โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 617 - ไป๋หลียกระดับ
หยวนเสี่ยวกวงนิ่งงันไปชั่วขณะ แต่เมื่อลองคิดถึงเรื่องที่ฉินเฟิงพูด ก็พบว่ามันก็จริงไม่ใช่หรอ? ฉินเฟิงสามารถสังหารราชันย์และจักรพรรดิสัตว์ร้ายได้ด้วยตัวเอง แล้วเขาจะต้องการลูกน้องไว้คอยติดตามตัวเองทำไม
มันไม่จำเป็นเลย ฉินเฟิงสามารถรับมือได้โดยอาศัยกำลังตนเพียงลำพัง
ความแข็งแกร่งของเขาอยู่เหนือล้ำเกินกว่าจินตนาการของคนอื่นๆไปแล้ว
ขณะเดียวกัน ตราบใดที่ฉินเฟิงยังไม่ตาย อนาคตเบื้องหน้าย่อมไร้ขีดจำกัด เขาแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งกว่าผู้ใดที่หยวนเสี่ยวกวงเคยเห็นในรุ่นราวคราวเดียวกัน
กล่าวง่ายๆว่านี่คือระดับตำนาน หากไม่มาเห็นด้วยตาตัวเอง หยวนเสี่ยวกวงไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
ดังนั้น หยวนเสี่ยวกวงจึงเริ่มประจบประแจง กล่าวว่า “ว่าแต่เจ้านายจะให้เงินเดือนเท่าไหร่?”
ฉินเฟิงกล่าวตามตรง “ในช่วงของการจ้างงาน คิดเป็น 3,000 ล้านต่อเดือน พร้อมเงินโบนัสพิเศษตามผลงาน ส่วนในเรื่องปันผล เอาไว้เข้าร่วมอย่างเป็นทางการก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที”
อันที่จริงแล้วตรงส่วนนี้ค่อนข้างชัดเจน การจ่ายปันผลจะเป็นในรูปแบบอาหารและสมุนไพรวิญญาณที่ผลิตในเมืองเฟิงหลี โดยเฉพาะการปลูกดอกไม้หยาดน้ำตา หากมีผู้ใช้อบิลิตี้ไม้เลเวล C มาช่วยปลูกมัน อาจเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จ
หยวนเสี่ยวกวงเมื่อได้ยินถึงเงินเดือน ต้องตะลึงค้าง เพราะเงินเดือนนี้มหาศาลจริงๆ ปัจจุบันต้องร่วมต่อสู้กับฉินเฟิงทุกวัน ถึงแม้ไม่มีอันตราย แต่ใครจะรู้ วินาทีถัดไปอาจตายได้ทุกเมื่อ เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้
ตามปกติแล้ว ฉินเฟิงจะให้เงินเดือนพนักงาน 50 ล้านต่อวัน หรือ 1,500 ล้านต่อเดือน แต่เนื่องจากหยวนเสี่ยวกวงเป็นผู้ใช้ธาตุไม้ ดังนั้นฉินเฟิงเลยเพิ่มเงินเดือนให้เป็นสองเท่า!
หากร่วมงานกัน จะได้รับผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ถือว่าโชคดีจริงๆที่ได้มาเจอกัน
“เมืองเฟิงหลีเป็นเมืองใหม่ พื้นที่โดยรอบไม่ค่อยสามารถล่าสัตว์ร้ายได้ ดังนั้นผมเลยอยากหาช่องทางอื่นเพิ่มเติม แต่นั่นจำเป็นต้องแยกออกไปค้นหาด้วยตัวเอง และเกรงว่าคงพบเจอกับสถานการร์อันยากลำบาก ดังนั้นต้องคิดอย่างรอบคอบ และได้ข้อสรุปว่าหลังจากที่ผมฝึกฝนเทคนิคคู่ขนานจนมาถึงเลเวล B ผม‘อาจจะ’เกษียนตัวเอง แล้วหาลูกน้องสักคนดูแลเมืองเฟิงหลีต่อไป!”
หยวนเสี่ยวกวงพอได้ยินฉินเฟิงบอกเรื่องนี้กับตัวเอง ก็คิดไปว่าฉินเฟิงรับเขาทำงานเรียบร้อยแล้ว ไม่ถือว่าตนเป็นคนนอกอีกต่อไป
“ในเมื่อเป็นแบบนั้น ประธานฉิน ฉันยินดีรับใช้คุณ!” หยวนเสี่ยวกวงปฏิญาณตน
ฉินเฟิงพยักหน้า ส่วนอีกห้าผู้ใช้พลังเลเวล E ที่เหลือ ทั้งหมดต่างมองมายังฉินเฟิงอย่างกระตือรือร้น ลอบๆเคียงๆถามเขา “มิสเตอร์ฉิน พวกเราก็เหมือนกัน ไม่ทราบว่าคุณสามารถอนุญาตให้พวกเราเข้าร่วมกับเฟิงหลีด้วยได้ไหม?”
ฉินเฟิงครุ่นคิดสักพัก สุดท้ายกล่าว “ผู้ใช้พลังเลเวล E อาจได้เงินเดือนค่อนข้างต่ำ ตั้งแต่ที่พวกคุณตัดสินใจมายังแนวหน้าตู่ซาน นั่นหมายความว่าพวกคุณเป็นประเภทอยากร่ำรวยในชั่วข้ามคืน โยนตัวเองเข้าสู่ห้วงอันตราย แบบนี้เกรงว่าเฟิงหลีอาจไม่เหมาะกับคุณ”
พอได้ฟัง ทั้งห้าคนก็คิดว่าฉินเฟิงพูดถูกเหมือนกัน แม้จะเสียใจ แต่หากไม่ได้รับเงินเดือนที่สูงกว่าในเมืองกลางตู่ซาน พวกเขาคงไม่ไปเช่นกัน
แต่หากให้วิเคราะห์กันจนถึงที่สุดแล้วล่ะก็ คำตอบก็ง่ายๆ นั่นคือความแข็งแกร่งของพวกเขาน้อยเกินไป
อย่างไรก็ตาม พวกเลเวล E ก็ไม่งอแงจนเกินควร ไม่รบเร้าอีก อีกอย่าง ฉินเฟิงยังอยู่ในตู่ซานอีกหลายวัน ที่ต้องทำก็แค่ประกบติดฉินเฟิงทุกวัน แล้วทำเงินให้มากเข้าไว้!
ฉินเฟิงไม่ได้สั่งการให้หยวนเสี่ยวกวงไปที่เมืองเฟิงหลีทันที แต่ให้ติดตามเขาต่อไป ระหว่างฉินเฟิงออกล่าแมลงสัตว์ร้าย พลังงานที่มองไม่เห็นกระจัดกระจาย คอยหล่อเลี้ยงฝูงชนที่เขาว่าจ้าง ฉินเฟิงบังเกิดความอยากรู้อยากเห็น ว่าก่อนตนจะจากไป พวกเขาจะสามารถตัดผ่านไปได้สักระดับหรือไม่!
อีกวันของการต่อสู้ได้ผ่านพ้น รังแมลงสัตว์ร้ายในเขต 2 ถูกทำลายตามคาดหมาย หยวนเสี่ยวกวงและคนอื่นๆเห็นฉากนี้จนชินชา ไม่แปลกใจอีกต่อไป
…
ครึ่งเดือนต่อมา ฉินเฟิงไล่เก็บกวาดพื้นที่สีแดงใกล้กับเมืองกลางตู่ซาน ทำลายเครื่องหมายที่แสดงถึงรังแมลงบนแผนที่จนหมดสิ้น ทั้งหมดถูกล้างบ้างโดยฉินเฟิง และเป็นเวลาเดียวกัน กับที่ทีมของซื่อฉิงสามารถทำลายรังแมลงในเขต 7 ได้
เมื่อพวกเขาตรวจสอบแผนที่อีกครั้ง ก็พบว่าพื้นที่อันตรายสีแดงหรือสีม่วง ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นสีส้มทั้งหมดแล้ว
ตกเย็น ผู้ใช้พลังก็เริ่มกลับมายังเมืองกลางตู่ซานเพื่อพักผ่อนจากศึกที่เผชิญมาตลอดทั้งวัน
ณ ชั้นสองของตึกผู้ใช้พลัง
เลเวล B หลายคนกำลังนั่งเอนกายอยู่บนโซฟา ในนั้นรวมไปถึงซื่อฉิง , คงโบะ และเลเวล B คนอื่นๆที่ได้รับภารกิจกวาดล้างเช่นกัน
“ไม่นึกเลยว่าจะเป็นแบบนี้ ในปีก่อนๆที่พวกเราถูกส่งมา คนหนึ่งรับผิดชอบทำลายสามรังแมลง และใช้เวลาอย่างน้อยน่าจะยาวไปถึงช่วงกุมภาพันธ์ ภารกิจกวาดล้างจึงจะสิ้นสุด แต่ในปีนี้มันกลับจบลงแล้ว …” เลเวล B คนหนึ่งเปิดปากพูด ก่อนถอนหายใจยาว
ซื่อฉิงฝืนยิ้มออกมา “หลังจากที่ฉันมารายงานตัว ก็รับภารกิจกวาดล้างเขต 7 แต่พอทำภารกิจลุล่วง แล้วลองมองดูเขตรอบๆอีกที รังแมลงทุกเขตก็ถูกถอนรากถอนโคนไปหมดแล้ว เหลือแค่เขตของฉัน ถ้าฉินเฟิงเข้ามาแทรกแซง บางทีเขต 7 อาจถูกกวาดล้างไปตั้งนานแล้วก็ได้”
“กวาดล้างหมดจดถึงขนาดนี้ แต่ได้ยินมาว่าฉินเฟิงยังไม่หยุดอีกนี่ใช่ไหม”
“ใช่ คิดว่าเขาคงบุกไปเขตที่ยังไม่ได้รับการสำรวจ มันเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับอุปสรรคในแนวหน้า ไม่น่าจะสามารถทำลายได้”
“มันเป็นเขตที่อันตรายมาก แต่ฟังจากที่ทุกๆคนพูดมา ฉันว่าฉินเฟิงน่าจะทำสำเร็จ”
“ในเมื่อรอบๆตู่ซานไม่มีพื้นที่สีแดงอีกแล้ว งั้นพวกเราก็ส่งมอบภารกิจกันได้แล้วสิ”
“ถูกต้อง บรรลุภารกิจก่อนกำหนด ได้กลับไปพักผ่อนยาวๆ ช่างเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ ฮ่า ฮ่า”
เลเวล B คนหนึ่งพูดอย่าง อีกคนพูดอย่าง แต่เห็นได้ชัดว่าทุกคนต่างชื่นชมฉินเฟิง เพราะการไม่ต้องออกล่าจักรพรรดิแมลง ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีกับพวกเขาเช่นกัน เนื่องจากไม่ใช่ทุกคนที่จะแข็งแกร่งเหมือนกับฉินเฟิง สังหารระดับจักรพรรรดิง่ายดั่งหั่นผักหั่นปลา
สำหรับผู้ใช้พลังธรรมดา ทุกครั้งที่ออกล่า มักเดินทางไปพร้อมความกังวลใจ กระทั่งเลเวล B ก็ไม่เว้น
และพวกเขาจะรู้สึกปลอดภัยกว่า หากไม่ต้องเข้าไปในทุ่งล่า
อย่างไรก็ตาม ในบรรดาเลเวล B เหล่านี้ กลับมีอยู่คนหนึ่งเอาแต่ทอดถอนหายใจ อดคร่ำครวญไม่ได้
ฉินเฟิงผู้นี้ เป็นลูกรักของพระเจ้าชั้นยอด แต่ยิ่งอีกฝ่ายแข็งแกร่งเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้คงโบะรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ระหว่างที่พวกเลเวล B กำลังพักผ่อน ฉินเฟิงกับไป๋หลีได้ออกจากเมืองกลางตู่ซาน เข้าสู่พื้นที่ลุ่มน้ำ
เพื่อไม่ให้เป็นการดึงดูดความสนใจ ไป๋หลีจึงใช้ออกด้วยอบิลิตี้มิติ นำพาฉินเฟิงหายวับไปโผล่ในส่วนลึกของลุ่มน้ำตู่ซาน
มายังสถานที่ที่ยังไม่ได้รับการสำรวจ ออกนอกเส้นทางที่ผู้คนไม่คิดแวะเวียน สัตว์ร้ายโดยรอบถูกฉินเฟิงกวาดล้างจนสิ้น
ฉินเฟิงโรยผงขับไล่สัตว์ร้ายเผื่อเอาไว้
“เอาล่ะ เริ่มได้เลย” ฉินเฟิงกล่าว
หลังโรยผงสัตว์ร้าย ฉินเฟิงใช้ออกด้วยอบิลิตี้มืด ปกคลุมไปทั่วบริเวณ กลบซ่อนกลิ่นอาย
“งั้นฉันเริ่มเลยนะ”
ไป๋หลีกล่าว เธอวาดมือออก แสงสีขาวนวลปรากฏขึ้น จากนั้นรอยแยกมิติก็ค่อยๆแง้มออก พลังงานอันยิ่งใหญ่ ไหลบ่าออกมาจากรอยแยกที่ว่า
รอยแยกนี้ คือรอยแยกมิติที่ไป๋หลีใช้เก็บแก่นอบิลิตี้ และแก่นพลังงานเอาไว้
ทุกวันนี้ไป๋หลีไม่จำเป็นต้องลามเลีย หรือขบเคี้ยวแก่นสัตว์ร้ายอีกต่อไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว อาหารของเธอ ยิ่งนานวันยิ่งมีขนาดใหญ่โต ปัจจุบันไป๋หลีแปลงกายคงรูปมนุษย์เอาไว้ตลอดเวลา ดังนั้นไม่มีทางเขมือบแก่นสัตว์ร้ายขนาดใหญ่เหล่านั้นได้เหมือนในร่างจิ้งจอกยักษ์ของเธอ
ด้วยเหตุนี้เลยใช้วิธีการกลั่นพวกมันในมิติที่ว่างเปล่าแทน เพราะสะดวกกว่า
พลังงานหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของไป๋หลีอย่างต่อเนื่อง กลิ่นอายบนกายเธอยิ่งมายิ่งแปรเปลี่ยน ไม่อาจปกปิด
ยามไป๋หลีเปิดเผยกลิ่นอายความแข็งแกร่งที่แท้จริง แรงกดดันระดับจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล C9 เริ่มถูกเติมเต็มในอากาศ
โดยไม่ทันรู้ตัว ไป๋หลีได้ก้าวไปถึงเลเวล C9 เป็นที่เรียบร้อย เมื่อเทียบกับฉินเฟิง ไป๋หลีเร็วกว่ามาก
นี่เองคือเหตุผลที่ฉินเฟิงกับไป๋หลีปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เพราะต้องการหาที่สงบๆให้ไป๋หลีวิวัฒนาการ
หากเป็นในเมืองกลาง ต่อให้อบิลิตี้มืดของฉินเฟิงแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็คงไม่สามารถครอบคลุมกลิ่นอายระดับจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล B ได้
หากปล่อยให้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ทั้งเมืองคงตกอยู่ในความโกลาหล
ตรงกันข้าม หากเป็นที่นี่ ตอนนี้ ต่อให้กลิ่นอายเล็ดลอดออกไป แม้ใครบางคนจะสัมผัสได้ถึงมัน พวกเขาก็จะพาลคิดไปว่าน่าจะเป็นการวิวัฒนาการของแมลงสัตว์ร้าย
ภายในรอยแยกมิติ พลังงานอันไร้ขอบเขตแพร่กระจายออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่นาน กลิ่นอายของไป๋หลีก็ค่อยๆสั่งสม เงื่อนไขถูกเติมเต็มจนถึงจุดสูงสุด บังเกิดแรงระเบิดอย่างรุนแรง
ตัดผ่านอุปสรรเสร็จสิ้น!
–ก้าวขึ้นสู่ระดับจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล B !!!