โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 604 - กลายเป็นคนจน
Ep.604 – กลายเป็นคนจน
คงถิงโดนคงโบะตวาดเสียงเข้ม ประกอบกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ บังเกิดความรู้สึกคับข้องใจอย่างถึงที่สุด ดวงตาของเธอเริ่มแดงเรื่อ
คงโบะเองก็ตระหนักว่าน้ำเสียงของเขารุนแรงเกินไป จึงเร่งอธิบาย
“สีของอุปกรณ์รูน เดิมเกิดจากคุณสมบัติของน้ำยาพิเศษที่ใช้ย่อยวัตถุดิบสัตว์ร้าย แต่รูบิควิเศษนี้ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาที่ว่า สามารถย่อยสลายและหลอมวัตถุดิบรวมเข้ากับอาวุธได้เลยโดยตรง หลักการทำงานของมัน ถือเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างแท้จริง ทั้งยังเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธลับอย่างไร้ข้อกังขา”
พอได้ยินคำอธิบาย หัวใจของคงถิงที่คับข้องค่อยคลายลง แม้ยังไม่พอใจแต่สามารถข่มอารมณ์เอาไว้ได้
จบปัญหาไปได้หนึ่งเปราะ คงโบะก็หันมากล่าวกับฉินเฟิง “ฉินเฟิง เจ้าสิ่งนี้มีค่ามากสำหรับฉัน ไม่ทราบว่าคุณพอจะขายมันให้แก่ฉันได้ไหม?”
พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ คิ้วของฉินเฟิงเริ่มขมวดเข้าหากัน เขาเอ่ยปาก “มิสเตอร์คง เจ้าสิ่งนี้เองก็สำคัญสำหรับผมเหมือนกัน”
คงโบะตะลึงไปพักหนึ่ง อันที่จริงแล้ว ในความคิดของเขา มันตรงกันข้ามเลย ฉินเฟิงไม่น่าต้องการเจ้าสิ่งนี้ถึงขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม ที่คิดแบบนั้น เป็นเพราะคงโบะยังไม่ล่วงรู้ถึงความเร็วในการยกระดับของฉินเฟิง ว่าจำเป็นต้องปรับแต่งมีดกษัตริย์ครามให้เหมาะสมและทันกับเลเวลของตัวเองตลอดเวลา ไหนจะพวกอาวุธ , ชุดเกราะ และชุดสวยๆของไป๋หลีอีก หรือต่อให้เขาไม่ค่อยได้ใช้งานมัน ฉินเฟิงก็ไม่มีความตั้งใจจะขายอยู่ดี
“มิสเตอร์คง เหตุผลที่ผมนำมันออกมา ไม่ใช่เพราะจะขายให้คุณ แต่แค่คิดว่าเจ้าสิ่งนี้น่าจะช่วยคุณได้” ฉินเฟิงกล่าว
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ถือว่าฉันเข้าใจผิดไปก็แล้วกัน แต่ถ้าฉันสามารถใช้เจ้าสิ่งนี้สร้างมีดบินสักชุดหนึ่งได้ มันจะดีมากๆเลย สำหรับฉัน นี่ถือเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ … เอาอย่างนี้เป็นไง ถ้าฉันจะขอเช่ามันชั่วคราว โดยแลกเปลี่ยนกับบางสิ่งบางอย่าง คุณจะตกลงไหม?”
คงโบะเดิมคิดว่าฉินเฟิงจะขายมันให้แก่เขา แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดขาย ถ้างั้นก็เหลือวิธีเดียวคือแลกเปลี่ยนกัน
เพียงแต่ว่า คงโบะไม่ทราบจะกำหนดราคาเช่ายืมมันอย่างไรดี ประเด็นคือเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่สามารถเสนออะไรได้ อำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ที่ฉินเฟิงโดยสิ้นเชิง
ฉินเฟิงขบคิดชั่วขณะ ก่อนเอ่ยปากว่า “ผมไม่ต้องการเอาเปรียบมิสเตอร์คงอะไรมากมาย แต่ถ้าจะให้กล่าวแบบรวบยอด เรียกว่าอยากสร้างบุญคุณเล็กๆน้อยๆแก่คุณก็ได้ ฉะนั้นขอคิดค่าเช่าตามราคา 20% จากวัตถุดิบที่คุณใช้หลอมมีดบินก็พอ”
ราคานี้ ถือว่ายุติธรรมแล้ว สมมติคุณได้ว่าจ้างกลุ่มหวันซ่งผลิตอุปกรณ์รูนชิ้นหนึ่ง โดยมันทำจากวัตถุดิบระดับราชันย์เลเวล G ที่มีมูลค่า 5 ล้าน แต่ถ้าคุณมีวัตถุดิบอยู่แล้ว ทางกลุ่มหวันซ่งจะคิดว่าเฉพาะในส่วนค่าผลิตแค่ 1 ล้านเท่านั้น
สำหรับข้อเสนอนี้ ราคาค่าเช่ารูบิควิเศษจะมากแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่าคงโบะจะสร้างมันจากวัตถุดิบอะไรแล้ว!
คงโบะพยักหน้ารับข้อเสนอ กล่าวทันทีว่า “ได้สิ อันที่จริงฉันอดคิดไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าจะเป็นคุณที่ขาดทุนรึเปล่า”
ฉินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มิสเตอร์คงมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว ต้องไม่ลืมนะว่า นับจากนี้มีดบินพวกนั้นจะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต ทั้งยังเป็นมีดบินที่กลบจุดอ่อนของคุณ ดังนั้นหากคุณยังเลือกใช้วัตถุดิบเลเวล C ในการสร้างมันล่ะก็ คงน่าเศร้าเกินไป”
เมื่อรับฟังถึงจุดนี้ คงโบะก็ถึงบางอ้อ
จริงด้วยสิ หลังจากนี้มีดบินจะไม่มีจุดอ่อนอีกต่อไปแล้ว นั่นหมายความว่าตราบใดที่มีดบินมีความแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดีเท่านั้น อีกอย่างตนได้มาถึงเลเวล B7 แล้ว ในมุมมองของคงโบะ ถือว่าสูงมาก หากให้กล่าวตามหลักเหตุผล ผู้ใช้พลังมากมายที่ยกระดับมาได้ถึงเลเวลหนึ่ง เป็นธรรมดาที่พวกเขาต้องการอาวุธประจำกายในเลเวลเดียวกัน แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถทำได้?
ดังนั้น ตอนนี้เมื่อมีโอกาสแล้ว เขาควรจะคว้ามันไว้!
“มิสเตอร์ฉินพูดได้ถูกต้อง” คงโบะตัดสินใจเด็ดขาด จากนั้นเอ่ยอย่างเสียดายว่า “แต่ฉันกลัวว่าวันนี้พวกเราจะทำมันไม่ทัน เพราะนี่ก็ดึกแล้ว ถ้างั้นฉันขอชวนทั้งสองคนมาทานข้าวด้วยกันจะได้ไหม? ส่วนเรื่องผลิตมีดบินจากรูบิควิเศษ เอาไว้ค่อยพูดกันวันพรุ่งนี้”
“ตกลง”
หลังจากนั้น หากนับคงถิงด้วย ทั้งสี่ก็รับประทานอาหารร่วมกัน คงถิงเอ่ยขอบคุณฉินเฟิงที่ช่วยชีวิต ชวนเขาคุยหลายอยู่นาน หลังจบเรื่องราว ฉินเฟิงกับไป๋หลีก็กลับมาที่โรงแรม
ฉินเฟิงหยิบผลไม้ที่คงโบะให้เขาขึ้นมา แม้ไป๋หลีจะไม่อยากกินมัน แต่ฉินเฟิงก็ยังยัดเยียดให้กับเธอครึ่งหนึ่ง สุดท้ายเด็กสาวยอมกิน แต่พอฉินเฟิงได้ลองกินอีกครึ่ง ถึงค่อยพบว่าผลไม้รสชาติไม่ค่อยดีนัก มันฝาดขม ทั้งเนื้อหยาบ ต้องฝืนอยู่นานถึงจะกินหมด
“จิ้งจอกน้อย เธอก็รู้นี่ว่าผลไม้นั่นไม่อร่อย แต่ทำไมถึงยังกินมันล่ะ?” ฉินเฟิงเลียริมฝีปาก ยกน้ำเปล่าขึ้นดื่มตาม
“มันก็ไม่อร่อยหรอก แต่กินเพื่อเป็นการรับน้ำใจของคงโบะ ฉันก็พอรู้อยู่ว่าผลไม้นี้ สำหรับพวกมนุษย์มันมีค่ามาก” ปัจจุบันไป๋หลีสามารถระบุคุณค่าของสิ่งต่างๆด้วยตัวเองได้แล้ว แน่นอน เธอสามารถระบุได้ว่าวัตถุดิบชิ้นไหนหายากเช่นกัน
ฉินเฟิงพยักหน้า “คงโบะยกระดับเป็นเลเวล B มานานกว่า 30 ปีแล้ว แต่เนื่องจากอาวุธลับซึ่งเป็นกระบวนท่าวรยุทธที่มีชื่อเสียงของเขา มันสามารถถูกยับยั้งโดยพลังสมาธิ ดังนั้นเขาเลยไม่ค่อยต่อสู้กับมนุษย์ด้วยกัน แต่มุ่งเน้นไปทางออกล่าสัตว์ร้ายแทน”
เมื่อมีจุดอ่อน ก็ย่อมมีจุดแข็ง ถึงกระบวนท่ามีดบินจะไม่สามารถใช้ต่อกรกับมนุษย์ระดับสูงได้ แต่สำหรับสัตว์ร้าย ประสิทธิภาพของมันยอดเยี่ยมมาก แม้คงโบะจะไม่ได้เป็นเหมือนกับฉินเฟิง ที่สามารถดูดซับพลังงานจากสัตว์ร้ายเพื่อยกระดับ แต่เมื่อข้ามผ่านประสบการณ์ระหว่างความเป็นความตาย เอาชีวิตรอดจากสัตว์ร้ายมานักต่อนัก ความแข็งแกร่งของคงโบะจึงเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเขาสามารถก้าวขึ้นไปถึงเลเวล B7
พอฉินเฟิงได้ลองมาคิดทบทวนดูดีๆแล้ว เขาพบว่าแม้คนอื่นๆจะไม่มีพลังพิเศษดูดกลืน แต่การสังหารสัตว์ร้าย สุดท้ายก็เท่ากับเป็นการบังคับให้มันคายพลังงานในร่างกายออกมาเหมือนกัน ดังนั้นพลังงานที่ว่าอาจแทรกซึมไปในร่างกายของผู้ล่าก็ได้ นี่เองอาจเป็นเหตุผลให้หากยิ่งล่า ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น!
“ที่แท้นั่นก็เป็นแบบนี้ อ้ออีกเรื่องหนึ่ง ฉันไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมมนุษย์ถึงต้องต่อสู้เข่นฆ่ากันเองด้วย พวกคุณไม่จำเป็นต้องสู้เพื่อแย่งชิงดินแดนซักหน่อย” ไป๋หลีกล่าว
สัตว์ร้ายมักต่อสู้เพื่อช่วงชิงดินแดน ตรงกันข้ามกับมนุษย์ที่อาศัยอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม คล้ายไม่เห็นว่าเรื่องนี้สลักสำคัญอะไร แค่ขีดเขียนอาณาเขตของตัวเอง ของใครของมัน ทุกอย่างก็จบแล้ว
ฉินเฟิงพอรับฟังเธอ ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ดูเหมือนว่าเขาต้องชี้แนะแนวคิดบางอย่างของไป๋หลี ให้มันชัดเจน
“บางทีอาจเป็นเพราะมันเกี่ยวพันกับเรื่องผลประโยชน์ ยกตัวอย่างเช่นคงโบะ เขาไม่ค่อยสู้กับมนุษย์ด้วยกัน ดังนั้นเขาเลยร่ำรวยมั่งคั่งเหมือนในปัจจุบัน แต่นั่นก็ทำให้เขาตกเป็นเป้าหมายในการปล้นชิงของกลุ่มชินระ!”
อธิบายถึงจุดหนึ่ง ฉินเฟิงก็ถอนหายใจออกมา “ก็เหมือนกับกลุ่มเฟิงหลีในปัจจุบัน ตอนนี้ฉันไม่ได้ทำอะไร ก็สามารถขายอาวุธปืน สร้างเม็ดเงินได้มหาศาล และเงินที่ได้จากปืนเหล่านี้ จะกลายเป็นทุน ให้ฉันสามารถซื้อวัตถุดิบบางอย่างมาใช้ฝึกฝน และวัตถุดิบที่ว่า ฉันสามารถใช้เงินแลกมันมาโดยไม่ต้องเสี่ยงใดๆ คนอื่นๆถ้าทำได้ก็คงอยากจะทำเหมือนกัน แต่ถ้าทำไม่ได้ก็จะคิดแย่งชิง ตัวอย่างเช่นประธานกลุ่มฮงรีที่พยายามจะฆ่าฉัน”
ไป๋หลีพยักหน้า ดูเหมือนว่าเธอพอจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว
“ถูกต้องที่รัก คุณจะต้องหาเงินให้มากเข้าไว้ เพราะยังต้องคอยซื้ออาหารมาให้ฉัน! ถึงตอนนี้พวกเรามีเงินมากแล้ว แต่มันต้องมากยิ่งกว่านี้ มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ! แล้วฉันเองก็จะช่วยหาด้วยเหมือนกัน!”
ฉินเฟิงหัวเราะ “และเพื่อที่จะทำแบบนั้นได้ พวกเราต้องแข็งแกร่งกว่านี้!”
ฉินเฟิงเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ เริ่มย้อนคิดไปว่า คงโบะที่กล้ารับข้อเสนอของเขา เกรงว่าในวันพรุ่งนี้ กระเป๋าอีกฝ่ายคงแทบฉีก
คงโบะรวยก็จริง แต่ไม่ได้รวยอะไรมากมาย ในฐานะผู้ใช้พลังเลเวล B การมีเงินเก็บหลักหลายล้านล้าน ถือเป็นเรื่องปกติ แต่นั่นอาจต้องใช้เวลาสะสมหลายสิบปี
อย่างตอนกวงเว่ย ที่สุดท้ายถูกบังคับใช้ชดเชยแก่ฉินเฟิง 5 ล้านล้าน เจ้าตัวต้องควักทรัพย์สินทั้งหมดที่มีออกมาจ่าย
ซึ่งเม็ดเงินดังกล่าว มันมีมูลค่าเท่ากับวัตถุดิบระดับจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล B !
…
ณ เมืองกลางตู่ซาน หนึ่งในแนวหน้าที่อันตรายที่สุด มีทรัพยากรทางธรรมชาติมหาศาล มีกระทั่งผู้ใช้พลังเลเวล A ลงพื้นที่เป็นการส่วนตัว เพื่อออกล่าแม่แมลงสัตว์ร้ายเลเวล B ในระดับจักรพรรดิ
พวกมันถือเป็นสัตว์ยักษ์ที่น่าสะพรึงอย่างหาที่เปรียบ กระดองที่คอยปกป้องอยู่ภายนอก แข็งแกร่งทานทนอย่างไม่น่าเชื่อ
ดังนั้นวัตถุดิบชิ้นนี้ ยามถูกขายออกต่อสาธารณะ จึงมีมูลค่ามากตามไปด้วย ไหนจะปริมาณใหญ่โต ดังนั้นทุกวันนี้เลยยังมีวางขายอยู่ในตลาดของกลุ่มหวันซ่ง ไม่มีใครซื้อไป
แต่วันนี้ในที่สุดมันก็ขายออก
คงโบะเลือกซื้อวัตถุดิบกระดองแมลง และแก่นสัตว์ร้ายที่ดีที่สุดในลมหายใจเดียว ทุ่มงบไป 6 ล้านล้านในพริบตา
แน่นอน หากเขาใช้วัตถุดิบพวกนี้ผลิตมีดบิน ก็จำเป็นต้องจ่ายฉินเฟิงเป็นเงินกว่า 1.2 ล้านล้าน เรียกได้เลยว่าถูกสูบจนกระเป๋าแห้ง คงกลายเป็นคนยากจนไปพักหนึ่ง!