โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 536
Ep.536 – หอคอยประตูมังกร
ในวันเดียวกัน พิธีเปิดอันครื้นเครงได้ถูกจัดขึ้น
ลูกรักของพระเจ้าจากสี่ภูมิภาค รวมไปถึงอัจฉริยะจากเมืองหลวงมังกร หลังนับยอดแล้ว ปรากฏว่ามีถึงหลักร้อย
ในเมืองหลวงมังกร มีเลเวล D ที่อายุต่ำกว่า 20 ปีนับสิบคน และคนที่แข็งแกร่งที่สุด ยังมีเลเวลมากถึง D6
กล่าวได้ว่า ลูกรักของพระเจ้าจากภูมิภาคอื่นๆ ถูกบดบังรัศมีจนสิ้น!
ภายในจัตุรัสของเมืองหลวงมังกร พื้นที่กว้างขวางใหญ่โต ปรากฏเจดีย์หลากสีอยู่ใจกลาง เปล่งประกายด้วยแสงอันเป็นเอกลักษณ์ พอลองเงยหน้าขึ้นมองมัน คุณจะสามารถมองเห็นท้องฟ้าสีครามด้านบน
ฉากนี้ทำให้ฉินเฟิงเกิดความรู้สึกว่า ตนไม่ต่างไปจากกบในบ่อน้ำ ที่ได้แต่แหงนมองท้องฟ้า ไม่สามารถออกไปได้ชั่วชีวิต
บางที อาจเพราะมนุษย์ถูกขับไล่โดยสัตว์ร้าย หวั่นเกรงว่าจะถูกพวกมันไล่ล่า ผู้คนส่วนใหญ่เลยต้องทำได้แค่ใช้ชีวิตอยู่หลังกำแพง
แม้เมืองหลวงมังกรจะแบ่งออกเป็นชั้นๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแต่ละชั้นจะมีลักษณะเหมือนกับในรูปแบบอาคารทั่วๆไป ในทางตรงกันข้าม ณ ตำแหน่งใจกลางของมันเป็นพื้นที่โล่ง กินระยะกว้างนับกิโลเมตร และใจกลางของมันอีกที คือตำแหน่งที่ตั้งของหอคอยประตูมังกร
รูปทรงของหอคอยประตูมังกร มีสภาพไม่ต่างไปจากกำแพงเมืองหลวงมังกรรุ่นย่อขนาด ภายนอกแกะสลักแวววาวโปร่งใส ราวกับเป็นเกล็ดสีทอง และแต่ละเกล็ดทั้งหมดให้ความรู้สึกเหมือนบานประตู
หากลองสังเกตดูดีๆ จะพบว่ามีบานประตูมากถึงนับร้อย และเมื่อใดก็ตามที่มีคนก้าวเข้าไปในบานประตู เกล็ดมังกรชิ้นนั้นจะเปล่งแสง ให้ผู้คนรับรู้ว่ามีคนอยู่
ช่วงเวลานี้ ลูกรักของพระเจ้าจากแต่ละภูมิภาค ต่างก้าวออกมา
“นายคิดว่างานประลองลูกรักของพระเจ้าในปีนี้ ใครจะได้ที่หนึ่ง?”
“ยังจะถามอีกหรออีกหรอ ต้องเป็นคนจากตระกูลหลงอยู่แล้ว ตำแหน่งชนะเลิศ สุดท้ายคงตกเป็นของนายน้อยหลงกัน!”
“หลงกันในปีนี้ อายุแค่ 18 ปี แต่สามารถยกระดับขึ้นถึงเลเวล D6 แล้ว เมื่อปีที่แล้วเขาเพิ่งตัดผ่านสู่เลเวล D บางทีเขาอาจอยากสาดน้ำครั้งหนึ่ง หนาวสะท้านไปทั้งแผ่นดิน ดังนั้นเขาเลยไม่ได้เข้าร่วมรอบคัดเลือก”
“ใช่ แต่ในครั้งนี้ จิหรัน ก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน ทั้งสองถือเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสี เหมาะสมกันจริงๆ”
“จ้วงเซินก็ไม่เลวนา อย่าลืมสินะว่า เจ้าหนูนั่นสามารถทำพันธสัญญากับราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล D ได้!”
“ฉันเชื่อมั่นว่าเลเวล D6 ทั้งสามคนนี้ จะต้องปีนขึ้นไปถึงชั้นบนสุดได้อย่างแน่นอน!”
สำหรับตัวแทนจากภูมิภาคอื่นๆ ทุกคนก็พอจะทราบข้อมูลพวกนี้อยู่บ้าง ดังนั้นการมาร่วมงานในครั้งนี้ อาจถือซะว่ามาเอาประสบการณ์
ดังนั้น เลยเป็นธรรมดาที่จะไม่มีใครให้ความสนใจพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น ตัวแทนจากภูมิภาคอื่นเป็นทีมเยือน มิใช่คนบ้านเดียวกัน ผู้คนในเมืองหลวงมังกรเลยไม่คุ้นเคยกับพวกเขา ดังนั้นละความสนใจ
สิ่งเดียวที่เหล่าผู้ชมทราบก็คือ ไม่ว่าผู้มาเยือนจะเป็นอย่างไร สุดท้ายก็ไม่อาจเทียบกับเหล่าลูกรักของพระเจ้าในเมืองหลวงมังกรได้อยู่ดี
เพราะความแข็งแกร่ง มันห่างชั้นกันมากเกินไป!
“ถึงเวลาแล้ว! ผู้ร่วมประลองโปรดเข้าสู่หอคอยประตูมังกร!”
สิ้นเสียงประกาศ ผู้ประลองกว่าร้อยคนเริ่มก้าวเท้า ตรงเข้าสู่หอคอยประตูมังกรทันที
ฉินเฟิงสวมเสื้อคลุมกันลมแบบกว้าง สภาพอากาศในเวลานี้ ย่างเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนแล้ว ดังนั้นแต่งกายเช่นนี้ ไม่ถือว่าแปลกอะไร แต่ข้อดีที่สุดของชุดนี้ก็คือ สามารถบดบังสายตาผู้คน คงไม่มีใครสังเกตเห็นเลย ว่าข้างในมัน ปรากฏบางสิ่งที่มีสีขาวราวหิมะ –จิ้งจอกน้อยขนยาวปุกปุยห้าหาง กำลังซุกซ่อนตัวอยู่
มิใช่ใดอื่น เป็นไป๋หลีที่กลับคืนสู่รูปลักษณ์ของสัตว์ร้ายมิติ
ส่วนข้างๆฉินเฟิงเป็นโจวฮ่าว โดยมีนางพญามดทองที่ส่งกลิ่นอายระดับราชันย์กำลังยืนหยัดอยู่บนไหล่เขา
เขตแดนลับของประตูมังกรแห่งนี้ สามารถใช้ออกด้วยทุกกลยุทธ์ และสัตว์พันธสัญญาก็เป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งเช่นกัน
ฉินเฟิงกวาดสายตาไปทางซ้าย เห็นบรรดาลูกรักของพระเจ้าก้าวออกมาไม่หยุดหย่อน จนสายตาไปตกลงบนร่างของตัวแทนคนหนึ่งจากเมืองหลวงมังกร ที่กำลังขี่เสือขาวหิมะ
และเสือขาวตัวนั้น เป็นราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล D
เขาเลือกที่จะเผยโฉมของสัตว์พันธสัญญาอย่างผ่าเผย นี่ช่วยให้ฉินเฟิงคิดว่า ต่อให้เขาปล่อยไป๋หลีออกมา เธอในขนาดย่อส่วนคงไม่เด่นอะไร
“เริ่มต้นงานประลองได้!”
สิ้นเสียงประกาศ ฉินเฟิงก็เริ่มก้าวเดิน มุ่งเข้าสู่หอคอยประตูมังกร
เพียงย่างกรายเข้าไป เขาสัมผัสถึงแรงบีบอัดของมิติได้ในทันที แต่ก็เพียงชั่วคราว จากนั้น เมื่อวิสัยทัศน์ฟื้นคืนกลับมา เขาพบว่าตนเองยืนอยู่ในเขตแดนลับแล้ว ดูเหมือนจะเป็นเขตแดนลับที่เต็มไปด้วยพลังงานนับไม่ถ้วน
ต่อมา บังเกิดคลื่นความผันผวนชนิดหนึ่ง กวาดผ่านร่างของฉินเฟิงไป นี่น่าจะเป็นการตรวจสอบความแข็งแกร่งโดยรวมของเขา
“กุ .. กูว .. ”
เสียงแปลกๆดังเข้ามาจากเบื้องหลัง โฉบเข้าหาต้นคอของฉินเฟิง
มือของฉินเฟิงเอื้อมคว้าไปในความว่างเปล่า วินาทีต่อมา มีดกษัตริย์ครามพลันปรากฏขึ้นในมือเขา สะบัดโจมตีสัตว์ร้ายจากด้านหลังทันที
คมมีดกรีดผ่านท้องช่วงล่างของสัตว์ร้ายเสือโคร่ง แยกมันเป็นสองส่วนในพริบตา
ทว่าแม้จะถูกสังหาร แต่ตามตัวเสือโคร่งกลับไม่มีเลือดไหลออกมา มันแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง สลายเข้ามารวมอยู่ในกายฉินเฟิง
และพลังงานนี้ไม่มีทีท่าว่าจะเล็ดลอดหรือหลบหนีเลย
แน่นอน ลูกรักของพระเจ้าคนอื่นๆไม่มีความสามารถในการดูดซับพลังงานเท่ากับฉินเฟิง แต่มันก็เพียงพอที่จะดูดซับพลังงานหนึ่งในสิบที่ก่อตัวขึ้นเป็นสัตว์ร้ายได้ และนั่นนับว่าน่าทึ่งมากแล้ว
การดูดซับในพริบตา เมื่อเทียบกับการต้องค่อยๆดูดซับพลังงานจากแก่นสัตว์ร้ายแล้ว มันเร็วกว่ามาก
ช่วงเวลานี้ ลูกรักของพระเจ้าจากทั้งสี่ภูมิภาค เหนือ ใต้ ออก ตก ที่ยังไม่เคยสัมผัสกับหอคอยประตูมังกรมาก่อน ทั้งหมดต่างรู้สึกตื่นเต้น
“ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมตัวแทนจากเมืองหลวงมังกร ถึงสามารถยกระดับได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ เป็นเพราะหอคอยประตูมังกรนี่เอง ตราบใดที่พวกเขาทุ่มเทเข้าท้าทายมัน ทำตัวเป็นดั่งปลาคาร์พพยายามว่ายทวนกระแสธารน้ำตก เมื่อไม่ย่อท้อหรือหยุดยั้ง วันที่ว่ายพ้นธารน้ำตก และทะยานขึ้นเป็นมังกร คงไม่ใช่แค่ฝัน!”
“ฆ่า! ไอ้เจ้าสัตว์ร้ายพวกนี้ จะต้องฆ่ามันให้หมด!”
“ถ้าคอยดูดซับพลังงานจากพวกมันต่อไปเรื่อยๆ ตัวฉันเองก็คงสามารถยกระดับได้ในที่นี่เหมือนกัน!”
เหล่าลูกรักของพระเจ้าตื่นเต้นกันมาก
พวกเขาล่า และสังหารสัตว์ร้ายอย่างไม่หยุดยั้ง และเมื่อสัตว์ร้ายถูกสังหารลงมากขึ้นเรื่อยๆ ในโลกภายนอก ตามกำแพงของหอคอยประตูมังกร พวกมันเริ่มฉายภาพการต่อสู้ที่เกิดขึ้นภายใน เกล็ดที่เชื่อมต่อกับประตู กำลังเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่อง
“ดูนั่น! แสงสีทองของนายน้อยหลงกันติดหนึ่งในสามแล้ว เขากำลังจะขึ้นไปยังชั้นสอง!”
“นี่เร็วมาก ตั้งแต่เริ่มยังไม่ถึง 5 นาทีเลย”
“แต่คนอื่นๆก็ไม่เลวเหมือนกัน”
พวกเขามัวแต่มุ่งความสนใจไปยังอีกฝั่งหนึ่ง จนไม่ทันสังเกตเห็น ว่าสีอีกแสงสีทอง กำลังเคลื่อนที่อย่างช้าๆ ราวกับไม่มีอะไรกีดขวาง
และแสงสีทองจากประตูบานนั้น มิใช่ใครอื่น เป็นฉินเฟิง!
ภายในเขตแดนลับ มือของฉินเฟิงวาดสะบัดเข้าสังหารสัตว์ร้าย ขณะเดียวกัน สองเท้ายังคงเหยียบย่างบนบันไดหยกขาว ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง สักพักทัศนียภาพรอบตัวเขาก็เปลี่ยนไป พร้อมกับจำนวนของสัตว์ร้ายที่มากขึ้นเรื่อยๆ และทั้งหมดแสดงออกชัดว่าต้องการกินมนุษย์
แม้สัตว์ร้ายเหล่านี้จะถูกสร้างขึ้นจากพลังงาน แต่เมื่อพวกมันโจมตี จะให้ความรู้สึกเจ็บปวดจริงๆ
กล่าวได้ว่านี่ไม่ใช่ร่างเงาธรรมดาๆ
ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากความแข็งแกร่งของฉินเฟิงอยู่ในเลเวล C2 ดังนั้นสัตว์ร้ายเหล่านี้ เลยอยู่ในเลเวล C2 ด้วย และจำนวนที่โถมเข้าโจมตีฉินเฟิง ยิ่งเดินยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งระดับของมันก็เริ่มเพิ่มพูน
บรรดาลูกรักของพระเจ้าในหอคอย ทั้งหมดต่างทุ่มสุดกำลัง
มีเฉพาะฉินเฟิง ที่เดินขึ้นหอคอยอย่างสบายๆ ระหว่างทางเป็นไปอย่างราบรื่น ฝั่งไป๋หลีเองก็ไม่คิดลงมืออะไร
อย่างไรก็ตาม ครู่ต่อมา เมื่อเหยียบบันไดหยกขาวขั้นใหม่ พลันปรากฏสนามอันกว้างขวางขึ้น
ฉินเฟิงก้าวเท้าอีกข้างขึ้นไปเหยียบบนสนาม และเสียงๆหนึ่งก็แทรกเข้ามาในรูหูเขาเป็นการต้อนรับทันที ภาพจำลองโฮโลแกรมถูกส่งออกมา
【ติ๊ง! เวลาผ่านด่าน : 13 นาที , คุณปีนมาถึงสุดทางของหอคอยประตูมังกรชั้นที่ 1 แล้ว , เริ่มทำการจัดอันดับ . อันดับในปัจจุบันของคุณ : 4】
เห็นอยู่ชัดๆว่าฉินเฟิงมิได้เชื่องช้า แต่เลเวล D6 ทั้งสามคนกลับเร็วยิ่งกว่า เขาถูกอีกฝ่ายทิ้งไว้เบื้องหลัง
อย่างไรก็ตาม นี่คือสิ่งที่ฉินเฟิงต้องการ หอคอยประตูมังกร แท้จริงแล้วเป็นเพียงการทดสอบเท่านั้น ประโยชน์ที่แท้จริงของมัน เป็นทางเข้าเขตแดนลับที่ตั้งอยู่บนยอดสุดต่างหาก
แต่ทางเข้าเขตแดนลับแห่งนั้น มีเฉพาะวันนี้ของปี ถึงจะเปิดขึ้น ดังนั้นภายในวันนี้ เมืองหลวงมังกรจึงห้ามคนอื่นๆเข้าสู่หอคอย และปล่อยให้ลูกรักของพระเจ้าเท่านั้นที่เข้ามาได้ นี่ก็เพื่อช่วยยกระดับของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
ฉินเฟิงไม่จำเป็นต้องเปิดเผยความแข็งแกร่งของเขา แค่แสดงเท่าที่จำเป็น ไปถึงสิบอันดับแรกก็พอแล้ว
ฉินเฟิงก้าวไปตามบันไดหยกขาวที่ละขั้น ทีละขั้น ร่างเงาของฝูงสัตว์ร้ายกระโจนเข้าขัดขวาง แต่ก็ถูกฉินเฟิงสังหารอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับขยะ กวาดมันไปให้พ้นทาง