โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 413
3/5
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.413 – เล่ยหยิงหาที่ตาย
ต้นไม้ไหม้เกรียม ผืนดินถูกแรงระเบิดขุดเป็นหลุมบ่อ ลึกลงไปในหลุมเต็มไปด้วยแขนขา
แม้จะเปรอะไปด้วยเลือกทุกหนแห่ง แต่การรับรู้ภายใต้พลังสมาธิของฉินเฟิง กริมที่อยู่ภายใต้แรงระเบิด ตายลงแค่ 200 ตนเท่านั้น
ส่วนตัวใกล้ๆที่เหลือ แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงนัก แต่โล่พลังงานล้วนถูกทำลาย แตกเป็นเสี่ยงๆ
ท่ามกลางความมืดมิด ฉินเฟิงปรากฏกายขึ้นจากในเงาของทหารกริมตนหนึ่งอย่างกะทันหัน มีดกษัตริย์ครามในมือเขาจ้วงออกไป เจาะลงตรงหน้าอกของศัตรูทันที
แก่นพลังงานหลุดกระเด็นออกมา!
เมื่อไร้ซึ่งแก่นพลังงาน พลังชีวิตของกริมตนนั้นก็สลายไป
ฉินเฟิงลอบโจมตีจากทุกทิศทาง เข่นฆ่าสังหาร ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร ทหารกริมจากในค่ายก็เริ่มตรงเข้ามาสมทบ
“โอบกอดทมิฬ!”
ในพริบตา ภายใต้หลุมขนาดใหญ่พลันถูกปกคลุมไปด้วยรูนสีดำโดยสิ้นเชิง ผู้คนมิอาจมองเห็นได้กระทั่งนิ้วมือที่ยื่นออกไป
ท่ามกลางความมืดมิด พลังสมาธิของฉินเฟิงถูกเร่งเร้า
“จงเข้ามา!”
เมื่อสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ ฉินเฟิงแน่นอนไม่คิดเข่นฆ่าสังหารอีกต่อไป เขาเพียงเรียกเอาแก่นพลังงานของกริมเหล่านั้นเข้าหาตัว
“ไปเถอะไป๋หลี”
และเร่งถอยหนีอย่างรวดเร็ว!
ออกจากเทือกเขาหลงฉวน ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งบนถนนหลัก ฉินเฟิงเรียกรถสายฟ้าสีเงินและขับกลับไป
เมื่อฉินเฟิงมาถึงสถานชุมชนที่ 3 ผู้ใช้พลังบนหอสังเกตการณ์ก็หันมามองหน้ากันและกันด้วยความตกใจ
เมื่อวานนี้พวกเขายังเห็นฉินเฟิงในชุมชนอยู่เลย อีกฝ่ายออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ไม่ต้องกล่าวถึงปัจจุบัน ฉินเฟิงไม่ได้เป็นแค่ผู้ใช้พลังเลเวล D นิรนามอีกต่อไป
–ออกล่าเพียงลำพัง สังหารศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าตนเองหลายเท่าตัว ความแข็งแกร่งดังกล่าว มากพอจะถูกกล่าวขวัญเป็นเกียรติยศ
คนของกองทัพเปิดประตูหน้า เฝ้ามองฉินเฟิงขับรถเข้าไปในชุมชน
ช่วงเวลา 6 โมงเช้า ตึกรับรองผู้ใช้พลังช่างเงียบเหงา กระทั่งเงาของผู้คนก็ไม่โผล่มาให้พบเห็น
อย่างไรก็ตาม สถานที่แห่งนี้เปิดทำการ 24 ชั่วโมง ฉะนั้นยังเหลือเจ้าหน้าที่คอยปฏิบัติการอยู่
“ส่งภารกิจ”
ฉินเฟิงเอ่ยปาก
ในตึกรับรองผู้ใช้พลัง เจ้าหน้าที่แบ่งกันทำงานออกเป็นวันละ 3 กะ และผู้ใช้พลังคนที่อยู่เวรในตอนนี้ คือคนๆเดียวกับที่เคยเจอฉินเฟิงมาก่อน
เขาไม่คาดคิดเลย ว่าเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนกะของตน จะได้พบเจอกับฉินเฟิงอีกครั้ง
“มิสเตอร์ฉินมาส่งภารกิจในครั้งนี้ คงไม่พ้นเป็นข้อมูลต่อสู้ครั้งล่าสุดอีกแล้วใช่ไหมขอรับ”
เจ้าหน้าที่พอจะคุ้นเคยกับฉินเฟิงอยู่บ้าง เพราะสุดท้ายแล้ว จนกระทั่งถึงตอนนี้ มีฉินเฟิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ออกไปสำรวจสถานการณ์ของศัตรู
“เดี๋ยวก็รู้เองล่ะน่า หลังจากได้ดูมัน” ฉินเฟิงไม่ได้แสดงทัศนคติในแง่ร้ายหรือดีกับอีกฝ่าย ส่งวิดีโอการต่อสู้ของตนออกไป
“ติ๊ง! การตรวจสอบเสร็จสิ้น บรรลุภารกิจ เงินรางวัลเป็นจำนวน … ”
ผลปรากฏว่า เพียงค่ำคืนเดียว ฉินเฟิงสังหารกริมไปกว่า 500 ตน วิดีโอดังกล่าวดึงดูดความสนใจของซื่อฉิงอีกครั้ง แม้คราวนี้เขาจะไม่ออกมาเจอหน้า แต่ก็มอบรางวัลเพิ่มเติมกว่า 10,000 ล้านให้เหมือนเดิม ไม่ลดจำนวนลงเลย
สรุปโดยรวมแล้ว ฉินเฟิงได้เงินจากการสังหารเป็นจำนวนกว่า 532,000 ล้านเหรียญ นี่ถือเป็นตัวเลขที่น่าตื่นตายิ่ง
เพราะมันทำกำไรได้มากยิ่งกว่าการสังการจักรพรรดิสัตว์ร้ายเสียอีก!
จากนั้น ฉินเฟิงก็โพสด์วิดีโอของตนลงในเครือข่ายนักสู้
หลายคนรับชมมัน ทั้งหมดต่างครุ่นคิดไปต่างๆนาๆ
บางทีอาจเป็นเพราะการต่อสู้กับศัตรูของฉินเฟิงมันช่างง่ายดาย ผู้คนมากมายเลยยิ่งรู้สึกตื่นเต้น โดยเฉพาะการกำจัดศัตรูได้ด้วยอาวุธปืน ตรงจุดนี้ทำให้มือปืนหลายคนพร้อมเคลื่อนไหว
ปัจจุบัน กองทัพกริมมีประชากรเหลือกว่า 6,500 ตน หากพวกเขาอัดปืนใหญ่แล้วสังหารพวกมันได้สัก 200 ตัว นั่นเท่ากับได้รับเงินรางวัล 200,000 ล้าน!
ในขณะที่กระสุนปืนที่ใช้ มากสุดย่อมไม่ถึง 100,000 ล้าน ธุรกิจทำกำไรง่ายๆแบบนี้พวกเขาจะไม่สนใจได้อย่างไร
ซื่อฉิงรับชมวิดีโอผ่านเครือข่ายนักสู้ ครั้งนี้เขาอดชื่นชมฉินเฟิงไม่ได้
“ไม่นึกเลย ว่าอาศัยแค่กำลังตนเพียงลำพัง เขาถึงกับสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้!”
ฉินเฟิงเคยบอกว่าจะทำการซุ่มโจมตีล่วงหน้า แต่ซื่อฉิงลังเล เพราะลึกๆเขายังหวังว่าอาจเกิดโชคดี อย่างในกรณีที่พวกกริมเปลี่ยนเส้นทางไม่ตรงมายังสถานชุมชนที่ 3 , อาจเบนทิศไปยังสถานชุมชนอื่นๆ หรือเลือกอาศัยอย่างสงบในเทือกเขาแทน
อย่างไรก็ตาม หเ็นได้ชัดว่าเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญานี้ ไม่พอใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางป่าเขา
พวกมันเริ่มกรีฑาทัพ
นอกจากนี้ คำนวณจากระยะทางแล้ว อย่างไรย่อมเป็นทิศทางของสถานชุมชนที่ 3
แต่กระนั้น ฉินเฟิงกลับสามารถชะลอฝีเท้าของศัตรูได้
หลังจากผ่านศึกมาตลอดทั้งคืน เกรงว่าเผ่ากริมคงหมดแรง ได้รับบาดเจ็บและหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม
เนื่องจากทุกตนไม่ได้พักผ่อน ดังนั้นไม่น่าจะมีแผนเริ่มมุ่งหน้าต่อ แต่ยังคงเก็บแรงไว้ในตำแหน่งเดิม วิสัยทัศน์ในยามกลางวันย่อมดีกว่า ไม่น่าจะมีขีปนาวุธใดๆเล็ดลอดเข้าไปได้
ด้วยเหตุนี้ ฝีเท้าของเผ่ากริมจึงหยุดชะงักลง
ในขณะเดียวกัน ฉินเฟิงที่ต่อสู้มาตลอดทั้งคืน ถึงที่พักก็ผล็อยหลับไป
เพียงแต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ในระหว่างวัน บางคนกลับเริ่มลงมือ
–เป็นเล่ยหยิง
เล่ยหยิงกับพวกทั้งสี่คน พาผู้ใช้บังคับบัญชาเลเวล D ของตนเองกว่า 200 คน และกระสุนปืนใหญ่ในปริมาณตีค่าเป็นเงินกว่า 200,000 ล้าน มุ่งหน้าเข้าไปยังเทือกเขาหลงฉวน
โดยไม่ใส่ใจปัญหาร้ายแรงที่สุด
นั่นคือระยะทาง
ฉินเฟิงมีตัวเชื่อมมิติอย่างไป๋หลี ทำให้เขาสามารถหลบหนีได้ทันทีที่ลอบโจมตี ทว่าพวกเล่ยหยิงไม่มี
หลังจากเดินขบวนไปได้ครึ่งวัน พวกเขาก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาใดๆของเผ่ากริม
เผ่ากริมกำลังพักผ่อนกันในตอนเช้า รักษาตนเอง พอถึงช่วงเที่ยง พละกำลังก็เริ่มฟื้นคืนกลับมา บาดแผลเองก็เริ่มปิดสนิท ตื่นเต็มตา เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา
จากนั้น พวกมันก็เริ่มเคลื่อนไหว
เผ่ากริมยังคงส่งทีมเล็กๆ ออกมาสำรวจเส้นทางข้างหน้า เนื่องจากพวกมันมีความสามารถในการบิน แตกต่างจากมนุษย์ ดังนั้นสามารถสังเกตสถานการณ์ได้ดีกว่ามาก
เมื่อถึงช่วงเวลาบ่ายสามโมง ทหารกริมบนท้องฟ้า ก็ใช้อุปกรณ์ต่างมิติของพวกมัน ส่งข้อความกลับไปยังฐาน
“ข้าเจอชาวพื้นเมืองของมิตินี้ แต่นอกเหนือไปจากผู้ใหญ่ทั้งห้าแล้ว กลิ่นอายของที่เหลือล้วนอ่อนแอ เป็นพวกทาสไร้กำลัง!”
กริมจะก้าวเข้าสู่เลเวล C ในวัยผู้ใหญ่ ดังนั้นเลยเรียกเลเวล C คนอื่นๆว่าผู้ใหญ่เช่นกัน ในขณะที่เลเวล D หรือต่ำกว่า ล้วนไม่อยู่ในสายตาของพวกมัน
“ระมัดระวังให้ดี บางทีอาจมีผู้ใหญ่ตนอื่นซุ่มซ่อนอยู่ อย่างเช่นเจ้าคนเมื่อวาน!”
“อย่าเพิ่งให้พวกเขารู้ตัว รอพวกเราไปสมทบ”
“จงอย่าหุนหันพลันแล่น ข้าไม่อยากให้เจ้าตาย พวกเราจะบุกโจมตีพร้อมกัน!”
ทหารกริมตอบรับ และพวกมัน ทั้งหมดก็ค่อยๆตีวงเข้าปิดล้อมอย่างเงียบๆ
เมื่อปิดล้อมจากทุกทิศทาง กริมนับไม่ถ้วนก็เริ่มลงมือ
ฉัวะะะ!
มือของกริมกลายเป็นกรงเล็บ ฉีกกระชากหน้าอกของผู้ใช้พลังเลเวล D คนหนึ่งทันที
“อ๊ากกกก”
เลเวล D ที่ไม่ทันตั้งตัวกรีดร้องออกมา จากนั้นก็มิอาจแหกปากได้อีกต่อไป
เขาถูกควักหัวใจโดยตรง!
เลือดพุ่งกระฉูดลงบนตัวกริม ก่อนหน้านี้พวกมันประสบกับโชคร้ายนับครั้งไม่ถ้วน แต่วันนี้ ในที่สุดก็ได้ระบายออกมา
กลุ่มกริม ราวกับหมาป่ากระโจนเข้าฝูงแกะ
ยิ่งไปกว่านั้น แกะฝูงนี้ยังมีขนาดเล็กเกินไป ตรงกันข้ามกับหมาป่าที่มีมากมาย!
กลายเป็นทุ่งสังหารโดยสมบูรณ์!
“วิ่ง!”
“ช่วยฉันด้วย หัวหน้า ช่วยฉัน!”
“อ๊าาาาาา”
ทั้งหมดกรีดร้องน่าอดสู แต่ไม่มีทางหยุดงานเลี้ยงละเลงเลือดแห่งการแก้แค้นนี้ได้เลย
“สายฟ้าสวรรค์!”
เล่ยหยิงตัดสินใจหลบหนี ช่างหัวแม่งไม่สนใครสักคน ปลดปล่อยอบิลิตี้อันทรงพลังออกมาเพื่อเปิดทางให้แก่ตนเอง
อำนาจของเลเวล C ยามระเบิดออก ไม่ต่างอะไรจากกระสุนปืนใหญ่
เมฆทะมึนปกคลุมผืนฟ้า และพริบตาสายฟ้าก็ฟาดผ่าลงมา
เขย่าจิตใจของผู้คน
***อีก 2 ตอนเจอกัน ก่อน 2 ทุ่มครับ อาจลงให้ก่อน