โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 343
Ch.343 – แม่พันธุ์หนอนทรายทอง
Provider : Muntra
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.343 – แม่พันธุ์หนอนทรายทอง
ตูม!
ฉินเฟิงสอยฮอลศึกลงอีกลำได้สำเร็จ
ขณะนี้ เหนือน่านฟ้าของสนามรบ เหลือฮอลศึกสีม่วงเพียงลำเดียว และเป็นฮอลของหลินชิ
บนพื้นทราย ฮอลศึกกว่า 20 ลำถูกทำลายร่วงตกลง มนุษย์ผู้ใช้พลังเลเวล D เมื่อเผชิญหน้ากับกองทัพสัตว์ร้ายที่ยังหลงเหลืออยู่ ก็ไม่กล้าตอบโต้ตรงๆ ทำได้แค่สู้ไปพลางและถอยไปพลาง
บนผืนฟ้า ต่างฝ่ายต่างสาดกระสุนใส่กันไม่หยุด
ภายในเมฆคราม เฉินเซี่ยง และคนอื่นๆมือจิกเกร็งแน่น นั่งนิ่งงันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย คอยรับรู้ถึงการต่อสู้อันดุเดือดนี้
“คาดไม่ถึงเลย ว่าฉินเฟิงจะสามารถสู้แบบพวกมือปืนก็ได้เหมือนกัน!”
“คนขับที่เหลือของกลุ่มเล่ยถัง น่าจะเป็นหลินชิ!”
“หลินชิคือมือปืนที่แท้จริง พลังสมาธิของเขาแข็งแกร่งมาก”
ได้ฟังถึงจุดนี้ ไป๋หลีผุดยิ้มเย็นชา “เหอะ แข็งแกร่งแค่ไหนแต่ก็ไม่เท่าที่รักของฉัน!”
ก็มันจะไปแข็งแกร่งกว่าได้อย่างไร? ฉินเฟิงน่ะคือคนที่ได้ดูดซับแก่นอบิลิตี้จักรพรรดิสัตว์ร้ายนะ พลังสมาธิของเขาเข้าขั้นต่อต้านสวรรค์แล้ว
ทุกคนทราบว่าฉินเฟิงแข็งแกร่ง แต่พวกเขาไม่ทราบ ว่าฉินเฟิงแข็งแกร่งถึงขนาดไหน
ในเวลานี้ พลังสมาธิของหลินชิเหือดหาย มันกำลังจะหมดลงในระยะเวลาอันสั้น แม้การต่อสู้ที่เกิดขึ้นจะกินระยะเวลาเพียง 10 นาที แต่เวลานี้ ทั้งตัวของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“เจ้าพวกบ้า! ยังจะสู้กันเองอีก? สู้กันในเวลานี้เนี่ยนะ? หยุดมือให้ฉัน!”
อากาศยานรบอีกลำหนึ่งโฉบเข้ามาอย่างกะทันหัน ฮอลศึกลำนี้มีขนาดใหญ่กว่าฮอลของกลุ่มเล่ยถังถึง 3 เท่า ใหญ่กว่าเมฆครามถึง 4 เท่า
มันคืออากาศยานรบพิเศษของหูเหลียง!
ก่อนหน้านี้หูเหลียงตะโกนเตือนผ่านอุปกรณ์สื่อสารแล้ว แต่ต่างฝ่ายต่างกำลังโกรธจัด ไม่มีใครยอมหยุด ทั้งยังปิดสายสื่อสารใส่เขา
ราชันย์สัตว์ร้ายปรากฏขึ้น หูเหลียงแน่นอนยอมอุทิศทั้งกายใจเพื่อกำจัดมัน แต่เมื่อมาถึง กลับพบว่าฉินเฟิงกับหลินชิกำลังดวลเดือดกันด้วยเรื่องส่วนตัว
ฉินเฟิงหยุดมือของเขา เมฆครามถอนตัวจากระยะต่อสู้
อีกฝ่ายนึง ฮอลศึกเล่ยถังก็หยุดเช่นกัน หลินชิถอดหมวกขยายพลังสมาธิ สูดหายใจลึกเข้าปอด
“บ้าเอ๊ย นี่มันเป็นไปได้ยังไง!” หมัดจากแขนผอมแห้งชกเข้าใส่หน้าแท่นควบคุม ทว่ามันถึงกับยุบตัวลงไป
ต้องไม่ลืมนะว่า นี่มิใช่การดวลระหว่างผู้ใช้วรยุทธโบราณหรือผู้ใช้อบิลิตี้ แต่เป็นมือปืน!
แม้จะถูกรุม แต่ต้องยอมรับว่าฉินเฟิงมีชัยเหนือกว่าจริงๆ
“ลงจอดก่อน” สีหน้าของเล่ยชางหมองไม่แพ้กัน
ฮอลศึกทั้งสามลำ ลดระดับลงพร้อมกัน
ทว่าต้องลงจอดในระยะไกลออกไป เนื่องจากมันเป็นไปไม่ได้ที่จะจอดในสนามรบ เพราะบนพื้นทรายขณะนี้ ผู้คนกว่าร้อยคนที่ถูกส่งมาเป็นกำลังเสริม กำลังต่อสู้รับมือกับราชันย์สัตว์ร้ายอยู่
และสถานการณ์รบ เข้าขั้นวิกฤตเป็นอย่างมาก
เมื่อเมฆครามร่อนลง เฉินเซี่ยง เกาลี่ และคนอื่นๆก็ออกมา จ้องมองเล่ยชางและคนอื่นๆอีกด้านหนึ่งด้วยความโกรธแค้น พวกเขาโกรธมาก แต่ไม่มีใครกล้าพูดออกไป
ฉินเฟิงเป็นคนสุดท้ายที่ลงจากเมฆคราม ไป๋หลีวาดมือออก เมฆครามถูกเก็บลงในพื้นที่มิติ
สองกลุ่มก้าวเข้ามาเผชิญหน้ากัน โดยมีหูเหลียงอยู่กึ่งกลาง
“ไม่ว่าพวกคุณจะมีหนี้แค้น และต้องชำระอยู่ก็ตาม เอาไว้ค่อยชดใช้กันในภายหลัง สำหรับตอนนี้ พวกคุณทุกคนต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้”
เล่ยชางยิ้มอย่างร้ายกาจไปทางฉินเฟิง
“ความแค้นในงานประมูล ไม่มีวันลืมเลือน!” เล่ยชางกล่าว
ดวงตาของฉินเฟิงที่มองอีกฝ่ายเย็นชาไม่แพ้กัน
“ก็ไม่ใช่ว่าคิดจะมาล้างแค้นแล้วหรือ แต่น่าเสียดายนะ ดูเหมือนจะเป็นฝ่ายแกซะเองที่ถูกทำลาย!”
ดวงตาของทั้งสองแข็งกร้าว ราวกับคมมีดทิ่มแทงกัน
“หยุดตัดพ้อไร้สาระกันสักที ออกไปช่วยฉันสู้ได้แล้ว!”
หูเหลียงคำรามเดือดดาลอีกครั้ง
อารมณ์ของหูเหลียงดุร้ายรุนแรง แต่ทุกฝ่ายที่เขาตะคอกใส่ล้วนเป็นเลเวล D ชั้นสูงดังนั้นไม่มีใครได้รับแรงกดดันจากมัน
โชคยังดี ที่ถึงแม้พวกเขาจะไม่ไว้หน้าหูเหลียง แต่ก็ยังไว้หน้าพันธมิตรมนุษยชาติ และเริ่มหันไปเข้าร่วมการต่อสู้ในที่สุด
ทว่าความล่าช้าระหว่างจ้องตากัน ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เลือดต้องหลั่งรินอีกครั้ง
ผู้ใช้พลังเลเวล D จบชีวิตลงเพิ่มอีก 2 คน
ท่ามกลางทุ่งล่า จริงอยู่ที่คนเราอาจตายได้ทุกเวลา
อย่างไรก็ตาม คนที่มาถึงเลเวล D พวกเขาไม่ถือว่าเป็นเด็กน้อยอ่อนแออีกต่อไป เลเวล D แต่ละคน ต้องใช้เวลาฝึกฝนยาวนานกว่า 10 หรือ 20 ปี การที่ต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้ สร้างความเสียหายแก่เผ่ามนุษย์เป็นอย่างมาก
ท่าทีของฉินเฟิง เริ่มกลายเป็นแข็งกร้าว
ในจุดที่ห่างไกลออกไป ดวงตาของแม่พันธุ์หนอนทรายทอง ล็อคเป้าตรึงอยู่บนร่างของฉินเฟิง
มันรู้สึกได้ ว่ากลิ่นอายของจักรพรรดิสัตว์ร้าย แผ่มาจากร่างของฉินเฟิง
เป็นแค่มนุษย์ตัวเล็กจ้อยและอ่อนแอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสามารถยกระดับขึ้นเป็นจักรพรรดิสัตว์ร้ายได้ ในความคิดของแม่พันธุ์หนอนทรายทอง มันไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย
แต่กระนั้น ก็ใช่ว่าจะสู้ไม่ได้สักทีเดียว แม่พันธุ์หนอนทรายทองนับถือฉินเฟิงในฐานะศัตรูตัวฉกาจของเธอ
ก๊าซซซ!
แม่พันธุ์หนอนทรายทองอ้าปากยักษ์ แผดเสียงคำรามคำหนึ่ง ร่างใหญ่โตที่เบื้องล่างซ้ายขวา งอกไปด้วยเท้าแมลงจำนวนมากเริ่มขยับอย่างรวดเร็ว สับฝีเท้าบ้าคลั่ง
“อ๊าาาา!”
เลเวล D คนหนึ่งไม่ทันหลบเลี่ยง ถูกวิ่งผ่าน เหยียบย่ำบดบี้ลงในทะเลทราย
โผล๊ะ!
เลือดพุ่งทะลักผ่านตามช่องว่างระหว่างเท้าแมลง ผู้ใช้พลังเลเวล D จบชีวิตลงอย่างไม่ยุติธรรม
ส่วนผู้ใช้พลังเลเวล D ที่อยู่ใกล้ๆ ในหัวใจสยองเกล้าสุดแสน ทั้งหมดวิ่งฉีกออก หลบเปิดทางให้มันโดยสิ้นเชิง
เหลือเฉพาะฉินเฟิง ที่ยังยืนหยัดอยู่ที่เดิม เฉินเซี่ยงและคนอื่นๆ ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งของแม่พันธุ์หนอน
แม่พันธุ์หนอนทรายทอง เป็นราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล D3 มันมิได้มีอบิลิตี้ ทว่าก็แลกมาด้วยพลังป้องกันทางกายภาพอันแข็งแกร่ง
เผ่าพันธุ์นี้กลืนกินพลังงานจากในทราย เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับตัวเอง สามารถพัฒนาไปได้อย่างต่อเนื่อง
คุณสามารถพูดได้ว่า หนอนพวกนี้มีพลังป้องกันที่ทานทนเป็นอย่างมาก
แน่นอน ถึงจะเด่นด้านป้องกัน แต่สำหรับมนุษย์ การโจมตีของพวกมันก็มิได้อ่อนแอเลย
ไหนจะครอบครองฟันอันแหลมคม การเคลื่อนไหวที่ว่องไวเป็นพิเศษ ขอเพียงแค่ถูกกัด ต่อให้เป็นปราณกำลังภายใน พวกมันก็สามารถย่อยสลายได้
ระยะห่างระหว่างฉินเฟิงกับแม่พันธุ์หนอนทรายทอง ตอนนี้หดสั้นเหลือเพียงร้อยเมตร
และในที่สุดฉินเฟิงก็เริ่มเคลื่อนไหว!
มิใช่ถอยหนี ตรงกันข้าม เป็นก้าวออกไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ!
ด้วยความแข็งแกร่งของฉินเฟิงในปัจจุบัน ขอเพียงไม่ประมาท เขาไม่ต้องหวั่นเกรงราชันย์สัตว์ร้ายใดๆ
“สับสะบั้น!
มีดกษัตริย์ครามวาดแหวกผ่านอากาศ
ตูม!
ใบมีดฟาดเข้าใส่ลำตัวของแม่หนอน ทันใดนั้นก็ถูกสะท้อนดีดออกไปทันที
ใบมีดที่อัดฉีดไปด้วยกำลังภายใน มิอาจทำลายเปลือกของแม่พันธุ์หนอนทรายทอง
“กี๊ซซซซซ!”
เท้าแมลงนับไม่ถ้วนของแม่หนอนยกสูงขึ้น กวาดลำตัวตนออกไป ตีเข้าใส่ฉินเฟิง
หรือจะเรียกว่าบดขยี้ก็ได้
ปัง!
ทั้งสองปะทะกัน
พรวดดดด!
คราวนี้ มีดกษัตริย์ครามสามารถแทรกลงไปบนตัวของแม่หนอนได้
แต่ในตอนนั้นเอง เปลือกสีขาวราวกับหยกของแม่หนอน ก็พลันแปรสภาพกลายเป็นใบมีดอันแหลมคม
ใบมีดนับไม่ถ้วนทิ่มแทงเข้าใส่ฉินเฟิง ราวกับว่าต้องการเฉือนให้เขาขาดเป็นชิ้นๆ
ซี่ ซี่ ซี่
ปราณกำลังภายในที่คุ้มกันกายภายนอกส่งเสียงแสบหู
ฉินเฟิงย่ำลงบนร่างของแม่พันธุ์ ใช้เป็นที่หยั่งเท้าส่งแรง ดีดตัวบินถอยหลังออกไปกว่า 30 เมตร
โดยเบื้องหลังเขา มีร่างเงาของนกยูงปรากฏขึ้น ช่วยให้ฉินเฟิงสามารถลอยอยู่ในอากาศ
“ร่างทรงนกยูง!”*
*(เปลี่ยนจากชื่อท่านกยูงไฟ เป็นชื่อนี้นะครับ ชื่อเก่ามันค่อนข้างง่อย)
เปลวเพลิงสีฟ้าครามในร่างนกยูง สาดลงเบื้องล่างโดยตรง
เปลือกหยกขาวบนร่างแม่พันธุ์แปรสภาพอย่างรวดเร็ว มันก่อตัวขึ้นเป็นชั้นโล่สีทองคำ
กระบวนท่าดังกล่าวนี้ คือท่าเดียวกันกับที่มันเคยใช้ป้องกันกระสุนทำลายล้างเลเวล D
ความแข็งแกร่งทางกายภาพของแม่พันธุ์หนอนทรายทอง เหนือยิ่งกว่าราชินีกิ้งก่าทราย
แต่ในตอนนั้นเอง อีกด้านในมุมอับสายตาของแม่พันธุ์ ปรากฏอีกร่างของคนๆหนึ่งขึ้น
เธอคนนั้นสวมชุดเดรสยาวสีขาว ห้อยเครื่องประดับที่ทำจากผลึกเพชรไฟ และยังกุมแส้สีเงินเอาไว้ในมือ
เป็นไป๋หลี!
วูซซซ!
แส้สีเงินฟาดสะบัด สาดประกายแสงสีเงินออกมา
รูนมิติพลันเกิดการระเบิดออก
ปุด ปุด ปุด ปุด!
ตามร่างสีขาวหยกของแม่พันธุ์หนอนทรายทอง จู่ๆก็บังเกิดหลุมมิตินับไม่ถ้วนขึ้น มันกลืนกินชิ้นเนื้อที่สัมผัสต้อง เลือดสีทองไหลซิบออกมา
“ฮู้มมมมมมม”
แม่พันธุ์กัดฟันแหลมด้วยความเจ็บปวด หันเขามาจ้องไป๋หลีด้วยความโกรธ
กี๊ซซซ!
มันแผดเสียงหวีด ความเร็วของแม่พันธุ์จู่ๆก็ระเบิดออก สับเท้าอาละวาดคลั่ง พุ่งไปบดขยี้ไป๋หลี
ฟุบบบ!
ไป๋หลีหายไปอย่างกะทันหัน สลับเป็นฉินเฟิงจากอีกฝั่งหนึ่งเริ่มลงมืออีกครั้ง
“แมกมาโลกันต์!”
ตูมมมม!
บนพื้นทราย ลาวาร้อนปะทุแผดเผา เสาเพลิงหนืดขนาดใหญ่ยกตัวแม่พันธุ์หนอนทรายทองขึ้นจากพื้นทราย
เมื่อลำตัวใหญ่ยาวลอยเหนือพื้น ปากเล็กๆนับไม่ถ้วนใต้ร่างของแม่พันธุ์ก็ถูกเผยออกมา