โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 241
Ch.241 – เข้าสู่ผิงหยุน
Provider : Muntra
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.241 – เข้าสู่ผิงหยุน
คนอื่นๆยังไม่ทันตอบสนอง ฉินเฟิงก็ลงจากรถ เผยร่างที่สูงโปร่ง ดูอ่อนเยาว์ ใบหน้าหล่อเหลา แต่ที่โดดเด่นที่สุด คือตราสัญลักษณ์ผู้ใช้พลังบนหน้าอก
เพราะตราสัญลักษณ์ คือตัวแทนของผู้ใช้พลัง บ่งบอกถึงสถานะ
ฉินเฟิงก้าวไปข้างหน้า คว้าจับงูสัตว์ร้ายด้วยมือเปล่า และกระชากมันออกมา ร่างใหญ่โตของงูสัตว์ร้ายคลายออก คนที่โดนรัดอยู่ข้างในได้โผล่ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้ง
ฉินเฟิงเก็บศพของนายพลสัตว์ร้ายในพื้นที่มิติ เอาไว้กินเล่นสำหรับอีกหลายวันข้างหน้า
อ๊อก!
กำลังภายในของชายที่โดนงูรัดถูกรีดออกมาใช้จนเหือดแห้ง ส่งผลให้เขาไม่สามารถหลุดรอดจากพันธนาการของงูได้ ทำได้แค่เพียงฝืนยืดเวลาตายออกตนเองออกไป แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าจะถูกช่วยเอาไว้
“ขอบคุณ! ขอบคุณท่านผู้ใหญ่! แค่ก แค่ก!”
ชายถูกรัดไอออกมาเป็นเลือด ซี่โครงหักไปหลายท่อน โชคดีที่อวัยวะภายในไม่ได้รับความเสียหายใดๆ สำหรับผู้ใช้พลังในปัจจุบัน อาการบาดเจ็บเช่นนี้ไม่นับว่าหนักหนาอะไร เพียงกลับไปพักผ่อนสักสัปดาห์ ก็จะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
“นายพอจะลุกไหวไหม?” ฉินเฟิงถาม
“ไหวขอรับ!” ชายคนนั้นเร่งกล่าวตอบ
ฉินเฟิงยังไม่วางใจ เลยป้อนกำลังภายในให้แก่อีกฝ่าย ใบหน้าของชายคนนั้นดูมีเลือดฝาดขึ้นมาก
ฉินเฟิงเดินไปที่รถ SUV ใช้มือเดียวผลักเบาๆ พาหนะขนาดใหญ่ที่ล้มคว่ำก็พลิกกลับมาดังเดิม เสียงล้อยางกระแทกพื้นดังโครม
“ท่านผู้ใหญ่ ขอบพระคุณ ขอบพระคุณจริงๆ!” หนึ่งในเด็กสาวตัวน้อยมองฉินเฟิง ในแววตาระยิบระยับ ราวกับประสบพบเจอฮีโร่
“อืม รอดแล้วก็รีบเตรียมตัวกลับเถอะ”
ฉินเฟิงรับคำอย่างไม่ใส่ใจ เพราะเขาแทบไม่ต้องพยายามอะไรเลย
เมื่ออีกฝั่งได้รับคำสั่ง ทั้งหมดไม่กล้าชักช้า อีกทั้งด้วยความแข็งแกร่งของฉินเฟิง มันยังทำให้พวกเขาเห็นถึงความหวังที่จะสามารถเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
“ท่านผู้ใหญ่ตั้งใจจะไปที่สถานชุมชนผิงหยุนใช่ไหมครับ? พอดีว่าผมรู้จักสถานที่แห่งนั้นเป็นอย่างดี เลยอยากจะเชิญไปทานมื้อค่ำด้วยกัน เพื่อตอบแทนที่ท่านช่วยชีวิตพวกเรา!” ชายคนนั้นกล่าวอย่างรวดเร็ว
ฉินเฟิงมองอีกฝ่าย ขบคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายพยักหน้า
“ก็ได้ งั้นพวกเรามุ่งหน้าไปทางตะวันตกพร้อมกัน”
อันที่จริงฉินเฟิงต้องการเตือนพวกเขา ไม่ให้ไปยังสถานชุมชนผิงหยุน แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าอีกฝ่ายจะเป็นชาวเมืองผิงหยุนซะเอง จึงยากจะอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม หากชาวเมืองยังออกมาล่าสัตว์ร้ายกันได้ แสดงว่าปัจจุบันผิงหยุนยังไม่มีอุบัติเหตุใดๆเกิดขึ้น
แล้วทั้งสองฝ่ายก็เดินทางไปด้วยกัน ฉินเฟิงได้รู้จักชื่อของแต่ละคน ผู้ใช้พลังเลเวล F3 เรียกว่าเฉียนหยวน สาวๆอีกสองคนเรียกว่าฟางหยูกับฟางหลิงทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน
ส่วนผู้ใช้พลังเลเวล G8 อีกคนเป็นเพื่อนของเฉียนหยวน ทั้งยังเป็นสหายร่วมรบ เรียกว่ากวงเสี่ยวกัง แม้ใกล้จะเหยียบเลเวลF แต่ประสิทธิภาพในการต่อสู้ยังถือว่าอ่อนแอ
เวลานี้ พาหนะเบื้องหลังรถล่องเวหาของฉินเฟิง ตลอดเส้นทางที่คันหลังขับผ่านฟุ้งไปด้วยฝุ่นทราย ชวนให้ยากต่อการมองเห็น ไม่อาจเทียบเปรียบกับรถสปอร์ตของฉินเฟิงได้เลย
บนรถ SUV
“มิสเตอร์ฉินเป็นมือปืนเลเวล E ใช่ไหม? น่าประทับใจจัง ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาสามารถกำจัดสัตว์ร้ายเลเวล F ด้วยการยิงเพียงนัดเดียว!” ฟางหยูทอดถอนหายใจ
“ไม่ใช่เพราะมีอาวุธดีหรอกหรอ เธอรู้รึเปล่าว่าในมือเขาคืออะไร? มันคือปืนสลายอนุภาค! เจ้านั่นชิ้นเดียว ต่อให้จับพวกเราสี่คนไปขายก็ยังไม่พอที่จะซื้อมัน!” กวงเสี่ยวกังบนเบาะคนขับ เมื่อย้อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ร่างกายเขาก็สั่นสะท้าน มันน่าหวาดกลัวมากจริงๆสำหรับเขา
อย่างไรก็ตาม ภายในจิตใจ กวงเสี่ยวกังยังไม่อยากทำใจยอมรับฉินเฟิง
เมื่อเห็นคนที่แข็งแกร่ง เป็นธรรมดาที่ผู้คนมักจะรู้สึกอิจฉา
อีกทั้งฉินเฟิงยังแสดงท่าทีใจดีกับพวกตนมากเกินไป เลยพลอยทำให้กวงเสี่ยวกังไม่เกิดความยำเกรงในตัวเขา และเกิดความรู้สึกต่อต้าน ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ฝั่งตนมีหมู่มวลดอกไม้(สาวๆ) ร่วมเดินทางมาด้วย แต่พอได้ยินพวกเธอเอ่ยชื่นชมชายอื่น เลยรู้สึกไม่พอใจเป็นธรรมดา
“เขาไม่น่าจะใช่มือปืน แต่เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ เพราะเมื่อกี้เขาส่งผ่านกำลังภายในมาให้ฉัน มันแฝงไปด้วยกลิ่นอายทรงพลัง ช่วยให้เส้นลมปราณของฉันกว้างขึ้นกว่าเดิมไม่น้อยเลย”
นี่สินะคือสิ่งที่เรียกว่าผู้ใช้วรยุทธโบราณระดับสูง แค่อีกฝ่ายใช้กำลังภายในเล็กๆน้อยๆรักษาตน ก็สามารถคลายเส้นลมปราณที่ตีบตันได้ เฉียนหยวนรู้สึกว่านี่คือความโชคดีในโชคร้ายของเขา
“จะอาชีพอะไรเขาก็เจ๋งอยู่ดี เห็นที่เขากวาดงูสัตว์ร้ายตัวใหญ่หายวับลงไปในพื้นที่มิติรึเปล่า? อุปกรณ์รูนมิติของเขาจะต้องมีพื้นที่กว้างมากแน่ๆ อุปกรณ์สื่อสารบนข้อมือเขาก็เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ราคาตั้ง 100,000 เหรียญ! ตอนนี้เงินเก็บของฉันมีไม่ถึง 100,000 เหรียญด้วยซ้ำ!” ฟางหลิงกล่าวด้วยความตื่นเต้น
เป็นเวลากว่าครึ่งปีมาแล้วที่ฟางหลิงกับฟางหยูได้รับการฉีดยากระตุ้นพลัง แต่ก็ฝึกฝนได้นิดๆหน่อยๆเท่านั้น ตอนนี้เลยมีเลเวลแค่ G3
ส่วนเงินค่าจ้างที่สถานชุมชนจ่ายในทุกๆเดือน พวกเธอนำไปซื้อยาเสริมความแข็งแกร่ง และเริ่มออกสู่ทุ่งล่ามาได้สามเดือนแล้ว แต่ก็ยังสั่งสมประสบการณ์ได้ไม่มากพอ ยิ่งมาเจออันตรายอย่างเช่นในวันนี้ มันเลยพลอยทำให้พวกเธอเกิดความหวาดกลัว
แต่การที่ได้มาพบเจอฮีโร่ช่วยชีวิต สองสาวเลยรู้สึกดีใจ ทั้งยังตื่นเต้น
เพราะท้ายที่สุดแล้ว อีกฝ่ายคือผู้ใช้พลังเลเวล E
ซึ่งถือว่าเป็นบุคลคลชนชั้นผู้นำในสถานชุมชนระดับกลาง
ในขณะที่สถานชุมชนผิงหยุนเป็นชุมชนขนาดเล็ก พื้นที่ไม่มากเท่ากับเมืองหาน หากมันมิได้เป็นศูนย์กลางการขนส่งล่ะก็ คงไม่มีใครเหลียวแลเมืองเล็กๆแห่งนี้
จากที่อธิบายไปข้างต้น กล่าวได้อีกนัยนึงก็คือ กระทั่งผู้นำสถานชุมชนของพวกเธอ ก็ยังไม่แข็งแกร่งเท่ากับฉินเฟิง
ดังนั้น นี่จะไม่ทำให้พวกเธอรู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไร?
เพราะยังไงซะ การได้เป็นคบหากับบุคคลดั่งเช่นฉินเฟิง ตราบใดที่ฉินเฟิงแนะนำพวกเธอเล็กๆน้อยๆ หรือมอบอะไรบางอย่างให้ มันก็มากพอแล้วที่จะช่วยให้พวกเธอยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว
…
รถศึกสองคัน หนึ่งนำหนึ่งตาม ขับเคลื่อนเข้าสู่สถานชุมชนผิงหยุน ตึกรามที่นี่ไม่ได้ใหม่เท่าใด แต่ในเรื่องของถนนหนทาง มันกว้างขวางยิ่งกว่าสถานชุมชนขนาดใหญ่บางแห่งอย่างไร้ซึ่งข้อกังขา ผู้คนเดินขวักไขว่และเร่งรีบ บนถนนส่วนใหญ่เป็นรถบรรทุก ทั้งยังมีรถไฟให้เห็นประปราย
“มิสเตอร์ฉิน ด้านหน้าของพวกเราคือตึกของกลุ่มซ่งเฉิน ห้องอาหารชั้นบนสุดของตึก คือร้านที่ดีที่สุดที่พวกเราเคยไปทานเมื่อนานมาแล้ว ไปที่นั่นกันเถอะ”
ในอุปกรณ์สื่อสาร เสียงของเฉียนหยวนดังขึ้น
“ก็เอาสิ”
ฉินเฟิงตอบกลับห้วนๆ ขับเข้าไปจอดในชั้นล่างของตึกซ่งเฉิน
ทุกคนลงจากรถ เฉียนหยวนเป็นคนนำทาง พาขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุด
“ยินดีต้อนรับคุณลูก–”
“–ท่านผู้ใหญ่ โปรดเชิญตามกระผมเข้าไปรับประทานในห้องส่วนตัว”
ตอนแรกที่เฉียนหยวนเดินเข้ามา พนักงานต้อนรับไปตามมารยาท แต่หลังจากที่เขาเห็นฉินเฟิง พนักงานทุกคนก็แสดงท่าทีและวาจาบ่งบอกถึงความเคารพ ราวกับฉินเฟิงเป็นแขกคนสำคัญในงานเลี้ยงสุดหรูหรา
เพราะความแข็งแกร่งจะนำมาซึ่งความนับถือเทิดทูน คนพวกนี้ไม่มีใครกล้าจะละเลยหรือสร้างความไม่พอใจแก่เขา
แม้แต่พ่อครัวเองก็ยังออกมา เสนอเมนูอาหารให้ฉินเฟิง
“ทางเราเพิ่งซื้อหมีป่ามา วัตถุดิบส่วนอุ้งเท้ายังสดใหม่ ไม่ได้นำไปใช้ทำอาหารจานใด”
“เอ่อ .. และเรามีสัตว์ร้ายทะเล เก็บไว้ในถังน้ำส่งตรงจากเมืองไห่ ดังนั้นขอรับประกันความสด กระทั่งเวลานี้มันก็ยังมีชีวิตอยู่!”
“เมนูอย่างไก่ไฟคำรนทางเราเองก็มีเหมือนกัน!”
เฉียนหยวนพอได้ยินคำแนะนำอย่างกระตือรือร้นของพ่อครัว เขาก็หลั่งเหงื่อเย็นออกมา เกรงว่าคราวนี้ตนคงต้องเสียเงินจำนวนมากเป็นแน่
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงเหมือนจะไม่สนใจ เพราะมันไม่มีอะไรน่าอร่อยเลย สุดท้ายเอ่ยปาก “ฉันเพิ่งจะล่างูสัตว์ร้ายมา งั้นก็เอาเนื้อมันไปทำอาหารเลี้ยงทุกคนเถอะ”
พลังสมาธิของฉินเฟิงจัดการแล่หนังงูในพื้นที่มิติ แยกแก่นพลังงาน และสับเนื้อยาว 1 เมตรของมันมอบให้กับพ่อครัว ซึ่งปริมาณนี้น่าจะเพียงพอให้อีกฝ่ายนำไปทำอาหาร!
“ขอรับ ท่านผู้ใหญ่โปรดรอสักครู่”
พ่อครัวแยกตัวออกไปวุ่นกับวัตถุดิบ อีกทั้งมอนิเตอร์ยังถูกเปิด จากบนโต๊ะคุณสามารถรับชมกระบวนการทำอาหารทั้งหมดได้
ความนับถือของเฉียนหยวนที่มีต่อฉินเฟิงเพิ่มขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“มิสเตอร์ฉิน อันที่จริงผมสัญญาว่าจะเลี้ยง แต่สุดท้ายคุณกลับเป็นฝ่ายหยิบยื่นวัตถุดิบให้ นี่ช่างน่าอายจริงๆ”
“ช่างมันเถอะน่า วัตถุดิบนั่นมันก็ไม่ได้สำคัญอะไร”
“ใช่ๆ พี่ฉินมองยังไงก็เป็นผู้ใช้พลังที่ร่ำรวย ฉะนั้นไม่เก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจหรอก!” ฟางหยูเร่งกล่าว
“พี่ฉินดูเก่งกาจมากๆเลย คุณเป็นผู้ใช้อบิลิตี้หรือว่าผู้ใช้วรยุทธโบราณงั้นหรอ!” ฟางหลิงเอ่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
ทว่าสีหน้าของฉินเฟิงกลับไร้ซึ่งความเปลี่ยนแปลง เขาเพียงแค่ยกชาขึ้นจิบ มิเอ่ยตอบคำถามของเด็กสาวทั้งสอง