โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 329
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.329 – เมฆคราม
ฉินเฟิงเปิดคริสตัลกล่องต่อไป แล้วยื่นให้ไป๋หลีอีกครั้ง และอีกครั้ง
แก่นพลังงานราชันย์สัตว์ร้าย ก้อนแล้วก้อนเล่าถูกกลืนลงสู่กระเพาะโดยตรง
ในชั่วพริบตาเดียว ความแข็งแกร่งของไป๋หลีก็ทะยานจากเลเวล E 5 สู่ เลเวล E9 !
สำหรับสัตว์ร้ายมิติ ตราบใดที่คุณมอบพลังงานให้แก่มันมากพอ มันก็จะสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว พลังมิติสามารถขยายความจุในการสะสมพลังงานภายในร่างกายได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด นี่เองที่ทำให้ไป๋หลีแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
สัตว์ร้ายเช่นนี้ ครอบครองศักยภาพไร้ขีดจำกัดก็จริง แต่หากคิดจะเลี้ยงสัตว์ร้ายอย่างไป๋หลี ต้องมีทุนหนาเป็นอย่างมาก … หนาจนน่าหวาดกลัว!
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจะให้ไป๋หลียกระดับจากเลเวล E สู่ D คุณจะต้องมีแก่นพลังงานราชันย์สัตว์ร้ายอย่างน้อย 50 ก้อน!
โชคยังดี ที่ไป๋หลีไม่ต้องการใช้แก่นพลังงานจักรพรรดิสัตว์ร้าย มิฉะนั้นแล้ว เกรงว่าต่อให้เป็นฉินเฟิงก็ยากจะทุ่มเงินเปย๋ให้กับเธอได้
ในชั่วพริบตาเดียว แก่นพลังงานเลเวล E กว่า 30 ก้อนก็ถูกส่งลงสู่กระเพาะของไป๋หลี หางของเธอเริ่มเปล่งประกายสีเงิน จนเกือบจะคล้ายกับเสาแสง
แสงนี้เจิดจ้ามากจนทำเอาฉินเฟิงไม่สามารถลืมตามองได้
เฝ้ารอจนกระทั่งแสงนี้แผ่วลง ฉินเฟิงถึงเปิดตาขึ้นได้อีกครั้ง เขาพบว่าไป๋หลีวิวัฒนาการขึ้นไปอีกขั้น ปัจจุบันสูงถึง 4 เมตร ทุกๆสรีระปกคลุมไปด้วยขนสีเงิน และเบื้องหลัง มีถึง 4 หางกำลังส่ายไปมา
และกลิ่นอายที่แผ่ออกจากกายเธอ ยังเป็นกลิ่นอายที่แตกต่างออกไปจากเดิม–
–กลิ่นอายระดับจักรพรรดิ!
ในที่สุดเธอก็สามารถก้าวสู่เลเวล D และเลื่อนระดับขึ้นเป็นจักรพรรดิเสียที!
ฉินเฟิงหยิบแก่นพลังงานราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล D ขึ้นมา
“รีบกินต่อเถอะ ของพวกนี้มีประโยชน์ต่อเธอ ลองชิมดู แล้วบอกฉันมา ว่าเธอต้องการแก่นพลังงานราชันย์เลเวล D ทั้งหมดกี่ชิ้น ถึงจะสามารถวิวัฒนาการเป็นเลเวล C ได้”
ไป๋หลีลดศีรษะลง แก่นพลังงานราชันย์เลเวล D พวกนี้มีขนาดใหญ่มาก ไม่รอช้า เธอเริ่มกัดกร้วม กร้วม ทันที!
10 แก่นพลังงานราชันย์เลเวล D หมดไป ผลลัพธ์คือช่วยให้ไป๋หลียกระดับขึ้นถึงสองขั้น จากเลเวล D ธรรมดา เป็น D2
“จากที่ลองกินดู น่าจะต้องการอีก 40 ก้อน!” ไป๋หลีตอบกลับไป
ฉินเฟิงคำนวณราคาอย่างรวดเร็ว และพบว่าจำเป็นต้องใช้เงินอีกราวๆ 200,000 ล้านเหรียญ!
เงินจำนวนนี้สูงเกินไปสำหรับฉินเฟิงในปัจจุบัน ทั้งยังชวนให้เขารู้สึกหน้ามืดวิงเวียน
นี่เองสินะ ที่ผู้คนเคยกล่าวกันว่า หญิงยิ่งงามยิ่งเอาใจยาก!
แฟนระดับงามล่มเมืองของเขาคนนี้ หากคิดอุ้มชู ต้องทุ่มเงินมหาศาล!
อย่างไรก็ตาม ความสามารถที่ไป๋หลีครอบครอง ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามารถเทียบเปรียบได้
“เอาเถอะ ถึง 40 แก่นราชันย์สัตว์ร้ายในเลเวล E จะหาได้ยาก แต่สำหรับเลเวล D แล้ว มันหาได้ง่ายกว่ามาก! ”
ในส่วนของเลเวล E หากสัตว์ร้ายคิดจะตัดผ่านขึ้นสู่ระดับราชันย์ เป็นเรื่องที่ยากเย็นนัก พวกมันติดข้อจำกัดมากมาย
แต่ทรัพยากรในส่วนของเลเวล D จะต่างออกไป ตลอดทั้งสวรรค์และปฐพี ผู้แข็งแกร่งจะยิ่งแกร่งขึ้น ในขณะที่ผู้อ่อนแอ จะอ่อนแอลง
สำหรับไป๋หลี เธอมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือครอบครองอบิลิตี้มิติ!
ในโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้ ยังมีที่ไหนอีกบ้างที่เธอไปไม่ได้?
“นี่ก็ผ่านมาพอสมควรแล้ว วันนี้พักผ่อนกันก่อนเถอะ ตื่นมาพวกเราต้องไปทำภารกิจรับตราผู้ใช้พลังเลเวล D ให้สำเร็จอีก”
“น้อมรับคำสั่ง!”
จิ้งจอกขาวเปลี่ยนร่างกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง และออกจากเขตแดนมิติกับฉินเฟิง
ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นทันทีที่กลับออกมา
ดูเหมือนว่ารอบนอกปราการชาตง จะเกิดการต่อสู้ขึ้นอีกครั้ง
“อืม .. กลุ่มสัตว์ร้ายที่บุกมาคราวนี้ค่อนข้างอ่อนแอ เป็นแค่เลเวล F เท่านั้น ไม่ต้องถึงมีพวกเรา พักผ่อนกันดีกว่า” ฉินเฟิงชำเลืองมองช้อมูลที่ส่งมา ตัดสินใจไม่ออกไป
ปราการชาตงนี่ … จะเกิดการต่อสู้ขึ้นถี่เกินไปแล้ว!
…
วันถัดมา ณ สำนักงานขายพาหนะล่องเวหา
“นายท่าน นี่คือฮอลศึกรุ่นเมฆคราม เป็นรุ่นดัดแปลงเน้นไปทางด้านป้องกันมากเป็นพิเศษ มันมีความเร็วมาก ช่วยให้คุณสามารถสลัดหลุดได้กระทั่งสัตว์ร้ายติดปีกเลเวล C รู้หรือไม่ว่าปราการชาตงของพวกเรา สัตว์ร้ายเลเวลสูงสุด อยู่ที่ D9 เท่านั้น”
“จริงอยู่ที่รุ่นเมฆครามเน้นไปทางด้านพลังป้องกันอันแข็งแกร่ง แต่ทางด้านโจมตีของมันก็ไม่ได้อ่อนแอ อาวุธทั้งหมดของมันล้วนเป็นรูปแบบการสลายอนุภาค นี่ช่วยลดความกังวลเรื่องความจุของกระสุนได้มาก เนื่องจากมันมีขนาดเล็ก เล็กชนิดที่ว่าหากเทียบขนาดกับอุปกรณ์รูนมิติ อย่างหลังยังใหญ่กว่าเล็กน้อย ภายในยังมีเรดาร์ครอบคลุมเต็มรูปแบบ และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ!”
“ในส่วนของการตกแต่งภายใน มันเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ , เตียง , ห้องนั่งเล่น สะดวกสบายเป็นอย่างยิ่ง”
“แต่แน่นอน ว่าราคาก็สูงเสียดฟ้าเช่นกัน หากคิดจะซื้อมัน จำเป็นต้องใช้เงินกว่า 6,000 ล้านเหรียญ!”
เมื่อแนะนำจนถึงจุดนี้ พนักงานก็เหลือบมองไปยังฉินเฟิงด้วยความคาดหวัง
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในปราการชาตง มีผู้คนซื้อรถล่องเวหามากมายก็จริง แต่คนที่คิดซื้อฮอลศึกนั้นมีน้อยเหลือเกิน … เขากลัวว่าที่อธิบายมาตั้งยืดยาว สุดท้ายลูกค้าจะไม่หยิบติดมือไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใช่ว่าเลเวล D ส่วนใหญ่จะมีความสามารถขับฮอลศึกได้
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องพลังป้องกันของฮอลศึกรุ่นเมฆคราม เทียบได้พอๆกับอุปกรณ์รูนป้องกันขนาดใหญ่เลเวล C!
มันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างมีข้อจำกัดเยอะ ขนาดที่ว่าผู้มั่งคั่งบางคนก็ไม่คิดเป็นเจ้าของ
ยังไงก็ตาม ดูเหมือนว่าไป๋หลีจะชอบรุ่นเมฆครามลำนี้มาก เมื่อเทียบกับฮอลศึกลำใหญ่ลำอื่นๆในที่นี้แล้ว เบื้องหน้าเธอ กล่าวได้ว่าเป็น ‘หงส์’ ในหมู่ไก่
“โอเค งั้นฉันเอาลำนี้แหละ!” ฉินเฟิงเองก็พอใจกับมันเช่นกัน สำหรับคนที่สามารถซื้อแก่นอบิลิตี้ระดับจักรพรรดิสัตว์ร้าย และมีเงินเหลืออีกกว่า 40,000 ล้านเหรียญแล้ว ซื้อฮอลศึกลำนี้ ไม่นับว่ามากมายอะไรเลย
“รับทราบขอรับ โปรดเชิญชำระเงินทางนี้!”
กระบวนการซื้อขายเสร็จสิ้นลงอย่างรวดเร็ว ฉินเฟิงก้าวขึ้นไปในฮอลศึก เนื่องจากมันตั้งอยู่ใจกลางโถงจัดแสดง พอเขานั่งลง ก็เริ่มสตาร์ทเครื่องทันที
ทุกกระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น
เพราะยังไงซะ ฉินเฟิงเองก็เคยขับฮอลศึกมาก่อน
ฮอลศึกลอยออกจากโถงจัดแสดง ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า พริบตาเดียวก็สามารถออกจากปราการชาตง –ความเร็วสมราคาจริงๆ!
ขณะเดียวกัน คนอื่นๆเมื่อเห็นฮอลศึกลำนี้โฉบผ่านไปก็ผงะตกใจ อดอุทานออกมาไม่ได้
“ฉันมองไม่ผิดใช่ไหม เมื่อกี้ฮอลศึกรุ่นเมฆครามเพิ่งบินออกไป?”
“ผู้ร่ำรวยมั่งคั่งคนไหนกันที่ซื้อฮอลศึกลำนี้? ”
ฝูงชนเงยมองฮอลศึก ชะงักจากกิจกรรมที่ทำอยู่ เนื่องจากรุ่นเมฆคราม ในปราการชาตง มีเพียงลำเดียวเท่านั้น
เงินจำนวนกว่า 6,000 ล้านเหรียญ ไม่ใช่ใครจะควักออกมาได้ง่ายๆ แค่เทียบราคาของมัน ก็มากกว่าแก่นพลังงานราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล D แล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ฮอลศึกเมฆคราม มีแก่นราชันย์สัตว์ร้ายเป็นแกนกลางคอยขับเคลื่อนพลังงานอีก
หลังจากเปิดตัวอย่างอลังการ และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด ฉินเฟิงกับไป๋หลีก็มาถึงตำแหน่งลึกเข้าไปในทะเลทรายทะเลเหนือ
แผนที่โดยรอบ ถูกสแกนอย่างรวดเร็ว ในตำแหน่งเป้าหมายนี้ สภาพแวดล้อมทั้งหมดมีแต่ทรายสีเหลือง , ฝูงสัตว์ร้าย และที่สำคัญยังมีรอยแยกมิติปรากฏขึ้นอีก
ท่ามกลางทะเลทรายทะเลเหนือ มักจะปรากฏรอยแยกมิติขึ้นอยู่บ่อยครั้ง
“ธาตุมิติของทะเลเหนือไม่เสถียรเอาซะเลย” ไป๋หลีเอ่ยขึ้นอย่างกระทันหัน
“เรื่องนั้นมีเหตุผลอยู่ ถึงฉันจะไม่รู้ว่าทำไม แต่เมื่อก่อนที่นี่เองก็มีอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติอยู่เหมือนกัน แต่สุดท้ายกลับใช้ไม่ได้ผล ทุกคนเลยล้มเลิกความคิดและนำมันออกไป เพราะยังไงซะ ที่นี่นอกจากทะเลทรายสีเหลืองและความว่างเปล่าแล้ว มันก็ไม่มีอะไรอีกเลย และอีกอย่างอุปกรณ์รักษามิติ ก็ถือเป็นของหายาก ในเมื่อใช้ประโยชน์ที่นี่ไม่ได้ ก็แนะไปใช้ที่อื่นซะดีกว่า”
“เรื่องนี้มีที่มาที่ไป การที่รอยแยกไม่ถูกปิดลง นั่นเพราะหากจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ มันเกิดจากฝีมือสิ่งมีชีวิต!” ไป๋หลีเฉลย
ฉินเฟิงชะงักงัน ก่อนจะค่อยๆขมวดคิ้ว
“เธอหมายความว่า มีใครบางคนจงใจสร้างรอยแยกในทะเลทรายขึ้นมาอย่างงั้นหรือ?”
ไป๋หลียักไหล่ และกล่าว “บางทีอาจจะไม่ใช่คน แต่เป็นสัตว์ร้าย น่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ใดเผ่าพันธุ์หนึ่ง เพราะฉันได้กลิ่นอายของรูนมิติ”
ฉินเฟิงคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะพบเจอกับเรื่องแบบนี้
เนื่องจากสัตว์ร้ายมิติ ยากนักจะพบเจอ
แม้รูนมิติจะเป็นธาตุๆหนึ่งก็ตาม แต่ธาตุนี้ มิได้อยู่รวมกันในธาตุทั้งสิบที่มนุษย์สามารถปลดปล่อยมันออกมาได้จากพลังของตนเอง
ไม่มีใครเคยปลุกพลังที่ว่าขึ้นได้มาก่อนเลย
ยิ่งไปกว่านั้น รูนมิติยังเป็นต้นตอของการทำลายล้างในยุคโลกาวินาศ
เป็นเพราะรอยแยกมิติ ทำให้พวกเรามีสภาพเป็นอย่างทุกวันนี้
“ฉันคงต้องไปดูซะหน่อยแล้ว ว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”
ฉินเฟิงลดระดับฮอลศึกลง
บนพื้นทะเลทราย สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน ทั้งหมดกำลังจดจ้องมาที่ฉินเฟิง
พอฉินเฟิงลงจากฮอลศึก ร่างที่ซ่อนอยู่ในที่ลับ ก็พลันผุดขึ้นมา ดาบสีเหลืองราวกับทราย ทิ่มแทงเข้าใส่ฉินเฟิง!