โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 302
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.302 – จักรพรรดิสัตว์ร้ายแห่งถังซาน
สิบนาทีต่อมา ซูซิงฝูก็เดินทางมาถึงคฤหาสน์ของฉินเฟิง
เมื่อเห็นฉินเฟิงปลดปล่อยกำลังภายในรูปบบของเหลวด้วยตาตัวเอง ซูซิงฝูถึงค่อยยอมรับความจริงในที่สุด
“แต่ความแข็งแกร่งทางกายภาพของผมยังอยู่แค่เลเวล E9 , พลังสมาธิก็เหมือนกัน ดังนั้นคงต้องตั้งใจฝึกฝนต่อไป” ฉินเฟิงสารภาพ
มีพลังพิเศษดูดกลืนที่ทรงพลังอยู่ในครอบครอง ฉินเฟิงมั่นใจเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน
หากคนอื่นๆอยากมีความแข็งแกร่งทางกายภาพเหมือนฉินเฟิง เกรงว่าพวกเขาจำต้องทุ่มเทพยายามอย่างหนัก ถึงจะเป็นไปได้
“ผู้ว่าการ อย่าเหน็บแนมฉันเลย ฉันก็กำลังตั้งใจฝึกอยู่นี่ไง โถ่!” เมื่อนำตนเองมาเทียบเปรียบกับฉินเฟิง ซูซิงฝูอดรู้สึกละอายไม่ได้จริงๆ
ฉินเฟิงยิ้ม ปฏิเสธคำครหานี้ “ที่ผมโทรหาคุณและแสดงพลังเลเวล D ให้ดู เหตุผลส่วนใหญ่ก็เพราะต้องการบอกว่า ผมจะออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกอีกครั้ง … ตัดสินใจแล้วว่าจะไปแนวหน้า จะกลับมาอีกทีอาจใช้เวลาถึง 3 เดือน อยากให้คุณเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ด้วย ”
สีหน้าของซูซิงฝูกลายเป็นหนักอึ้งทันใด
แนวหน้า! นั่นคือสถานที่ๆมนุษย์กับสัตว์ร้ายห้ำหั่นกันอย่างแท้จริง
เนื่องจากรอยแยกมิติไม่สามารถปิดผนึกได้ จึงมีสัตว์ร้ายปรากฏขึ้นมาใหม่ในทุกๆวัน มนุษย์เลยจำเป็นต้องออกสังหารอย่างต่อเนื่องเพื่อปกป้องแผ่นดินเกิดของตนเอง
ผู้ใช้พลังเลเวล D จะต้องไปต่อสู้ที่แนวหน้า หากชนะจะได้รางวัลมหาศาล แต่มันเต็มไปด้วยอันตราย
ดังนั้น การที่คนๆหนึ่งสามารถก้าวขึ้นสู่เลเวล D ได้ มันไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องที่ดีเลย เพราะผู้ที่เสียชีวิตในแนวหน้า มีนับไม่ถ้วน!
สมมติว่าฉินเฟิงเกิดอุบัติเหตุขึ้นที่แนวหน้า สถานชุมชนเฟิงหลีที่ขาดเสาหลักก็จะพังทลายลงในคราวเดียว!
“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรีบทุ่มเทใช้เวลาที่มีเร่งฝึกฝนตัวเอง”
ดังนั้น สถานชุมชนเฟิงหลีจึงต้องการใครบางคนที่แกร่งพอไว้คอยดูแล
“อ่า นั่นแหละคืออีกส่วนหนึ่งที่เรียกคุณมา เพราะผมตั้งใจจะมอบสิ่งนี้ให้แก่คุณ” ว่าจบฉินเฟิงก็หยิบบัตรหยกออกมา
ซูซิงฝูตกใจเล็กน้อย “นี่มันตั๋วเข้าสุสานเทพสงครามไม่ใช่หรอ? ฉันอายุเกินแล้ว ไม่มีประโยชน์หรอก อีกอย่างได้ข่าวว่าสุสานเทพสงครามหายไปแล้วนี่”
ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มจาง “หายไปแล้วก็จริง แต่หลังจากนี้ไป สุสานเทพสงครามจะกลายเป็นของพวกเราเฟิงหลี!”
ซูซิงฝูต้องตกใจอีกครั้ง
“สิ่งที่ผู้ว่าการอยากจะบอกก็คือ … คงไม่ใช่อย่างที่ฉันเข้าใจหรอกนะใช่ไหม!! ”
ฉินเฟิงยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
แต่ท่าทีเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องตอบก็สื่อความหมายได้ชัดเจน
ซูซิงฝูค้นพบใจความสำคัญได้อย่างรวดเร็ว
แม้สุสานเทพสงครามจะหายไปในเวลาเพียงแค่หนึ่งวัน แต่ช่วงเวลานั้นโจวฮ่าวได้เดินทางไปเข้าร่วมมัน อีกทั้งเขายังเป็นสหายสนิทกับฉินเฟิง ซูซิงฝูเลยให้ความสนใจเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังทราบถึงเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นในสี่เมืองทะเลเหนือ
เมื่อจับสิ่งต่างๆเหล่านี้มัดรวมเข้าด้วยกันแววตาของซูซิงฝูก็คล้ายล่องลอยออกไปไกลแสนไกล –ไม่ว่าจะเป็นปัจจุบัน หรือก่อนยุคโลกาวินาศ สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเลือนหายไปเลยก็คือ ‘เรื่องราวเล่าขาน’ ที่ผู้คนมักจะพูดถึง เดิมซูซิงฝูแค่ฟังแต่ก็ไม่ค่อยสนใจ
อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่คาดคิดเลย ว่าเรื่องราวซึ่งโจษจันกล่าวขวัญ ดันเกิดจากน้ำมือของคนใกล้ตัวของตนเอง!
สังหารอัจฉริยะรุ่นเยาว์ซงหยวน ต่อด้วยผู้ดูแลที่คอยพิทักษ์เขา
จากนั้นก็ตั้งสมญาว่าบลัดฮันเตอร์
อาวุโสเจ็ดซึ่งเป็นเลเวล D ตกตายด้วยเงื้อมมือเขา
จากนั้นก็พลิกจากฝ่ายถูกลอบฆ่ามาเป็นฆ่าซะเอง สังหารแม่มดปีศาจพันหน้า และเลเวล E ที่ลอบติดตามไปมากมาย กระทั่งเลเวล D อีกคนก็ไม่ละเว้น
หลังจากเข้าไปยังสุสานเทพสงคราม เขาก็กลับออกมาพร้อมอำนาจทรงพลังยิ่งกว่าเดิม สามารถสังหารรักษาการผู้นำตระกูลซงลงได้ สยบผู้ใช้วรยุทธโบราณของตระกูลชั้นสูงจนเรียบ สุดท้ายเดินจากไปอย่างองอาจ
กลายเป็นตำนาน!
แต่คนในตำนานที่ว่า บัดนี้กำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าตนเอง!
สมองของซูซิงฝูแทบไม่สั่งการ เขาไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรออกไปดี
“ผู้ว่าการ ว่าแต่ตั๋วสุสานเทพสงครามนี่ให้มาทำไมกัน?”
“เพื่อให้คุณเข้าไปฝึกยุทธ สามารถเข้าสู่ศาลาวรยุทธได้ตลอดเวลา เลือกเรียนรู้เทคนิคที่เหมาะกับตัวคุณ แต่สำหรับเรื่องนี้ ฉันยังไม่สะดวกที่จะบอกทุกคน เอาไว้คุณสามารถไปถึงเลเวล E ให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน” ฉินเฟิงกล่าว
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว” ซูซิงฝูพยักหน้ารับ
บัตรหยกสุสานเทพสงคราม โจวฮ่าวก็มีอีกหนึ่งในมือ
โจวฮ่าวเป็นคนที่ฉินเฟิงไว้วางใจมากที่สุด
ในขณะที่ซูซิงฝูคือบุคคลสำคัญที่ฉิงเฟิงต้องพึ่งพาความคิดเห็นมากที่สุด
หากถามว่าในบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชา ฉินเฟิงอยากให้ใครแข็งแกร่งขึ้นมากที่สุด ย่อมไม่พ้นสองคนนี้ เพราะอย่างน้อยถ้าเป็นทั้งสอง ในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น สถานชุมชนก็ยังมีพวกเขาคอยดูแล
“รับทราบท่านผู้ว่าการ แต่คุณบอกว่าคิดจะออกไปฝึกฝนอีกครั้ง คราวนี้ยังมีที่ไหนน่าไปอีกหรือ?” ซูซิงฝูเอ่ยถาม เพราะเวลานี้ไม่มีสถานที่ใดมีข่าวคราวเป็นพิเศษเลย
“อ้อ ผมจะไปสันเขาถังซาน!” ฉินเฟิงตอบ
สันเขาถังซาน ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของฟูเฉิง ห่างไกลจากเมืองเฉิงหยางและเมืองไห่ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ตัดผ่านระหว่างสามเฉิงกับสี่เมืองทะเลเหนือ
สถานที่แห่งนี้มีสัตว์ร้ายกระจุกตัวกันหนาแน่น พืชพันธุ์นานาชนิดเกิดการกลายพันธุ์
เป็นพื้นที่ที่มนุษย์ต่ำกว่าเลเวล D ไม่สมควรเหยียบย่างเข้าไป
ยิ่งไปกว่านั้น ทุกๆปีอาจจะมีสัตว์ร้ายโผล่ออกมาจากสันเขาถังซานโจมตีเมืองฟูเฉิง แต่กองทัพสัตว์ร้ายนี้จะไม่มากมายเทียบเท่ากับกองทัพสัตว์ทะเลที่บุกชายหาดเมืองไห่ มันยังพอสามารถหยุดได้
อย่างไรก็ตาม ภายในสันเขาถังซาน มีตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวอาศัยอยู่
คำๆนี้ทำเอาซูซิงฝูเผยสีหน้าตะลึงงัน! เขาทำธุรกิจมานาน เป็นธรรมดาที่จะได้รับข่าวสารเกี่ยวกับมัน
“ผู้ว่าการ อย่าบอกนะว่าที่คุณต้องการมีส่วนร่วมกับภารกิจนั้น เป็นเพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิสัตว์ร้าย!”
“ถูกต้อง”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้” ซูซิงฝูรับคำ ย้อนนึกไปถึงข่าวสารล่าสุด
สองเดือนก่อน เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยครั้งในสันเขาถังซาน มีผู้คนมากมายเข้าไปตรวจสอบ จนในที่สุดก็พบต้นเหตุ
สันเขาถังซานมีพื้นที่กว้างขวางเป็นพิเศษ ณ ตำแหน่งใจกลางมัน ปรากฏถึงการดำรงอยู่ในระดับจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล D
มีเฉพาะสัตว์ร้ายเลเวล D หรือสูงกว่าเท่านั้น ที่จะสามารถวิวัฒนาการเป็นจักรพรรดิสัตว์ร้ายได้
จักพรรดิสัตว์ร้าย ครอบครองความแข็งแกร่งชนิดสั่นสะเทือนปฐพี!
ยังไงก็ตาม ในสันเขาถังซานยังมีราชันย์สัตว์ร้ายตนอื่นๆอาศัยอยูู่เช่นกัน และพวกมันต่างก็มีอาณาเขตเป็นของตัวเอง และในตอนนี้ จักรพรรดิสัตว์ร้ายที่กล่าวมาข้างต้นกำลังจะตาย!
อายุขัยของมันมากแล้ว แก่เกินไป
จักรพรรดิสัตว์ร้ายตัวนี้มาจากมิติอื่น ไม่รู้ว่ามันมีชีวิตอยู่มานานเท่าไหร่ แต่ที่รู้คืออายุมากแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง ราชันย์สัตว์ร้ายตนอื่นๆจึงต้องการที่จะสังหารจักรพรรดิสัตว์ร้ายลง และกลืนกินแก่นพลังงานของอีกฝ่าย หมายจะยกระดับตนขึ้นเป็นจักรพรรดิแทน
ผู้นำฟูเฉิงพอได้รับข้อมูล ก็เร่งถ่ายทอดมันออกไปทันที เหตุผลหลักเพราะหวาดเกรงว่าจะเกิดจักรพรรดิตนใหม่
จักรพรรดิสัตว์ร้ายตัวเดิมอายุมากแล้ว ดังนั้นมันไม่มีความคิดท่องไปไหนมาไหน ตรงกันข้าม หากถือกำเนิดจักรพรรดิตนใหม่ขึ้นมา แล้วในกรณีที่มันเกิดมีภูมิปัญญาสูงส่ง มันคงมิแคล้วคิดออกจากสันเขาถังซาน และก้าวเข้าสู่อาณาเขตมนุษย์
หากเกิดกรณีที่ว่าขึ้นมา เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหยุดยั้ง
แน่นอน ว่าข้อมูลในเชิงขอความช่วยเหลือนี้ มีหลายฝ่ายตอบรับ แต่ทั้งหมดล้วนมีความคิดเห็นเหมือนๆกัน นั่นคือต้องการคว้าผลกำไร เพราะท้ายที่สุดแล้ววัตถุดิบระดับจักรพรรดิเป็นอะไรที่หายากอย่างแท้จริง!
ผู้นำเมืองไห่คนใหม่ –เล่ยเฉินเองก็เข้าร่วมภารกิจนี้เช่นกัน นี่คือสาเหตุที่เขาไม่ได้ไปเข้าร่วมปราบปรามกองทัพสัตว์ทะเล
ส่วนเทศมนตรีเมืองเฉิงหยาง ไป่เทียนหยางเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ขนาดสามเฉิงยังส่งคนออกไป สี่เมืองทะเลเหนือที่กำลังมีปัญหาด้านทรัพยากรและเศรษฐกิจคงไม่ต้องกล่าวถึง เกรงว่าพวกเขาจะส่งคนไปมากยิ่งกว่าซะอีก
และภารกิจที่สามารถได้รับผลกำไรมหาศาลเช่นนี้ ฉินเฟิงจะไม่เข้าร่วมได้อย่างไร?
ซูซิงฝูไม่คาดคิดถึงกรณีนี้มาก่อน ทั้งหมดก็เพราะฉินเฟิงเพิ่งเข้าร่วมสำรวจสุสานเทพสงครามกับกลุ่มรุ่นเยาว์ไปหมาดๆ แต่ภารกิจล่าสุดนี้คือการเข้าร่วมกับกลุ่มเทศมนตรีเมืองใหญ่ นี่มันกระโดดข้ามอันดับมากเกินไป ซูซิงฝูนึกตามไม่ทัน
ปัจจุบัน เพียงลมหายใจเดียว ฉินเฟิงก็ติดปีกทะยานไปอีกขั้นเสียแล้ว
“ในเมื่อตัดสินใจแบบนี้ งั้นฉันคงไม่รบกวนแล้ว เชิญผู้ว่าการไปพักผ่อนเถอะ” ซูซิงฝูขอตัว ฉินเฟิงเดินไปส่งอีกฝ่าย
หลายวันมานี้เขาไม่ได้นอนแบบดีๆเลย ฉินเฟิงทิ้งตัวลงบนเตียงอ่อนนุ่ม กอดไป๋หลีแล้วผล็อยหลับไป
วันถัดมา
ฉินเฟิงเตรียมออกเดินทาง ไป๋หลีถูกบังคับให้สวมใส่เกราะรบเป็นพิเศษ
ฉินเฟิงมองตัวเองในกระจก ทั้งคนทั้งร่างบรรยากาศดูเปี่ยมไปด้วยพลัง แม้การแต่งกายจะไม่ดูหรูหรา แต่ก็คล้ายกับให้ความรู้สึกอะไรบางอย่าง ดูดีกว่าที่แล้วๆมา
บังเกิดความคิดขึ้นในจิตใจของฉินเฟิง ว่าในเมื่อตนเองหล่อเหลาถึงเพียงนี้ หากมีภรรยาสาวสวยมาอยู่ร่วมกันในคฤหาสน์ด้วยคงจะดีไม่น้อย …