โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 397
2/5
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.397 – พูดคุยเรื่องความร่วมมืออีกครั้ง
ต้องบอกว่า การที่เกาหยูคังเลือกร่วมมือกับฉินเฟิง ถือเป็นทางเลือกที่ฉลาดมาก!
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ในกองกำลังของเขา มีผู้ใช้พลังเลเวล D ถึง 40 คน ซึ่งสำหรับในหลงฉวนแล้ว ถือว่าหาได้ยากนัก!
รอบทะเลสาบใหญ่ ต้นไม้หักโค่น ดอกไม้และพืชพรรณถูกเหยียบย่ำทำลาย ท่ามกลางความอลหม่าน เกาหยูคังและคนอื่นๆต่อสู้กับมังกรเจียวหลงไม่หยุดยั้ง
สามชั่วโมงผ่านพ้นไปราวกับพริบตา
“ฮือ …. ”
มังกรเจียวหลงครวญยาว สุดท้ายฝืนใจไม่ไหว สิ้นเรี่ยวแรงร่วงลงกับพื้น
โครม!
ด้วยร่างอันใหญ่โต เพียงกระทบกับพื้น ยังก่อแรงกระแทกและสั่นสะเทือนมหาศาล
กองทหารรับจ้างของเกาหยูคัง ใบหน้าผุดรอยยิ้มออกมาพร้อมกัน แม้จะไม่มีเสียงโห่ร้อง แต่ความสุขของพวกเขา เอ่อล้นเกินบรรยาย
แม้ระหว่างกระบวนการจะมีเรื่องน่าตื่นเต้นหรือเหตุสุดวิสัยหลายอย่าง แต่ในตอนท้าย ผลลัพธ์ก็ออกมาดี
พวกเขาสามารถโค่นการดำรงอยู่ระดับจักรพรรดิสัตว์ร้ายลงได้!
เกาหยูคังสลายแรงกดดันออกจากร่างกาย การต่อสู้จนถึงตอนนี้ เล่นเอากำลังภายในของเขาแทบจะเหือดแห้ง หลังจากใช้เม็ดยาจำนวนมากคอยสนับสนุน การต่อสู้ก็จบลง
“เริ่มแยกวัตถุดิบ และเตรียมตัวถอย”
เกาหยูคังส่งสัญญาณมือกระจายหน้าที่ จากนั้นนั่งลงขัดสมาธิ เรียกใช้กำลังภายในเพื่อเร่งฟื้นฟูร่างกาย
ทางฉินเฟิงก็เริ่มสั่งการ ให้มือปืนเก็บอาวุธหนักของตน แล้วกระจายตัวออกไปประจำการตามจุดต่างๆ เพื่อคอยแจ้งเตือนกรณีถูกรุกรานจากสัตว์ร้ายภายนอก
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคุณสมบัติของดอกไม้หยาดน้ำตา เลยไม่มีสัตว์ร้ายตัวใดมาก่อกวนพวกเขา
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น
ภายในครึ่งชั่วโมง กองทหารของเกาหยูคังก็สามารถแยกวัตถุดิบจักรพรรดิสัตว์ร้ายได้ในที่สุด
“ฉินเฟิง คุณจะเอารางวัลเป็นเงิน หรือว่าแลกเปลี่ยนเป็นวัตถุดิบ?”
เกาหยูคังเอ่ยถาม
“ขอเป็นเหรียญพลังงานมูลค่า 100,000 ล้านเหรียญ ส่วนอีก 50,000 ขอแลกเป็นวัตถุดิบ ผมต้องการเลือดมังกร”
เจียวหลงเองก็มีสายเลือดมังกรเช่นกัน วัตถุดิบนี้มีราคาแพง แต่เป็นเรื่องยากที่จะเก็บรักษา ดังนั้นสำหรับบางคนมันไม่มีค่า เกาหยูคังตอบตกลงในทันที ทั้งยังมอบเนื้อและเกล็ดมังกรบางส่วนให้ฉินเฟิงนำไปสร้างเกราะชั้นใน ในภายหลัง
ฉินเฟิงพอใจกับการแลกเปลี่ยนครั้งนี้มาก
การร่วมมือคราวนี้ ไม่ว่าฝ่ายใดก็มีความสุข
กองทหารรับจ้างเฟิงหลีเริ่มถอนตัว คนในทีมส่วนใหญ่ได้รับเงินแทนวัตถุดิบ เพราะสำหรับมนุษย์กลายพันธุ์อย่างพวกเขา ทรัพยากรสำหรับใช้วิวัฒนาการ มันไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
ฉินเฟิงโอนเงินให้คนละ 1,000 ล้าน นี่ถือว่าเขามือเติบ ใจป้ำไม่น้อย
“ด้วยความแข็งแกร่งของหัวหน้า พวกเราเหมือนแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย”
“นั่นสิ ฉันเผลอคิดว่าต้องรับศึกหนักกับพวกกลุ่มเล่ยถังซะแล้ว”
“เหอะ! ฝ่ายไหนกันแน่ที่ต้องรับศึกหนัก ลืมไปแล้วรึไงว่าหัวหน้าสามารถฆ่าซงจินควงได้นะ!”
เห็นได้ชัดว่าทุกคนพอใจกับสถานการณ์ในปัจจุบันมาก เงามืดเรื่องร่างกลายพันธุ์ในจิตใจ ได้ถูกปัดเป่าออกไปด้วยภารกิจนี้
เมื่อภารกิจลุล่วง มักจะนำมาซึ่งเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเสมอๆ
บุกป่าฝ่าดงแค่ไม่กี่วัน ทุกคนก็เดินทางกลับมายังป้อมแนวหน้า และเป็นป้อมที่อยู่ใกล้กับทางออกของเทือกเขาหลงฉวนมากที่สุด –สถานชุมชนหลงฉวนที่ 3
อาณาเขตที่นี่ ไม่ได้กว้างขวางเท่ากับสถานชุมชนเฟิงหลี ทั้งยังเล็กกว่าเมืองหานที่ฉินเฟิงเคยไปเยือน
แน่นอน ที่นี่มีประชากรอาศัยอยู่ไม่มากนัก แต่ทั้งหมดล้วนเป็นยอดฝีมือ
หากคุณแวะเวียนมา บางทีอาจจะกระทบไหล่เลเวล B โดยไม่รู้ตัวก็ได้!
แน่นอน เมื่อมียอดฝีมือ ก็ย่อมต้องมีพนักงานไว้คอยบริการ ดังนั้นสถานชุมชนแห่งนี้เลยไม่เงียบเหงาซะทีเดียว
ฉินเฟิงและคนอื่นๆเดินทางตามถนนสายหลักมาจนถึงป้อม ไม่รอช้า ขับรถศึกล่องเวหาตรงไปยังโรงแรมทันที ออกนอกสถานที่มาตั้งหลายวัน แต่ไม่มีที่ให้อาบน้ำเลย หากยังมีกลิ่นอับและกลิ่นคาวของเลือดบนร่างกาย มันคงดูไม่ดี
หลังจากขัดสีฉวีวรรณ ทั้งหมดก็สบายเนื้อสบายตัว และออกไปดื่มสังสรร
ส่วนทางฉินเฟิง เขากำลังศึกษาแผนที่ วิเคราะห์สภาพแวดล้อมอันซับซ้อนของเทือกเขาหลงฉวน ตรวจสอบสัตว์ร้ายจำนวนมากที่อาศัยตัวอยู่ตามตำแหน่งต่างๆ
ฉินเฟิงสามารถต่อกรกับราชันย์สัตว์ร้ายได้โดยไม่รู้สึกกดดัน
และถ้าคิดท้าทายจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล D หากไป๋หลีและฉินเฟิงร่วมมือกันมันก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ขณะเดียวกัน นั่นเท่ากับเป็นการกระตุ้นความโลภของผู้อื่น
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับพวกระดับสูง การกระทบกระทั่งกันในทุ่งล่า ไม่สมควรฆ่าแกงกัน
มิฉะนั้นพันธมิตรมนุษยชาติอาจเข้ามาวุ่นวาย
อย่างเช่นเล่ยหยิง แม้เขาจะออกปล้นอยู่บ่อยครั้ง แต่เกือบทุกครั้งเขาไม่ได้ถึงขั้นลงมือสังหาร แค่ทำให้ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง
ฉินเฟิงขบคิดกับตัวเอง สุดท้ายตัดสินใจโทรหาเกาหยูคัง
“สวัสดีผู้การรัฐ พวกเรามาคุยกันเรื่องการร่วมมือครั้งต่อไปกัน” ฉินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงมีชีวิตชีวา
ทางฝั่งเกาหยูคัง เขากำลังนอนอยู่บนเตียง ตาปรือแทบจะหลับได้ตลอดเวลา การต่อสู้ในครั้งนี้กินพลังงานเขามากเกินไป หากจะให้ออกศึกอีกครั้ง เกรงว่าต้องพักผ่อนอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเฟิง เกาหยูคังหายสลึมสลือ ผงะตกใจ
“ครั้งต่อไปงั้นหรอ? แต่ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อม และคิดว่าทางคุณเองก็สมควรพักผ่อนก่อนเหมือนกัน อีกอย่าง จากข้อมูลที่มีอยู่ในตอนนี้ จักรพรรดิสัตว์ร้ายที่น่าสนใจยังไม่มี”
อันที่จริงข้อมูลจักรพรรดิสัตว์ร้ายบางตัวมันก็มีอยู่หรอก แต่ดันอยู่กันเป็นฝูงเนี่ยสิ!
และการดำรงอยู่ที่น่าสะพรึงเช่นนั้น เกาหยูคังไม่มีแผนคิดโจมตี
อย่างไรก็ตาม เกาหยูคังเข้าใจความหมายของฉินเฟิงผิดไป
“ครั้งต่อไปที่ผมชวน หมายถึงผมเป็นกำลังหลัก ส่วนผู้การรัฐ ผมอยากให้รับหน้าที่คอยขัดขวางคนอื่น”
เกาหยูคังตกใจอีกรอบ
“ฉินเฟิง เอาจรงๆเลยนะ ค่าจ้างฉันแพงมาก ถ้าคุณคิดสังหารราชันย์สัตว์ร้าย ต่อให้สังหารมันลงได้ ก็คงไม่พอจ่าย”
“พวกเราจะไปสังหารระดับราชันย์ซะที่ไหนกัน ไอ้พวกตัวแบบนั้น ผมจัดการเองก็ได้ ไม่ต้องพึ่งใครหรอก”
เกาหยูคังพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แม้ตัวเขาจะเป็นเลเวล C แต่หากศัตรูเป็นราชันย์เลเวล D ก็ใช่ว่าจะสังหารลงได้อย่างง่ายดาย แต่ฉินเฟิงพูดเหมือนกับมันง่ายราวพลิกฝ่ามือ
อย่างไรก็ตาม คำตอบของฉินเฟิง ยิ่งทำให้เกาหยูคังไม่อยากจะเชื่อ
“คุณกำลังจะบอกว่า … ต้องการออกล่าระดับจักรพรรดิ?”
“อืม!”
“แล้วเป้าหมายเล่า?”
“เป็นจักรพรรดิหวันเซี่ยง”
พรืด! เกาหยูคังเกือบสำลักน้ำลายตัวเองเพราะฉินเฟิง
“อย่าล้อกันเล่นแบบนี้สิ”
“หน้าตาผมดูเหมือนกำลังล้อเล่นหรือ?”
เกาหยูคังทำอะไรไม่ถูก เขาลูบหว่างคิ้วและกล่าว “ฉันขอคิดดูก่อน แล้วจะติดต่อกลับไปในภายหลัง ต่อให้คุณอยากจะสังหารจักรพรรดิหวันเซี่ยงก็ตาม ยังไงฉันก็ต้องขอพักฟื้นหนึ่งสัปดาห์อยู่ดี”
“ได้ ไม่มีปัญหา”
ฉินเฟิงตอบ และวางสายสนทนาไป
หลายวันต่อมา เกาหยูคังก็ยังไม่ตอบรับคำเชิญของฉินเฟิง แต่ฉินเฟิงไม่รีบร้อน ระหว่างรอ ทุกวันเขานำกองทหารรับจ้างของตนออกไปกวาดล้างสัตว์ร้ายตามเทือกเขา
ต้องบอกว่า เมื่อเทียบกับเลเวล D คนอื่นๆในสถานชุมชนหลงฉวนที่ 3 แล้ว กองทหารรับจ้างเฟิงหลีขยันยิ่งกว่าเสียอีก
การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ทุกครั้งที่ออกเดินทาง พวกเขาจะนำวัตถุดิบจำนวนมากติดไม้ติดมือกลับมา
แม้วัตถุดิบเหล่านั้นจะเป็นแค่วัตถุดิบจากสัตว์ร้ายเลเวล D ระดับสามัญ แต่เป็นจำนวนมหาศาล อัตราเร็วในการหาเงินของกองทหารรับจ้างเฟิงหลี ช่างน่าทึ่ง
แน่นอน หากกองทหารรับจ้างของคนอื่นคิดทำเช่นนี้บ้าง เกรงว่าพวกเขาคงไม่สามารถทำได้!
แต่กลับเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับกองทหารรับจ้างเฟิงหลี เนื่องจากพวกเขามาจากปราการชาตง ซึ่งอดีตเคยเป็นแนวหน้าที่ถูกประกาศว่า ‘วิกฤต’ ทุกคนที่นั่นล้วนเป็นทหารกล้าที่คอยปกป้องชาตง กล่าวได้ว่าต่อให้ไม่เสนอหน้าออกไป สัตว์ร้ายก็มาเยือนอยู่ดี –พวกเขาถูกบังคับให้ต้องต่อสู้!
ดังนั้น การต่อสู้ดุเดือดทุกวันในที่นี้ ไม่นับว่าเป็นสิ่งใด
ชั่วพริบตา หนึ่งสัปดาห์ก็ผ่านพ้นไป ความมั่งคั่งของกองทหารรับจ้างเฟิงหลี เพิ่มพูนขึ้นนับหลายร้อยล้าน
“ผู้การรัฐเกา ข้อเสนอเรื่องการร่วมมือ ได้ความว่าอย่างไรบ้าง?” ฉินเฟิงและเกาหยูคัง ประจันหน้ากันผ่านอุปกรณ์สื่อสารอีกครั้ง
เกาหยูคังขมวดคิ้ว สุดท้ายส่ายหัว “จักรพรรดิหวันเซี่ยงไม่ไหวจริงๆ ฉันขอปฏิเสธ”