โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 313
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.313 – ไม่เคยใช้
ฉินเฟิงไม่คิดถกปัญหากับคนเหล่านี้!
“รู้อะไรไหม? ผมเพิ่งมาที่นี่เมื่อวานตอนบ่าย แต่ก็เริ่มลงมือทันที เริ่มจากลอบเข้าไปในถ้ำงูเหลือมเกล็ดทองคำ ขโมยไข่มันออกมา และโยนเข้าไปในรังของจักรพรรดิสัตว์ร้าย!”
ฉินเฟิงชี้ไปยังภูเขาลูกหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป
ในฝูงชน บางคนก็ทราบถึงเรื่องนี้แล้ว แต่บางคนก็ยังไม่รู้
แต่เมื่อได้ยินคำของฉินเฟิง ทั้งสรรพางค์กายของพวกเขาพลันสั่นสะท้าน
เรื่องมุทะลุอย่างนั้น ฉินเฟิงสามารถทำมันได้อย่างไร!
“ถ้าไม่ใช่เพราะผม สามราชันย์สัตว์ร้ายคงไม่ลงมือโจมตีจักรพรรดินกยูง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ทั้งสี่ตัวนั่น ผมเป็นคนฆ่าเองกับมือ ไม่ใช่พวกคุณ!”
กล่าวถึงจุดนี้ สายตาของฉินเฟิงกลายเป็นเฉียบคม มันเปล่งประกายและเจิดจ้าดั่งดวงอาทิตย์ กวาดไปที่ใดก็คล้ายกับแผดเผาไปที่นั่น ใบหน้าของฝูงชนเริ่มร้อนผ่าว
“และความแข็งแกร่งของผม ทุกคนก็ได้เห็นแล้ว ถ้าหากพวกคุณยังดึงดันทุ่มกำลังกดดัน เพื่อขอให้ผมเสียสละวัตถุดิบให้ พวกคุณไม่กลัวหรือว่าพอผมเติบใหญ่ขึ้นในอนาคต จะไม่มาแก้แค้นพวกคุณในภายหลัง? คงไม่อยากเสียวันเวลาแห่งความสุขไปหรอกกระมัง”
ดวงตาของทุกคนเริ่มฉายแววลังเล
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ศักยภาพของฉินเฟิงถือว่ายอดเยี่ยมอย่างแท้จริง
หากคิดเฉพาะแค่เรื่องศักยภาพคงตัดสินใจไม่ยากอะไร พวกเขาย่อมเลือกสังหารฉินเฟิงและฉกชิงสมบัติมาเป็นของตนเอง แต่ปัญหาก็คือ ฉินเฟิงดันแข็งแกร่งด้วยเนี่ยสิ
แข็งแกร่งเกินไป ทุกคนในที่นี้ไม่มีใครสามารถฆ่าเขาได้
ฉินเฟิงเอ่ยปากอีกครั้ง “ที่นี่คืออาณาเขตของราชันย์สัตว์ร้าย ฉะนั้นย่อมมีหญ้าวิญญาณและผลไม้วิญญาณขึ้นอยู่ทุกที่ และตอนนี้พวกสัตว์ร้ายราชันย์และจักรพรรดิก็ได้ตายไปแล้ว แทนที่ทุกคนจะมาต่อสู้กับผมเพื่อแย่งชิงวัตถุดิบของพวกมันที่นี่ ควรรีบออกไปค้นหาวัตถุดิบอื่นๆไม่ดีกว่าหรือ? เพราะหลังจากนี้ไป พวกคุณจะสามารถกลับมายังสันเขาถังซานอีกครั้งได้รึเปล่า ยังไม่รู้เลย”
ราชันย์สัตว์ร้ายไม่อยู่แล้ว เป็นธรรมดาที่ทรัพยากรของมันจะตกอยู่ในกำมือของสิ่งมีชีวิตอื่น ใครจะรู้ ในอีกหลายปีให้หลัง สันเขาถังซานจะมีสัตว์ร้ายตัวอื่นปรากฏขึ้นอีกหรือไม่
ประโยคที่ฉินเฟิงเอ่ยออกมา แม้ผู้คนจะไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องยอมรับมัน
นั่นเพราะเหตุผลเพียงหนึ่งเดียว —อีกฝ่ายแข็งแกร่ง!
ทั้งหมดทราบดี ว่าต่อให้ทุกคนร่วมมือกัน ก็ไม่สามารถมีชัยเหนือฉินเฟิงได้
และคำพูดของฉินเฟิงเมื่อครู่ แท้จริงแล้วยังมีอีกความหมายหนึ่งซ่อนอยู่ นั่นคือ : ข้าหยิบยื่นซุปให้พวกเจ้าแล้ว อย่าแม้แต่จะคิดถึงเรื่องกินเนื้ออีก
“ฉินคิดว่ามิสเตอร์ฉินก็พูดถูกนะ ทุกคนรีบฉวยโอกาสในตอนที่แรงกดดันของราชันย์สัตว์ร้ายยังอยู่ อาศัยช่วงเวลาที่สัตว์ร้ายตัวอื่นๆยังไม่ตอบสนอง เก็บเกี่ยวทรัพยากรในสันเขาถังซานดีกว่า แต่คงต้องรีบกันหน่อยแล้ว เพราะถ้าผ่านตอนนี้ไป คงไม่มีโอกาสอีก”
เหมิงหลินผู้นำเมืองนุ่ยเหมิงเอ่ยขึ้น
อีกทั้งนี่ยังเป็นวิธีแก้ปัญหาด้วย
อย่างไรก็ตาม ทุกคนกลับยังไม่ยอมจากไป ทั้งหมดเบนสายตามามองฉินเฟิง
“พวกคุณมองผมทำไมกัน? ผมจะกลับแล้ว ไม่เข้าไปแย่งหรอก!” ฉินเฟิงกล่าว
การเก็บเกี่ยววัตถุดิบสมุนไพรวิญญาณหลังจากนี้ เขาจะไม่เข้าร่วม!
เพราะเกรงว่าสมุนไพรดีๆจะถูกจักรพรรดินกยูงเพลิงฟ้ากินไปหมดแล้วเพื่อใช้ยืดอายุขัยของมัน
แม้น่าจะยังมีบางส่วนหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ก็น้อยนิด ฉินเฟิงคร้านใจตามหามัน สำหรับเขา มูลค่าของสมุนไพรวิญญาณ ไม่อาจทำกำไรได้สูงเท่ากับการสังหารสัตว์ร้าย เรียกว่าเสียเวลาเปล่าๆ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว สมุนไพรวิญญาณมิใช่โง่งม พวกมันย่อมพยายามปกป้องตนไม่ให้ถูกถอน บางต้นอาจเปลี่ยนตำแหน่งเอง ไปหลบซ่อนอยู่ในส่วนลึก ซึ่งสันเขาถังซานน่ะมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก หากต้องการจะตามหามันจริงๆ เกรงว่าระยะเวลา10 – 15 วันคงไม่เพียงพอ
“ก็ดี! ในเมื่อผู้ว่าการฉินไม่คิดเข้าร่วม งั้นอันดับแรกพวกเราไปช่วยแยกย้ายกันหาของเถอะ ตามสำนวนสันติภาพนำมาซึ่งความมั่งคั่งไง อย่าเพิ่งขัดแย้งกันเลย”
เหมิงหลินไกล่เกลี่ยด้วยเสียงหัวเราะ เดินไปหาแต่ละคน ทั้งยังแสดงท่าทีเป็นเชิงเตือนกลายๆ
ทุกคนพยักหน้าตอบตกลง
มีเพียงซงหยูหมังเท่านั้นที่นิ่งงัน ยังคงมองไปยังฉินเฟิงด้วยความดุร้ายที่แฝงอยู่ในแววตา คล้ายกำลังคิดหาวิธีกำจัดฉินเฟิง
ทุกคนต่างแยกย้าย แต่กลับมีคนหนึ่งยังไม่ยอมจากไป
–เป็นฟูฉีผู้นำเมืองฟูเฉิง
“ผู้ว่าการฉิน ฉันได้ยินชื่อคุณมานานแล้ว โลโก้เลเวล E ของคุณเอง ก็เป็นทางฟูเฉิงของฉันที่มอบให้” ฟูฉีกล่าวด้วยรอยยิ้ม ยื่นมือออกไป
“ใช่แล้วครับ ผมไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับผู้นำเมืองฟูเฉิงที่นี่”
ทั้งสองจับมือกัน
“เอาล่ะ ฉันจะไม่อ้อมค้อม ผู้ว่าการฉิน ฉันอยากจะรู้ว่าแก่นอบิลิตี้ของราชันย์กอริลลามงกุฏสีชาดในมือ คุณพอจะขายมันได้รึเปล่า?”
ราชันย์กอริลลามงกุฏสีชาดเป็นสัตว์ร้ายธาตุไม้ ฟูฉีเองก็เป็นผู้ใช้อบิลิตี้ไม้
“คุณต้องการจะซื้อมันหรือ?” ฉินเฟิงถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ ส่วนราคาก็ 16,000 ล้านเหรียญเป็นอย่างไร?” เมื่อถึงประโยคนี้ ฟูฉีกัดฟันกล่าว
เงินเหล่านี้สำหรับเขา มันคือทรัพย์สินทั้งหมด!
อย่างไรก็ตาม นั่นคือแก่นอบิลิตี้ของราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล D อีกทั้งยังเป็นธาตุเดียวกัน ฉะนั้นถือว่าคุ้มค่า
ตรงกันข้าม หากนี่เป็นแค่แก่นพลังงาน ราคาคงตกเหลือแค่ประมาณ 5,000 – 6,000 ล้านเหรียญเท่านั้น
ฉินเฟิงพยักหน้า เอ่ยสั้นๆ “ไม่มีปัญหา”
“อะ .. โอ้ว! ขอบคุณผู้ว่าการฉิน ฮ่าฮ่าฮ่า”
ทั้งสองแลกเปลี่ยนกัน ธุรกรรมจำนวนเงินมหาศาลถูกถ่ายโอน
“ผมกำลังโทรเรียกฮอลศึกของกลุ่มซ่งเฉิงมาเพื่อเดินทางกลับ ผู้นำฟูสนใจกลับด้วยกันไหมครับ?” นี่ไม่ใช่แค่คำชักชวน แต่ยังเป็นการแสดงเจตนาดีของฉินเฟิง เพราะที่นี่คือท่ามกลางทุ่งล่า ผู้ใช้อบิลิตี้อย่างฟูฉีไม่สมควรอยู่ลำพัง มันอันตรายเกินไป แม้จะแข็งแกร่ง แต่ถ้าถูกลอบโจมตี น่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซงหยูหมัง ฉินเฟิงกับเขาทำธุรกิจกันอย่างเปิดเผยยุติธรรม เป็นเรื่องยากที่ผู้คนจะไม่รู้สึกละโมบ
อย่างไรก็ตาม ความหวังดีนี้จะประสบผลหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าฟูฉีไว้วางใจฉินเฟิงรึเปล่า
“แบบนั้นมันก็เหมือนกับการนั่งรถชมทิวทัศน์กับผู้ว่าการฉินเลยน่ะสิ โอเค ฉันตกลง”
ฟูฉีไม่ปฏิเสธ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับบุคลิกของฉินเฟิงมาก่อน รู้สึกว่าหากจริงใจต่ออีกฝ่าย อีกฝ่ายก็ย่อมจริงใจตอบกลับมา ฉะนั้นเชื่อถือได้
สองชั่วโมงต่อมา บนท้องฟ้าเริ่มปรากฏแสงรำไร ช่วงเวลาเช้าตรู่ได้มาเยือนแล้ว
เหนือน่านฟ้าของสันเขาถังซาน ปรากฏฮอลศึกลำหนึ่งค่อยๆลดระดับลง และคนขับคือคนเดียวกับที่มาส่งฉินเฟิงเมื่อวันก่อน
คราวนี้ฮอลศึกเดินทางมาอย่างปลอดภัย ไม่มีสัตว์ร้ายแม้แต่ตัวเดียวกล้ามารบกวนเขา นั่นเป็นเพราะเหล่าสัตว์ร้าย ทั้งหมดสามารถได้กลิ่นอายของจักรพรรดิเล็ดลอดออกมาจากร่างกายของฉินเฟิง
“ผู้นำฟู เชิญ!”
“ฮ่าฮ่า งั้นฉันขอขึ้นไปก่อนนะ”
เถาวัลย์พลันงอกเงยขึ้นใต้เท้าของฟูฉี ส่งเขาขึ้นไปยังฮอลศึก ฉินเฟิงโอบเอวไป๋หลี ย่ำฝ่าเท้าเล็กน้อย ใช้กำลังภายในส่งเขาและเธอขึ้นไป
“ผู้ว่าการฉิน!” เค่อเซี่ยงซัวหันมาทักทายเขา ในดวงตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ครั้งนี้คุณร่วมเดินทางกับผู้นำฟูอย่างงั้นหรือ? จริงรึเปล่าที่การต่อสู้จบลงแล้ว?”
ฟูฉีเป็นคนง่ายๆ ไม่ถือทิฐิ ยิ่งคราวนี้เขาได้รับแก่นอบิลิตี้ระดับราชันย์ ในหัวใจก็ยิ่งมีความสุข เขาไม่ถือสา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ใช่ ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งสิบกว่าวันแล้ว ไม่เหมือนหัวหน้าฉิน แค่วันเดียวก็กลับ”
ความอยากรู้อยากเห็นของเค่อเซี่ยงซัวยิ่งมากเป็นเท่าทวี
หลังจากที่เขาได้รับรู้ถึงความสยองขวัญในครั้งก่อน เดิมก็ไม่อยากจะมาที่นี่อีก แต่คราวนี้ฉินเฟิงขอให้เขามารับในสถานที่ปลอดภัยกว่าครั้งก่อนมาก เค่อเซี่ยงซัวจึงตัดสินใจรับงานนี้ หากเป็นตำแหน่งอื่นแล้ว เกรงว่าเขาคงไม่กล้ามา
คนเราจำเป็นต้องมีรายได้เพื่อประทังชีวิตก็จริง แต่หากไม่มีชีวิตให้ใช้ เรื่องเงินคงไม่ต้องกล่าวถึง
“ผมก็แค่ชอบลงมือทำมากกว่ารอ ถ้าไม่ทำอะไรเลยคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ก็ต้องอาศัยความแข็งแกร่งร่วมด้วย!” ฟูฉีถอนหายใจเฮือกหนึ่ง มันจะมีใครบ้างเล่า ที่สามารถลอบเข้าไปในรังของงูเหลือมเกล็ดทองคำได้!
ยังไงก็ตาม พอคิดถึงเรื่องนี้ ฉินเฟิงยังมีไข่ของงูเหลือมเกล็ดทองคำอยู่อีกหรือเปล่านะ? ถ้ามี ถึงจะน่าเสียดายที่มันตายไปแล้ว แต่คุณค่าทางอาหารสมควรไม่ตกต่ำลงมากจนเกินไป น่าจะสามารถนำไปกินได้
น่าอิจฉาซะจริงๆ!
ในเวลานั้นเอง ไป๋หลีที่อยู่ข้างกายฉินเฟิง และเงียบงันตลอดมาก็พลันเอ่ยขึ้น “ฉันคิดว่าขนนกยูงพวกนี้สวยมากเลย อยากเอาไปทำกระโปรงจัง!”
สิ่งเหล่านี้คือวัตถุดิบของจักรพรรดิสัตว์ร้าย และไป๋หลีก็โตพอที่จะมีความคิดเรื่องเกี่ยวกับเงินแล้ว เธอจึงไม่ตัดสินใจทำโดยพลการหากไม่ได้รับอนุญาต
“ก็เอาสิ ว่าแต่เก็บมาได้เท่าไหร่กัน?” ฉินเฟิงไม่ตั้งใจจะปกปิด เขามีความคิดที่จะขายขนนกยูงพวกนี้ด้วยซ้ำ
“น่าจะประมาณร้อยกว่าเส้นนะ”
ขนนกยูงยาวสั้นปะปนกันไป หากทั้งหมดยังติดอยู่บนตัวจักรพรรดินกยูงเพลิงฟ้าแล้วล่ะก็ ยามมันรำแพนหางออกมา คงต้องเป็นภาพที่มหัศจรรย์มากแน่ๆ น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถรับชม
ประมาณร้อย? อืม ค่อยข้างเยอะแฮะ
“มีมากขนาดนี้ เธอเอาไปใช้ตามสบายเลย” ขณะกล่าว ฉินเฟิงก็มอบรูบิควิเศษให้กับไป๋หลี หากทำกระโปรงโดยเจ้าสิ่งนี้ จะสะดวกกว่ามาก
“ขอบคุณที่รัก!” ไป๋หลีกระโดดหอมแก้มฉินเฟิง แล้วปลีกตัวไปอีกทางหนึ่ง
เธอนำวัตถุดิบออกมาเป็นครั้งคราว แค่กลิ่นอายของมัน ก็ทำเอากัปตันเลเวล E และเทศมนตรีเลเวล D รู้สึกขนลุกเกรียว แต่ก็ยังไม่วายอิจฉาตาร้อน!
ไอ้เด็กนี่มันสายเปย์ ตามใจเมียนี่หว่า!!