โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 512 - รอยแยกของป่าหยวน
Ep.512 – รอยแยกของป่าหยวน
“วางใจเถอะ ตราบใดที่ฉันอยู่ที่นี่ ฉันจะไม่มีวันให้เธอได้รับความไม่เป็นธรรม”
“ฉันเชื่อคุณ!” ไป๋หลียิ้มพลางกล่าว
“อีกอย่าง ต่อให้เธอถูกรังแก หรือพวกเราสู้ไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะหนีไม่ได้สักหน่อย จริงไหม? โลกใบนี้กว้างใหญ่นัก มันจะต้องมีสถานที่สักแห่งที่พวกเราสามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขได้อย่างแน่นอน” ฉินเฟิงบีบจมูกของไป๋หลี
“อื้ม!” ดวงตาของไป๋หลีเปล่งประกายสดใส สำหรับตัวเธอในตอนนี้ แม้ยังเด็กและเพิ่งใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ได้เพียงปีเดียวก็ตาม–
–แต่ตามความทรงจำที่ได้รับสืบทอดมาของไป๋หลี เดิมตัวเธอเป็นเผ่าพันธุ์นักเดินทาง ไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง แต่กระนั้น เธอก็ยังเต็มใจอยู่กับฉินเฟิง .. อยู่ในมิติระดับล่างแห่งนี้
ในทำนองเดียวกัน หากฉินเฟิงต้องการจะจากไป เธอย่อมยินยอมพร้อมใจที่จะพาฉินเฟิงไปยังมิติอื่นๆ ท่องไปยังพันหมื่นอาณาจักรที่เขาไม่เคยพบเห็น
และไม่มีใครสามารถหยุดเธอได้!
ติ๊ง!
บนหน้าปัดของรถศึกส่งสัญญาณเตือน ว่ามันใกล้ถึงที่หมายที่ฉินเฟิงระบุพิกัดเอาไว้ และดูเหมือนว่าตลอดเส้นทาง จะมีคนคอยเคลียร์ทางเอาไว้ให้อยู่แล้ว ฉินเฟิงจึงสามารถมาถึงได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อถึงที่หมาย หลายคนที่รออยู่ก่อนแล้วก็ลงจากรถ ออกมาทักทายฉินเฟิง และเตรียมเปลี่ยนไปนั่งฮอลศึก
“นี่คงจะเป็นมิสไป๋ ได้ยินชื่อเสียงมานาน ในที่สุดก็มีโอกาสได้พบกัน” ซางฮันมองไป๋หลี เพียงแวบเดียว ความประหลาดใจก็สะท้อนเข้าในแววตาของเธอ
แม้ข้อมูลของผู้หญิงคนนี้ จะถูกส่งไปยังโต๊ะทำงานของซางฮันก่อนแล้ว แต่ครั้งแรกที่เธอได้เห็นไป๋หลี ซางฮันก็ยังเกิดความรู้สึกว่า ผู้หญิงเบื้องหน้าช่างสมบูรณ์แบบเหลือเกิน
ยังสาว , ครอบครองใบหน้าอันงดงาม , ห้วงอารมณ์นิ่งสงบ ผิวกายราวหยกสลัก ไม่มีจุดก่างพล้อยใดๆ
“ยินดีที่ได้รู้จัก จ้าวพรมแดนซาง”
ทั้งสองเชคแฮนด์กัน
ซางฮันพยักหน้า แม้ในหัวใจจะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่เก็บเรื่องนั้นมาใส่ใจ อาจเรียกว่าเธอจงใจเพิกเฉยต่อมันก็ได้ เจ้าตัวไม่ต้องการที่จะมองหน้าไป๋หลีนานไปกว่านี้ เพราะยิ่งมองนานเข้า เธอก็ยิ่งรู้สึกละอายในรูปลักษณ์ของตัวเอง
“ขึ้นฮอลศึกกันเถอะ พวกเราจะมุ่งหน้าไปที่ป่าหยวน ใช้เวลาสักราวๆ 2 ชั่วโมง”
“รับทราบ”
หากไม่นับฉินเฟิงกับไป๋หลี คนอื่นๆที่อยู่ที่นี่ ล้วนเป็นผู้ใช้พลังเลเวล B มีทั้งสิ้นสี่คน หนึ่งในนั้นยังมีมือปืนเลเวล B และรับหน้าที่เป็นคนขับฮอลศึกในครั้งนี้
หยวนห่าวมาส่งซางฮันถึงนอกเมืองเท่านั้น แล้วกลับไป เนื่องจากด้วยความแข็งแกร่งของเขา มันยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะออกสำรวจสถานการณ์ในป่าหยวน
ฮอลศึกขับเคลื่อนในอากาศ ผ่านไป 2 ชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงขอบอาณาเขตป่าหยวน ที่นี่มีสัตว์ร้ายบินได้อยู่หลายตัว เมื่อเห็นฮอลศึก ก็โฉบตรงมาทันที
ปุ ปุ ปุด!!
หลายรังสีแสงปะทุขึ้นทันใด ยิงทะลุสัตว์ร้ายบินได้อย่างแม่นยำและไร้ปราณี
สมกับที่เป็นฝีมือของมือปืนเลเวล B !
ไม่นาน พวกเขาก็บินข้ามผ่านขอบอาณาเขตของป่าหยวน มุ่งหน้าเข้าสู่ภายใน ตรงไปยังภูเขาสูง ที่ซึ่งมีรอยแยกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น
รอยแยกนี้ ทำให้ภายในภูเขาขนาดใหญ่คล้ายถูกเจาะเป็นโพรง มองไกลๆไม่เหมือนรอยแยกมิติ แต่ดูเหมือนหลุมดำขนาดยักษ์ ที่สามารถกลืนกินทุกสิ่งมีชีวิตได้ซะมากกว่า
เกรงว่าฉินเฟิงจะไม่รู้ ซางฮันเลยเอ่ยอธิบายแก่เขาด้วยตัวเอง
“รอยแยกนี้ อันที่จริงมันเกิดจากรอยแยกมิติอีกอันที่โผล่ออกมาจากภูเขา ซึ่งรอยแยกเดิมมีขนาดใหญ่มาก สูงหลายร้อยเมตร กว้างกว่า 300 เมตร น่ากลัวมากจริงๆ”
ซางฮันชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งแล้วกล่าว “พื้นที่ตรงนี้ เป็นตำแหน่งที่อ่อนไหวมาก แม้ทางเราจะมีการสร้างอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติเอาไว้แล้วก็ตาม แต่มันไม่อาจทำงานได้ดีพอ ในทุกๆปี เมื่อถึงเวลาที่กำหนด รอยแยกก็จะปะทุออกมา บ้างเล็ก บ้างใหญ่ ขนาดไม่แน่นอน แต่ที่แน่นอนก็คือ มักจะมีกองทัพสัตว์ร้ายกรูกันออกมาเป็นขบวน หรือบางทีอาจเป็นสัตว์ร้ายระดับสูงไม่กี่ตัว ก็ยากจะบอกได้”
ก็อย่างว่า พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
ระหว่างที่ซางฮันกำลังอธิบาย รอยแยกในถ้ำยักษ์ก็พลันสั่นไหว สองคิงคองวัชระจู่ๆก็ผุดออกมา
มันคือสัตว์ร้ายเลเวล B สูงกว่า 20 เมตร เทียบได้กับอาคารหกชั้น เป็นสัตว์ร้ายประเภทยักษ์ใหญ่
ตึง!
ตึง!
ทุกย่างก้าว ก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอตนอื่นๆในป่าหยวน ต่างเตลิดหนีด้วยความตื่นตระหนก
คู่ดวงตาของซางฮันหม่นลง
นี่ยังไม่ถึงช่วงเวลาบุกของกองทัพสัตว์ร้ายเลย แต่จู่ๆก็มีเลเวล B กว่าสองตัวออกมาซะแล้ว การรุกรานของกองทัพสัตว์ร้ายในคราวนี้ ดูเหมือนจะอันตรายกว่าที่ผ่านมา
“ไป๋หลี เธอพอจะสัมผัสอะไรได้บ้างไหม?” ฉินเฟิงเอ่ยถามผ่านพลังสมาธิของเขา
“อืม ภายในภูเขา แทบจะถูกกลืนกินไปโดยมิติแล้ว ปัจจุบันมีรอยแยกกว้างกว่าหลายร้อยเมตรด้านใน มันเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกับถ้ำใหญ่แห่งนี้”
ไป๋หลีคือผู้เชี่ยวชาญด้านมิติ รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับมันราวกับเป็นสวนหลังบ้านของเธอ
ในเวลานั้นเอง ซางฮันได้สั่งการให้ฮอลศึกเตรียมลงจอด
เมื่อพบพื้นที่ราบ ทีมทั้ง 7 คนก็เริ่มก้าวเข้าไปในภูเขาใหญ่
เมื่อมองจากระยะไกล ในฉากที่พวกตนยืนอยู่ใกล้กับรอยแยกมิติ ทุกคนต่างรู้สึกว่า ตัวเองช่างเล็กจ้อย
ตึง!
เสียงฝีเท้าดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง ต้นตอย่อมไม่พ้นคิงคองวัชระสองตัวก่อนหน้านี้
“กองทัพสัตว์ร้ายยังไม่เริ่มรุกราน แต่ถ้าสัตว์ร้ายเลเวล B สองตัวนี้ก่อความวุ่นวายในป่าหยวนแล้วล่ะก็ มันอาจทำให้สัตว์ร้ายตัวอื่นๆตื่นตระหนก ดังนั้นต้องรีบฆ่ามันซะ” ซางฮันสั่งการ
“รับทราบ ท่านจ้าวพรมแดน”
ทุกคนพยักหน้ารับคำ เริ่มกลายเป็นตื่นตัว และเดินตามหลังซางฮัน
ซางฮันเป็นผู้นำก้าวไปข้างหน้า ไม่นานก็ปรากฏกายต่อหน้าคิงคองวัชระทั้งสอง อีกฝ่ายมีร่างกายใหญ่โต กระทั่งซางฮันเอง ยังมีขนาดไม่ใหญ่เท่ากับนิ้วของศัตรู
อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงที่ว่าซางฮันคือผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล A ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
หากเทียบกับสัตว์ร้ายสองตัวนี้แล้ว เธอแข็งแกร่งยิ่งกว่า
ไม่พูดพร่ำทำเพลง ในมือของซางฮัน ปรากฏมีดที่ดูเป็นเอกลักษณ์ขึ้นทันใด
“ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม!”
สิ้นเสียง ร่างสูงใหญ่ของซางฮัน พลันหายวับไปในอากาศที่บางเบา
คู่ดวงตาของฉินเฟิง กระพริบไหวอย่างรุนแรง สะบัดตรงไปยังข้อเท้าของคิงคองวัชระ และเป็นวินาทีเดียวกันกับแสงสะท้อนจากใบมีดปรากฏขึ้น พร้อมระเบิดกำลังภายในอันน่าตื่นตาออกมา
ฉัวะ!
ใบมีดของซางฮันตัดผ่านกล้ามเนื้อของศัตรูทันที มันกรีดลึกจนเห็นกระดูก เลือดสดๆไหลทะลักออกมาราวกับน้ำพุ
“ก๊าซซซซ” คิงคองวัชระเปล่งเสียงกรีดร้องระคายหู มันมิอาจยืนหยัด ทรุดล้มลงกับพื้นดังโครม
เมื่อร่างใหญ่ล้มลง ก็ง่ายต่อการลงมือของฝูงชน
“ฆ่ามัน!”
“พฤกษาพันธนาการ!”
หนึ่งในผู้ใช้อบิลิตี้ ระเบิดเทคนิคอันทรงพลังออกมา ต้นไม้ใหญ่หลายสิบต้นผุดงอก เติบโตขึ้นอย่างบ้าคลั่ง แตกกิ่งก้านกลายเป็นเถาวัลย์ รัดพันรอบตัวคิงคองวัชระที่บาดเจ็บ
ขณะเดียวกัน ร่างของซางฮันหายวับไปอีกครั้ง และปรากฏกายบนคอของคิงคองวัชระอีกตัวอย่างรวดเร็ว
ฉัวะ!
อีกคมมีดเฉือนเข้าสังหาร
“ก๊าซซซ” คิงคองวัชรแตกตื่นตกใจอย่างหาที่เปรียบ มันดิ้นสะบัดอย่างรุนแรง ชนต้นไม้ใดก็ล้มตึงในคราวเดียว กระบวนท่าของซางฮันในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะพลาดจุดสำคัญไป
คิงคองวัชระดิ้นรนขัดขืน ตบฝ่ามือ เข้าใส่ฝูงชนที่คิดทำร้ายมัน
วูซ วูซ วูซ
ผู้ใช้พลังในทีมพากันหลบเลี่ยงอย่างคล่องแคล่ว และเริ่มโจมตีต่อ ทั้งหมดถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี กระบวนการต่อสู้เป็นไปอย่างไม่ติดขัด
แน่นอน กำลังหลักในครั้งนี้ยังคงเป็นซางฮัน
ฉินเฟิงเมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ก็เริ่มลงมือบ้าง
“ลำแสงแห่งความมืด!” เส้นแสงทะมึน พุ่งเข้าใส่คิงคองวัชระทันที เรี่ยวแรงของอีกฝ่ายพลันเหือดหาย กลายเป็นอ่อนแอลงทันใด
ฉินเฟิงชักมีดกษัตริย์ครามออกมา
“พลุไฟสงคราม!”
แสงสีม่วง ทะยานออกไปหลายสิบเมตรในพริบตาเดียว ตกลงบนหัวของคิงวัชระพอดิบพอดี
คิงคองวัชระที่แต่เดิมดิ้นรนขัดขืน จ้องมองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างไปด้วยความโกรธ ทว่ากะโหลกของัมนถูกเจาะทะลุเป็นที่เรียบร้อย
ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขอบคุณสมาชิกคนอื่นๆในทีม ที่ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของมัน มิฉะนั้นฉินเฟิงคงไม่อาจหาจังหวะสังหารอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้
“ ฮู้มมมมม ” คิงคองวัชระอีกตัวที่อยู่ห่างออกไปเพียงร้อยเมตร หลังตระหนักได้ว่าสหายตายลง ก็กลายเป็นคลุ้มคลั่ง วิ่งเข้าหาฝูงชน ผืนดินสะเทือนจนผู้คนมิอาจหยัดยืนฝีเท้าอย่างมั่นคง
มันโกรธเกรี้ยวสุดๆ และปรารถนาที่จะฉีกทึ้งทุกคนในที่นี้ให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!