่งไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็สามารถรอดพ้นจากความตายมาได้ เพราะสุดท้ายฉินเฟิงยังคงปราณี ไม่อย่างนั้นที่กระแทกใส่หน้าพวกเขาแต่แรกคงไม่ใช่บอล แต่เป็นมีด!
…
ได้กินทั้งอาหารเอร็ดอร่อย , ชมวิวทิวทัศน์ –ฉินเฟิงพาไป๋หลีไปเที่ยวที่ต่างๆในเมืองไห่อย่างสนุกสนาน หากเทียบกับฟูเฉิง เมืองไห่หรูหราและสะดวกสบายกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ซูซิงฝูกับคนอื่นๆมาถึงเมืองไห่ล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว เขาเริ่มซื้อขายแลกเปลี่ยน ทั้งยังคอยรายงานเรื่องนี้ให้แก่ฉินเฟิง
ซึ่งสมคำร่ำลือในชีวิตก่อนหน้าจริงๆ ซูซิงฝูเป็นนักธุรกิจชั้นยอด ซื้อมาขายไป แลกเปลี่ยนวัตถุดิบต่างๆเพียงไม่กี่วัน จากเงินทุนเดิมที่ฉินเฟิงให้ไปเพียง 1 พันล้านเหรียญ ปัจจุบันสามารถใช้แลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าได้เป็นจำนวนกว่า1.5 พันล้านเหรียญแล้ว!
ยังไม่พอ ซูซิงฝูยังสามารถขายสินค้าบางส่วน นำมาเป็นเงินคืนทุนได้อีกด้วย
หากตลาดซื้อขายไม่เล็กจนเกินไป เกรงว่าซูซิงฝูคงสามารถทำกำไรได้มากกว่านี้ อาละวาดกวาดเงินจนสาสมใจอย่างแน่นอน
…
ในวันที่สาม การประมูลของกลุ่มหวันซ่งก็เริ่มขึ้น
การประมูลใหญ่ของกลุ่มหวันซ่งถูกจัดขึ้นในวันที่ 3 กล่าวได้ว่างานประมูลที่แท้จริง ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!
ฉินเฟิงนำไป๋หลี และหลิงหวูยี่ที่เดินทางมาล่วงหน้าพร้อมกับซูซิงฝู เข้าไปยังห้องเพนต์เฮาส์ที่หรูหราที่สุดในเมืองไห่
ถูกต้อง งานประมูลในครั้งนี้ ถูกจัดขึ้นที่ชั้นบนสุด ในห้องที่หรูหราที่สุดของโรงแรม
ในขณะที่บุคคลที่เข้าร่วมเอง ก็ไม่ได้มีจำนวนมากนัก
เบื้องหน้าของห้องสุดหรู พิธีกรสาวกำลังเผยรอยยิ้มแย้ม เลื่อนสายตามองแต่ละท่านที่อยู่เบื้องหน้า
แม้จะมีทั้งคนแก่และเด็กสลับๆกันไป แต่ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าบนหน้าอกของพวกเขา ทั้งหมดติดตราสัญลักษณ์–
เลเวล E!!
ทั้งหมดคือผู้ใช้พลัง , ทั้งหมดคือระดับสูงของสถานชุมชนขนาดใหญ่ ไม่ก็สมาชิกของตระกูลใหญ่ในเมือง
การปรากฏตัวของฉินเฟิงและอีกสองคน กลายเป็นจุดสนใจของคนอื่นๆในห้องทันที
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ใบหน้าของทั้งสามยังเด็กมาก โดยเฉพาะไป๋หลี ที่อายุยังน้อย แต่กลับครอบครองขุมกำลังอันแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ บางคนรีบหันไปข้างๆเพื่อสอบถามสถานะของกลุ่มฉินเฟิง
“ฉินเฟิง!” ฉินเฟิงยังไม่ทันได้นั่งลง เขาก็ได้ยินอีกเสียงที่คุ้นเคยไม่ใกล้ไม่ไกลแว่วเข้ามา
“นายพลฮั่น!” ฉินเฟิงหันไปมองและพบกับฮั่นเจียน ในครั้งนี้ อีกฝ่ายมาในฐานะตัวแทนของเมืองเฉิงเป่ย
“ฉินเฟิง คุณก็มาด้วยสินะ” ใบหน้าที่คุ้นเคยอีกคนปรากฏขึ้น –เป็นชิหลง
ท่ามกลางบรรดาเลเวล E ภายในห้องฉินเฟิงรู้จักแค่ 2 คนนี้เท่านั้น แต่ไม่นาน ฮั่นเจียนก็แนะนำระดับสูงคนอื่นๆจากเฉิงเป่ยให้ฉินเฟิงได้รู้จัก อีกทั้งยังได้สนทนากับชิหลงเล็กๆน้อยๆ
แต่ละฝ่ายต่างทักทายกันและกัน สนทนาว่าในภายหลังหากมีเรื่องราวหรือปัญหาอะไรจะได้ร่วมมือกันสะดวก ประโยคนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร
แต่เมื่อฉินเฟิงได้ยินคนรอบข้างกล่าวคำเช่นนี้ออกมา ในหัวใจของก็คิดว่าช่างเป็นคำที่ไร้สาระเสียจริง
มีปัญหางั้นหรอ? ร่วมมือกันอย่างงั้นหรือ? เกรงว่าพอผ่านพ้นงานประมูลไป … หลังจากแก่งแย่งสินค้าประมูลกัน ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา จะเหลือแค่เพียงความเกลียดชังล่ะสิไม่ว่า!
ในเวลานั้นเอง ประตูทางเข้าหลักได้ถูกเปิดออกอีกครั้ง คนกลุ่มหนึ่งได้ปรากฏตัวเข้ามา
คนเหล่านี้ไม่คุ้นหน้า การแต่งกายดูหยาบกระด้าง แต่ในบรรดาคนเหล่านั้น ยังมีผู้หญิงที่แต่งตัวเปิดเผยเนื้อหนัง ชวนให้น่ามอง ทว่ากลับมีกลิ่นอายคล้ายกับงูพิษ
“นั่นคนจากองค์กรมืด”
“พวกเขาเองก็มาที่นี่งั้นหรอ”
เส้นประสาทของผู้คนโดยรอบตึงเครียดขึ้นทันที
มีเพียงฉินเฟิงที่ยังคงสงบ สองตาของเขาที่หรี่แคบลง คล้ายรู้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว