โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 479
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.479 – อดีตเพื่อนร่วมชั้น
ณ สถานชุมชนเฉิงเป่ย
โซนสลัม
ท่ามกลางตรอกซอกซอยสกปรก ร่างที่แทบดูไม่ออกว่าเป็นผู้หญิงกำลังดิ้นรนคุ้ยขยะ
แม้นี่จะอยู่ในช่วงฤดูร้อน แต่เธอก็ยังสวมเสื้อคลุมแขนยาว ไม่ยอมเปิดเผยเนื้อหนังแม้แต่น้อย เจ้าตัวเดินด้วยขาข้างเดียว ส่วนอีกข้างนำขาเทียมเหล็กราคาถูกมาสวม
ถังขยะร่วงตกลงมา พร้อมกับซากศพเน่าเปื่อยที่น่าจะแอบถูกยัดเอาไว้กลิ้งลงกับพื้น ทว่าหญิงสาวไม่แม้แต่จะแสดงท่าทีหวาดกลัวเลยสักนิด ตรงกันข้าม ดวงตาดันเปล่งประกายสดใส
เธอเริ่มค้นตามตัวศพอย่างรวดเร็ว แต่น่าเสียดาย ที่อีกฝ่ายไม่เหลือของมีค่าใดๆเอาไว้เลย
แววตาของหญิงสาวค่อยๆมืดมนลง สักพักได้สติกลับคืน เริ่มคุ้ยขยะต่อไป
ถังขยะถูกคุ้ยจนเกลี้ยง ส่งกลิ่นเน่าเหม็น ทั้งยังทำให้ซอยเส้นนี้สกปรก
ในเวลานั้นเอง ชายสองคนที่เดินโซซัดโซเซอยู่บนถนน จู่ๆก็เลี้ยวเข้ามาในซอย ฝ่ายหญิงเร่งก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว
ทว่า ชายสองคนนี้เห็นเธอแล้ว ด้วยความมึนเมา เลยดูเหมือนพวกเขาจะไม่ยินยอมปล่อยเธอไป ทั้งสองแยกกันดักหน้าหลังอย่างรวดเร็ว และกระชากหมวกของหญิงสาวออกมา
ใบหน้าเกลี้ยงเกลางดงามเผยโฉมทันใด
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันบอกนายแล้ว นังลูกเจี๊ยบนี่หน้าตาดีมาก”
“แต่ก็เป็นคนพิการ”
“พิการแค่ส่วนเดียวไม่ใช่รึไง ส่วนที่เหลือล้วนยังอยู่ในสภาพดี ฮ่าฮ่า” ชายคนแรกกล่าว พลางฉกมือไปจับหน้าอกของหญิงสาว
หญิงสาวชักมีดออกมาทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “หลีกทางให้ฉัน”
“ฮ่าฮ่า นังเด็กนี่มันเล็กพริกขี้หนู ขัดขืนแบบนี้ฉันชอบ!”
“วางมีดลงซะนังลูกเจี๊ยบ หรืออยากจะโดนหักขาอีกข้าง? เชื่อไหมว่าฉันจัดให้เธอได้!”
นักเลงขี้เมาทั้งสองขยับใกล้เข้ามา พวกเขาไม่กลัวหญิงสาวขาพิการ
ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในดวงตาของหญิงสาว แต่ฉับพลัน มันก็เปลี่ยนเป็นความดุร้าย
“หยุดเดี๋ยวนี้ ฉันขอเตือนพวกแก ฉันมีเพื่อนร่วมชั้นเป็นผู้ว่าการสถานชุมชนเฟิงหลี เขาแข็งแกร่งมาก! เขา … เขาคือเลเวล E ที่ทรงพลัง ถ้าพวกแกกล้ายุ่งกับฉัน ระวังฉันจะขอให้เขามาล้างแค้น!”
นักเลงขี้เมาทั้งสองพอได้ยิน ฝีเท้าหยุดกึก คล้ายกำลังลังเล แต่แทบจะในทันที หนึ่งในนั้นก็หัวเราะออกมา “ถ้าเธอมีเพื่อนเป็นเลเวล E จริง จะมานั่งเก็บขยะอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
การแสดงออกของอีกคนดูผ่อนคลายลง ตวาดประชดประชัน “เพื่อนร่วมชั้นบ้าอะไร? คงเป็นในสถาบันระดับต่ำหรือกลางล่ะสิท่า ฉันจะบอกอะไรให้นะ คนที่สามารถปลุกพลังได้แล้วน่ะ เขาจะมาใยดีอดีตเพื่อนร่วมชั้นแบบเธอหรือ? บางทีเขาอาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใคร ยัยขาเป๋!”
ดูเหมือนว่าเรื่องโกหกจะถูกเปิดโปง หญิงสาวลุกลี้ลุกลนจนเห็นได้ชัด ในตอนนั้นเอง ชายนักเลงอีกคนคว้าแขนเธอไว้ และทุบทำลายอุปกรณ์สื่อสารทันที
กระทั่งโอกาสได้โทรแจ้งขอความช่วยเหลือ ก็ยังหมดไป!
“นังลูกเจี๊ยบ ยอมซะดีๆ แล้วป๋าจะตบรางวัลให้!”
“ถ้าเธอไม่ยอม อย่าหวังเลยว่าจะมีชีวิตรอดต่อไปได้!”
“ปล่อยฉัน! ปล่อยนะ! ไปให้พ้น!” หญิงสาวพยายามดิ้นรนสุดชีวิต แต่ไม่ว่าจะทำยังไงเธอก็ไม่สามารถสลัดหลุดจากทั้งสอง
แต่ในเวลานั้นเอง ตรงปากซอย รถศึกล่องเวหาสุดหรูได้จอดลงอย่างกะทันหัน
จากนั้น ร่างสูงใหญ่พลันก้าวสะอึกเข้ามา
วินาทีถัดไป สองนักเลงลอยละลิ่วกลับหัวกลับหาง กระแทกเข้ากับผนังตึกดังโครม!
“หยางเคียน!” ฉินเฟิงเมื่อเห็นรูปลักษณ์น่าสมเพชของหยางเคียน สีหน้าของเขาก็กลายเป็นหนักอึ้ง ความโกรธเริ่มปะทุออกมา
หยางเคียนคือเพื่อนร่วมชั้นของฉินเฟิง ในชีวิตก่อนความทรงจำเกี่ยวกับเธอช่างแสนคลุมเครือ
นอกเหนือไปจากโจวฮ่าวกับเฉินหมิงแล้ว ความทรงจำที่ฉินเฟิงมีต่อเพื่อนคนอื่นๆ แทบจะลืมเลือนไปสิ้น
เพราะท้ายที่สุดแล้ว วันเวลามันล่วงเลยไปถึง 10 ทุกอย่างช่างบางเบาราวอากาศธาตุ
แต่เนื่องจากการเกิดใหม่ของฉินเฟิง เส้นทางแห่งโชคชะตาได้เปลี่ยนไป ในงานปาร์ตี้คืนสู่เหย้า กลับกลายเป็นถูกพวกองค์กรมืดบุกโจมตี ส่งผลให้ดอกไม้งามอย่างหยางเคียน ต้องกลายเป็นคนพิการ
ฉินเฟิงกลับมายังเฟิงหลีในครั้งนี้ ระหว่างทางฉุกคิดขึ้นได้ และตัดสินใจแวะมาดูหยางเคียน แต่เขาไม่คาดฝันเลย ว่าจะได้มาเห็นฉากนี้
“นายคือ … ฉิน .. เฟิง?” หยางเคียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยชื่อของฉินเฟิงออกมา เพราะสุดท้ายฉินเฟิงดูเปลี่ยนไปมาก หากไม่ใช่เพราะใบหน้าของเขายังเหมือนเดิม เพียงแต่เย็นชากว่าเดิมเล็กน้อย หยางเคียนคงไม่กล้าที่จะยอมรับว่าเป็นฉินเฟิงจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นความสูง , กล้ามตามร่างกาย , ห้วงอารมณ์ที่แสดงออก ล้วนเปลี่ยนแปลงไปสิ้น
ในเวลานี้ สองนักเลงขี้เมาร้องคร่ำครวญ ฉินเฟิงยั้งมือไว้ ไม่ได้ฆ่าทันที เพราะยังคำนึงถึงเพื่อนร่วมชั้นของตนที่เป็นเพียงคนธรรมดา
“นายท่าน นายท่านโปรดไว้ชีวิตด้วย!”
เมื่อได้สัมผัสกับความแข็งแกร่งของฉินเฟิง นักเลงขี้เมาคุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว
ต่อมา วิสัยทัศน์ของมันตกลงบนหน้าอกฉินเฟิง ดวงตาตี่กระตุกวูบ แต่สักพักหรี่แคบลง
“เหอะ! นี่แกกำลังเล่นละครหลอกลวงบิดาอยู่หรือไร? เลเวล C งั้นหรือ? เลเวล C จะมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้ยังไง! นั่นมันของเล่นปาหี่ล่ะสิใช่ไหม!!”
ชายคนที่คุกเข่าลงกับพื้น ฉีกยิ้มดุร้าย ปากอ้ายตวาดพลางพยายามลุกขึ้น
หยางเคียนพอได้ฟังก็มองไปทางฉินเฟิง รูม่านตาหดวูบลงเล็กน้อย แสดงท่าทีไม่เชื่อออกมา
นั่นเพราะเขาติดตราเลเวล C ไว้จริงๆ
ต้องรู้นะว่า การผลิตตราสัญลักษณ์ปลอม เมื่อถูกค้นพบ ย่อมไม่พ้นได้รับโทษ!
“ฉินเฟิง นี่นาย … ”
“ไม่ว่าฉันจะเป็นเลเวล C หรือไม่ก็ตาม พวกแกคิดว่าด้วยกำลังของที่มี จะสามารถเอาชนะฉันได้งั้นหรือ?” ฉินเฟิงเยาะหยัน จากนั้นหันมามองหยางเคียน “เจ้าสองตัวนี้ เธออยากจะให้ฉันทำอะไรกับพวกมัน”
แววตาของหยางเคียนทอประกาย เอ่ยในสิ่งที่ใจคิดออกมา “ฆ่า”
ฉินเฟิงมองไปทางหยางเคียนอย่างคาดไม่ถึง
หยางเคียนเอ่ยเสียงจม “พวกมันเห็นตราปลอมของนายแล้ว แบบนี้นายจะซวยไปด้วย ดังนั้นต้องตัดไฟแต่ต้นลม”
ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงกำลังคิดจะไว้ชีวิตนักเลงสองคนนี้ แต่ไม่นึกเลยว่ายหางเคียนจะไม่สนใจ และอยากจะฆ่าทั้งสองเสีย ฉินเฟิงพลันตระหนักได้ทันที ว่าหลังจากเกิดใหม่ เพื่อนร่วมชั้นที่เขาไม่ได้ติดต่อกันมานานร่วมปี สุดท้ายจะไม่ใช่อย่างที่เขาคิด … เธอไม่ใช่ดอกไม้ในเรือนกระจกอีกต่อไปแล้ว
บางทีสิ่งที่หยางเคียนประสบพบเจอในช่วงที่ผ่านมา มันอาจเลวร้ายเกินกว่าจะจินตนาการ
ตัวเธอแม้ถูกปลุกพลัง แต่สุดท้ายก็ต้องจมอยู่ในความมืดมิด ขณะที่ฉินเฟิง หลังปลุกพลัง ชีวิตเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล หลุดพ้นจากประสบการณ์อันมืดมิดโดยสิ้นเชิง
เกรงว่าก่อนที่เขาจะอายุถึง 16 ปี ฉินเฟิงก็คงได้รับประสบการทุกข์ระทมคล้ายๆกับหยางเคียนในตอนนี้กระมัง
“เข้าใจแล้ว ฆ่าก็ฆ่า”
ฉินเฟิงดีดนิ้วดังเป๊าะ สะเก็ดไฟสองดวงกระเด็น แผ่ขยายสะท้อนในดวงตาของนักเลงทั้งสอง สุดท้ายลุกโชนเป็นเปลวเพลิงคำรน แผดเผามอดไหม้
นำพาพวกมันจมสู่ความตาย
แม้หยางเคียนจะรู้ว่าฉินเฟิงสามารถสังหารคนได้ แต่ไม่คิดว่ามันจะง่ายดายขนาดนี้ เพียงเฝ้ามอง … ก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัว
“มหัศจรรย์มาก ฉินเฟิง! ครั้งล่าสุดที่ฉันได้เห็นนาย ฉันนึกว่านายปลุกพลังวรยุทธโบราณซะอีก อืม แต่ตอนนั้นสงสัยสถานการณ์มันโกลาหลเกินไป ฉันเลยไม่ทันสังเกตว่านายเป็นผู้ใช้อบลิตี้ไฟ แต่ แต่ แต่ ฉันได้ดูแล้วนะ โฆษณาสถานชุมชนเฟิงหลีของนายน่ะ!” หยางเคียนกล่าว ถึงเรื่องราวตอนงานปาร์ตี้คืนสู่เหย้า ท่าทีของเธอดูสงบเป็นอย่างมาก
หลายสิ่งหลายอย่าง ที่ดูโชคร้ายในสายตาของผู้อื่น พอมาตอนนี้เหมือนเธอจะไม่ค่อยเก็บไปคิดอะไรมากแล้ว
เพราะตราบใดที่ยังไม่ท้อถอย , ไม่จมอยู่กับความทุกข์ สิ่งเหล่านี้สุดท้ายเป็นเพียงเมฆครึ้มในอดีตเท่านั้น และมันได้ผ่านพ้นไปแล้ว
เมื่อวันเวลาล่วงเลย กาลเวลาจะชะล้างมันออกไปเอง ดังนั้น ถ้าเจอเรื่องที่ตนเองรู้สึกว่าโชคร้าย พวกคุณจะมัวทุกข์ระทมกับมันอยู่อีกทำไมเล่า?
ฉินเฟิงเอ่ยถาม “ฉันกับโจวฮ่าวให้เงินไปแล้วไม่ใช่หรอ แล้วทำไมเธอถึงมาตกอยู่ในสภาพนี้ได้?”
ตัวหยางเคียนในตอนนี้ ทำให้ภาพของคนๆหนึ่งวาบเข้ามาในจิตใจของฉินเฟิง –เป็นเสี่ยวจิง!