โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 396
1/5
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.396 – เล่ยหยิงล่าถอย
ตูม!
เปรี้ยง เปรี้ยง!
ปืนใหญ่ทรงพลังยิงปะทะใส่กัน ทว่าด้วยจำนวนที่มากกว่า ทำให้กองกำลังทหารรับจ้างเฟิงหลีของฉินเป็ยฝ่ายกุมความได้เปรียบ
ยังไงก็ตาม หากปล่อยให้ศัตรูรุกเข้าถึงตัว มันย่อมไม่ใช่เรื่องดี!
ฉินเฟิงแสยะยิ้ม หัวเราะในคราวเคราะห์ของผู้อื่น ยกมือขึ้น วาดออกไป
“แมกมาโลกันต์!”
รูนไฟอันน่าพรั่นพรึงพรั่งพรูออกมา
อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผืนดินถูกเปลี่ยนเป็นสีแดง ต้นไม้เริ่มถูกแผดเผา และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ตรงส่วนพื้นร้อนระอุ ค่อยๆแปรสภาพเป็นของเหลว
เส้นทางระหว่างทหารรับจ้างเฟิงหลีกับกลุ่มเล่ยถัง บัดนี้ถูกขวางกั้น ปกคลุมไปด้วยลาวา!
ต้นไม้พากันจมลง ถูกกลืนหายไปในลาวา
ทั้งบริเวณกลายเป็นแอ่งเพลิงหนืด หากต้องการจะเข้าใกล้พวกฉินเฟิง จำเป็นต้องข้ามผ่านมัน
“แกคิดจริงๆหรือว่าแค่นี้จะหยุดฉันได้?”
สีหน้าของเล่ยหยิงแสดงออกถึงความเหยียดหยัน โล่สายฟ้าผุดขึ้นรอบกาย ขณะเดียวกันก็ใช้พลังสมาธิยกตนให้ลอยขึ้น บินข้ามผ่านแอ่งลาวา ตรงเข้าหาฉินเฟิง
ทว่าฉินเฟิงมิได้หยุดเขา
กลุ่มเล่ยถังคนอื่นๆ เมื่อเห็นผู้นำตน ก็หันมามองหน้ากันและกัน เริ่มก้าวเท้า มุ่งเข้าหาฉินเฟิง
ผู้ใช้วรยุทธโบราณงัดวิชาตัวเบาออกมา ทะยานข้ามแอ่งลาวาโดยตรง
แต่ในจังหวะนั้นเอง เสียงหึๆ พลันดังลอดออกมาจากลำคอของฉินเฟิง
“คลื่นแมกมา!”
ทันทีที่คำนี้หลุดออกมา กำแพงเพลิงหนืดขนาดใหญ่พลันลุกฮือขึ้นสู่ท้องฟ้า
ตูมมม!
สึนามิลาวาโถมกลืนผู้ใช้วรยุทธโบราณที่กำลังท่องอากาศด้วยวิชาตัวเบาทันที
แม้บุคคลเหล่านั้นจะถูกคุ้มกายด้วยปราณกำลังภายใน แต่เมื่อกระทบเข้ากับเสาลาวา มันก็แตกเป็นเสี่ยงๆทันที!
“อ๊าาา!”
เสียงร้องระงมดังขึ้น ผู้ใช้วรยุทธโบราณถอยกลับอย่างบ้าคลั่ง ตามร่างกายเปรอะไปด้วยลาวา
โชคยังดีที่ผู้ใช้พลังเลเวล D น่ะเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต ดังนั้นความเสียหายแค่นี้ไม่ถึงกับคร่าชีวิตพวกเขา
แต่มันก็กลายเป็นกำแพงขวาง มิให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้า –หากผู้ใดรุกล้ำ คงมิแคล้วถูกอำนาจของแมกมา หลอมละลายเนื้อหนังจนเหลือแต่กระดูกขาว!
ณ ขณะนี้ ผู้ใช้วรยุทธโบราณทั้งหมดต่างตกอยู่ในอาการผวา
“ไอ้สารเลว!”
ใบหน้าของเล่ยหยิงกลายเป็นน่าเกลียดยิ่ง แต่เขาไม่หยุดฝีเท้า ในสมองนึกคิดว่าหากสังหารฉินเฟิงได้ ต่อให้เขาจะสูญเสียสมาชิกหลายคนในกลุ่มไป มันก็ยังคุ้มค่า!
ดังนั้น เล่ยหยิงยืนหยัด ตัดสินใจมุ่งหน้าไปข้างหน้า
ในเวลานั้นเอง เล่ยหยิงสัมผัสได้ถึงพลังสมาธิ ตรึงลงบนร่างเขา
วินาทีถัดมา พลังสมาธิที่ตกกระทบ ก็เริ่มยื้อยุทธกับพลังสมาธิเขา ขัดขวางการบินของเล่ยหยิง
ส่งผลให้การเดินหน้าของเล่ยหยิงกลายเป็นเชื่องช้า ถูกลดทอนความเร็วลงเรื่อยๆ และคาดว่าอีกไม่นานอาจไม่สามารถบินได้อีกต่อไป
แต่เบื้องล่างเป็นแมกมาโลกันต์ ดังนั้นเขาจะยอมร่วงตกลงไปได้อย่างไร?
“ก้าวอัสนี!” (ก้าวสายฟ้า)
รูนสายฟ้าปกคลุมลงบนสองขา ส่งเล่ยหยิงเหินทะยานออกไป
แต่ระหว่างพุ่งตรงด้วยความเร็วสูง จู่ๆอากาศเบื้องหน้าเขาก็เริ่มปริร้าว
เพี๊ยะ!
เสียงสะบัดแส้ดังขึ้น
เล่ยหยิงไม่รู้ว่านี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่ที่แน่ๆอากาศที่บิดเบี้ยว และกำลังแหวกออก มันผุดขึ้น และพุ่งตรงมาทางเขา
เล่ยหยิงผงะตกใจ
เนื่องจากตนข้ามผ่านประสบการณ์มามากมาย ดังนั้นเป็นธรรมดาที่จะทราบว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร!
–รอยแยกมิติ!
รอยแยกดั่งวิญญาณตามติด มันไล่ตามเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง เล่ยหยิงสลายก้าวอัสนี ถีบตัวถอยหลังไม่หยุด
“อันตราย!”
ลูกน้องจากข้างหลังส่งเสียงเตือน
หัวใจของเล่ยหยิงกระตุกวูบ ด้วยแรงเหนี่ยวนำของสายฟ้ารอบกาย ทำให้เขาพอจะรู้สึกถึงสิ่ง ‘อันตราย!’ ที่ว่าได้เช่นกัน ช่วงจังหวะถอยหลัง เขาบิดตัว หักเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางในฉับพลัน เบี่ยงทั้งตัวมิให้ถูกกลืนเข้าสู่รอยแยกมิติแคบๆที่ผุดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบอย่างทันท่วงที
ฉัวะ!
แต่เมื่อฉีกหลบกะทันหัน ย่อมไม่อาจเลี่ยงความเสียหายได้อย่างสมบูรณ์ รอยแยกสามารถกลืนกินส่วนหนึ่งของแขนซ้ายเล่ยหยิงไปได้ มันตัดชิ้นเนื้อนั้นขาดกระเด็น ร่วงตกลงในแอ่งแมกมา
“อ๊ากกกก!”
เล่ยหยิงร้องโหยหวน สะบัดหน้ามอง และพบว่ารอยแยกน้อยๆได้ปิดตัวลงไปแล้ว แต่ตรงแขนของเขา กลับถูกเฉือนเนื้อทิ้งไปกว่า 10 เซนติเมตร –ถูกพรากจากไปโดยอำนาจมิติ!
ทว่าเล่ยหยิงไม่มีเวลามากพอให้โกรธเกรี้ยว เบื้องหลังเขา จู่ๆก็สัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบ เสียดแทงลึกเข้าสู่กระดูกสันหลัง
แม้เล่ยหยิงจะมิใช่ผู้ทำนายอนาคต แต่เกรงว่าตำแหน่งรอยแยกมิติเมื่อครู่มันมิได้หมายพรากเนื้อแขนเขา หากแต่เป็นหัวใจ!
เพียงตระหนักได้ ก็รู้สึกขนพอง
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เล่ยหยิงก็ไม่กล้าบุกไปข้างหน้าอีก เร่งบินกลับอย่างรวดเร็ว
แต่ไป๋หลีมิได้ไล่ตามไป
ฉินเฟิงที่ยืนอยู่เบื้องหลังแอ่งแมกมาโลกันต์ ถูกอุณหภูมิอันร้อนระอุ แปรเปลี่ยนอากาศจนบิดเบือน ทำให้ผู้คนยากจะมองเห็นสีหน้าของเขา แต่ทุกคนก็ตระหนักดี ว่าพลังสมาธิของคนๆนี้ กำลังตรึงอยู่บนร่างพวกเขา
คล้ายเป็นดั่งการเตือนว่า หากใครกล้าย่างกรายมาอีกแม้ก้าวเดียว จะต้องตาย!
ระหว่างนั้นเอง เสียงคำรามสนั่นของสัตว์ร้ายก็ใกล้เข้ามา
ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง!
เสียงฝีเท้าใหญ่โตกระทืบลงบนผืนดิน ทุกย่างก้าวเล่นเอาแผ่นดินสั่นสะเทือน
ไม่นานเกินรอ แมกไม้เริ่มหักโค่นลง มิอาจบดบังผู้มาเยือน –เป็นฝูงช้างที่บัดนี้ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน กำลังจดจ้องและสับฝีเท้าตรงมายังทิศทางของกลุ่มเล่ยถัง
เห็นได้ชัด ว่าช้างฝูงนี้ ถูกล่อลวงมาโดยผงดึงดูดสัตว์ร้าย
ชิบหายแล้วไง หนทางข้างหน้าก็ถูกฉินเฟิงปิดกั้น ทางข้างหลังก็เจอกับฝูงช้าง เส้นทางหลบหนีแทบไม่มี ในหัวใจของฝูงชนเริ่มเกิดความตื่นตระหนก
“ประธานเล่ย พวกเรา … ”
พวกเราจะยังดึงดันบุกโจมตีอีกหรือไม่?
หากยังดื้อรั้น คราวนี้คงมีหลายคนต้องตายจริงๆ!
ผู้คนในที่นี้ ไม่มีใครมั่นใจเลย ว่าจะสามารถรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ได้
ช่วงเวลานี้ พวกเขาเกิดความคิดที่จะล่าถอยแล้ว แต่ยังทำไม่ได้ เนื่องจากต้องรอให้เล่ยหยิงตัดสินใจ
เล่ยหยิงกัดฟันกรอด สะบัดหน้ามองฉินเฟิง ในแววตาฟุ้งไปด้วยความเกลียดชัง
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เล่ยหยิงไม่อาจรับมือกับฉินเฟิงได้
“พวกเราถอย!”
เมื่อออกคำสั่ง เล่ยหยิงก็หันศีรษะและจากไปทันที
ฝูงชนเร่งติดตามเขาอย่างรวดเร็ว
ไม่มีใครกล้ารั้งอยู่อีกต่อไป!
ตอนนี้ฝูงช้างใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว แม้กลุ่มเล่ยถังจะใช้เวลาส่วนใหญ่รั้งอยู่ที่นี่ แต่มือของฉินเฟิงเองก็เปื้อนผงดึงดูดสัตว์ร้ายเช่นกัน ดังนั้นเลยมีช้างบางตัวพุ่งเข้ามาหาเขา
อย่างไรก็ตาม สัตว์ร้ายเหล่านี้ ตรงเข้ามาได้เพียงไม่กี่ก้าว มันก็จมหายลงในแอ่งลาวา ถูกหลอมเหลวกลายเป็นขี้เถ้า
ฝูงช้างเพิ่งถูกสังหารไป สัตว์ร้ายรอบๆก็เริ่มเคลื่อนไหว ปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ตรงจุดนี้เป็นอาณาเขตของจักรพรรดิสัตว์ร้ายไม่ใช่หรอ แล้วทำไมถึงมีสัตว์จากเผ่าพันธุ์อื่นกล้าเข้ามารุกราน”
เฉินเซี่ยงเอ่ยเสียงจม ตั้งท่าพร้อมสู้ทุกเวลา
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เจ้าพวกคนกลุ่มเล่ยถังมันพยายามทำร้ายผม ด้วยการใช้ผงดึงดูดสัตว์ร้าย แต่ตอนนี้พวกมันรับกรรมของตัวเองไปแล้ว!”
ฉินเฟิงอธิบาย
อย่างไรก็ตาม หลังจากคำนี้หลุดออกมา สีหน้าของคนอื่นๆพลันแปรเปลี่ยนกลับกลาย
“ผงดึงดูดสัตว์ร้าย? กลุ่มเล่ยถังช่างไร้ยางอาย!”
“แต่มิสเตอร์ฉินเอ่ยว่าพวกมันรับกรรมไปแล้ว หมายความว่าพวกมันก็ถูกผงดึงดูดสัตว์ร้ายเหมือนกันใช่ไหม? มิน่าเล่าถึงวิ่งหนีซะเร็ว แถมยังมีสัตว์ร้ายไล่ตามไปติดๆอีก”
“ตอนนี้สัตว์ร้ายตกอยู่ในอาการสับสน ฉันกลัวว่ามันจะตามกลิ่นของมิสเตอร์ฉินมา แล้วสร้างภัยคุกคามแก่พวกเรา … ”
แม้ด้วยความแข็งแกร่งของฉินเฟิงและคนอื่นๆ จะสามารถสังหารสัตว์ร้ายเหล่านี้ได้ แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงเช่นกัน ว่าพวกมันอาจก่อปัญหาวุ่นวายขึ้น
ใครจะรู้ อาจจะมีสัตว์ร้ายน่าสะพรึงกลัวอยู่ที่นี่ด้วยก็ได้ แล้วถ้ามันผ่านมาและสูดดมกลิ่น จะเกิดอะไรขึ้น?
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงเตรียมตัวเอาไว้ก่อนแล้ว
เขาหยิบขวดคริสตัลออกมาจากพื้นที่มิติ เทหยดน้ำที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆลงบนข้อมือ ในตำแหน่งที่สัมผัสกับผงดึงดูดสัตว์ร้าย
เจ้าสิ่งนี้ แน่นอนมิใช่น้ำธรรมดา
มันคือหยาดน้ำตาของราชันย์ดอกไม้!
หากใช้มันขับไล่สัตว์ร้ายเลเวล D ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
และก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เมื่อกลิ่นนี้ส่งออกไปตามสายลม พวกสัตว์ร้ายก็เริ่มสงบ ไม่ก็หลีกเลี่ยงพวกเขาไปยังเส้นทางอื่น
ขณะเดียวกัน ปฏิบัติการล่าจักรพรรดิสัตว์ร้ายยังคงดำเนินไปได้ด้วยดี
ณ สถานที่ห่างไกล ไกลเกินกว่าพลังสมาธิของฉินเฟิงจะสำรวจได้ โดรนล่องหนของหลายองค์กรที่เฝ้าสังเกตการณ์ ต่างรู้สึกผิดหวัง
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทั้งสองไม่ได้เผชิญหน้ากัน”
“ฉันอุส่ารอให้เล่ยถังทำลายเกาหยูคัง แล้วฉวยโอกาสไปแย่งเหยื่อจากพวกเขามาอีกทีแท้ๆ”
“จิ๊ส์ น่าเบื่อจริง”
ในสมรภูมิหลงฉวน ย่อมมิได้มีเพียงเกาหยูคังหรือเล่ยหยิง แต่ที่นี่เต็มไปด้วยการดำรงอยู่ของกองกำลังอีกมากมาย!