โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 622 - ระเบิดปิดท้าย
Ep.622 – ระเบิดปิดท้าย
ผ่านพ้นไปหลายชั่วโมง สถานการณ์รบในตอนนี้ ฝั่งฉินเฟิงสามารถล้างบางสมาชิกกองกำลังมืดทั้งหมดลงได้อย่างสิ้นเชิง ขณะเดียวกัน การต่อสู้ระหว่างไป๋หลีกับชินระก็ใกล้มาถึงบทสรุปแล้วเช่นกัน
ยังไงซะไป๋หลีก็เป็นจักรพรรดิสัตว์ร้าย! ดังนั้นความแข็งแกร่งของชินระ ยังถือว่าด้อยกว่าเล็กน้อย แม้เขาจะไม่ทราบถึงระดับที่แน่นอนของไป๋หลี ไม่ทราบถึงสถานะที่แท้จริงของไป๋หลี แต่สิ่งที่ชินระทราบก็คือ ตนกำลังจะพ่ายแพ้!
ผู้ใช้พลังเลเวล A สถานะอันคงกระพันที่ผู้คนต้องหมอบกราน กลับได้รับความพ่ายแพ้อย่างกะทันหัน!
ช่วงเวลานี้ ความรู้สึกเสียใจ , โกรธแค้น , สิ้นหวัง ถาโถมเข้ามา
ในเมื่อยังไงก็ตาย งั้นก็มาตายด้วยกัน!
แต่ชินระพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าประชิดตัวไป๋หลีได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหันไปอีกทาง โจนทะยานราวสายฟ้าฟาด พุ่งเข้าหาฉินเฟิง
ฉินเฟิงเร่งเร้าปราณกำลังภายใน มีดกษัตริย์ครามสาดแสงไสว ฟาดฟันเข้าต้านทานชินระที่ตรงเข้ามา
ทว่าชินระไม่มีความคิดที่จะหลบเลี่ยง เขายอมรับคมมีดกษัตริย์ครามตรงๆ และเมื่อสามารถประชิดตัวจนห่างไม่ถึงสิบเมตร ก็บังเกิดเสียงระเบิดดังอึงอลออกมาจากภายในตัวเขา
ครืนนนน!
คล้ายกับมีบางสิ่งบางอย่างที่น่าหวาดกลัว กำลังจะระเบิดออกมา
และตำแหน่งที่ว่า มันดังขึ้นมาจากตันเถียนของชินระ!
‘ไม่ดีแล้ว เขากำลังคิดระเบิดตันเถียน!’
ประโยคนี้วาบผ่านเข้ามาในหัวใจของฉินเฟิง ช่วงเวลานี้ พลังสมาธิของเขายกระดับสู่ขั้นใหม่ ดังนั้นราวกับว่าเวลารอบกายคล้ายเดินเชื่องช้าลง ในสายตาของฉินเฟิง ปรากฏภาพของชินระที่กำลังวิ่งเข้ามา ตรงส่วนหน้าท้องเริ่มเกิดการระเบิด อวัยวะภายในพร้อมเลือดสีแดงฉานกระเด็นออกมาให้เห็น
จากนั้น ก็ตามมาติดๆด้วยอำนาจอันน่าสะพรึง กวาดทำลายทุกสิ่งอย่าง รวมไปถึงร่าของชินระเอง ไม่ว่าจะเป็นกระดูกทุกชิ้นส่วนบนร่าง เลือดทุกหยดบนกายเขา
ทั้งหมดเริ่มแหลกเหลว ร่างของชินระแปรสภาพ มองดูคล้ายพลังงานรูปไข่ จากนั้นร่างพลังงานที่ว่า ก็เริ่มขยับขยายไม่หยุดยั้ง ทวีความใหญ่โต สำแดงอำนาจทำลายล้างขึ้นเรื่อยๆ!
ร่างพลังงานที่ผสมผสานไปกับหมอกเลือดของชินระ พุ่งเข้าหาฉินเฟิง ปะทะเข้ากับโล่ปราณกำลังภายในของเขา
พริบตานั้น โล่ปราณกำลังภายในมิอาจทานรับ พังทลายลงทันที!
“จงปกป้องฉัน!”
ฉินเฟิงคำรามกราด กำลังภายในในตันเถียนเขา ถูกรีดเร้นออกมาในคราวเดียว กว่า 99 ทะเลสาบกำลังภายใน ถูกชักนำออกมาอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นโล่ปราณกำลังภายในแก่ฉินเฟิง ส่งเสริมให้มันแกร่งขึ้น ทนทานขึ้น ต้านรับพลังงานตรงหน้า
อย่างไรก็ตาม แม้จะทำถึงขนาดนี้ ฉินเฟิงก็ยังเป็นฝ่ายถูกสะกดข่ม ถูกบีบคั้นถอยร่นแม้ไม่ยินยอม ช่วงเวลานี้ เสาลาวา มังกรไฟ และนกยูงเพลิงฟ้าที่ร่ายรำอยู่ในอากาศ ทั้งหมดถูกกวาดกลืนโดยพลังงานนี้ แหลกสลายไป
ไป๋หลีก็ถูกแรงปะทะ กระแทกปลิวไปอีกทาง ฝั่งฉินเฟิงยิ่งนานยิ่งถูกกดดัน ถอยร่นไปเรื่อยๆ
“ว๊ากกกก!”
ฉินเฟิงดิ้นรนต้านทานคลุ้มคลั่ง ทะเลสาบในตันเถียนของเขา เหือดแห้งลงอย่างรวดเร็ว อำนาจจากการระเบิดตัวเอง หากเทียบกับความแข็งแกร่งดั้งเดิมของชินระแล้ว มันรุนแรงยิ่งกว่าถึงสิบเท่า!
การระเบิดตัวตายในครั้งนี้ แม้ต้องจ่ายออกด้วยราคาที่มหาศาล ทว่าพลังอำนาจของมันก็มหาศาลเท่าเทียมกับที่จ่ายไปเช่นกัน
ตึง!
แผ่นหลังของฉินเฟิง ถูกผลักดันจนชนเข้ากับกำแพงอุปสรรค นี่เล่นเอาอวัยวะภายในของเขาสั่นสะท้าน
“อ๊อก!”
เลือดทะลักจากมุมปากของฉินเฟิง สิ่งที่เขาชนเมื่อครู่ คือมิติเอกเทศของไป๋หลี
ปรากฏว่าร่างพลังงานนี้ ใช้เวลาเพียงพริบตาเดียว ก็สามารถผลักดันฉินเฟิงจนมาถึงสุดขอบเขตแดน
เปรี๊ยะ!
มิติเอกเทศเริ่มเกิดรอยปริร้าว สักพักพังทลายลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้พลังงานจากการระเบิดตันเถียน กวาดกระจายไปทั่ว โดยไม่มีสิ่งใดคอยปกปิดอีก ต้นไม้ใหญ่นับไม่ถ้วนโค่นล้ม รังแมลงถูกก่อกวน ลุ่มน้ำตู่ซานที่แต่เดิมเงียบสงบ กลับเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่
ฉินเฟิงถูกผลักดันถอยไปไกลอีกหลายสิบเมตร อำนาจจากการระเบิดตันเถียนถึงค่อยเหือดหาย
พรวด!
ฉินเฟิงกระอักเลือดคำหนึ่ง ปัจจุบันสัมผัสได้เพียงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั้งตัว นับว่าโชคดีที่ร่างกายของฉินเฟิงแข็งแกร่งทนทาน มิฉะนั้น คราวนี้คงไม่ใช่แค่กระอักเลือด
อำนาจจากแรงระเบิดตันเถียน ในที่สุดก็ผ่านพ้นไป
“ไป๋หลี … ไป๋หลีเธออยู่ที่ไหน!”
ฉินเฟิงผุดลุกขึ้น ควานหาเงาร่างของไป๋หลี พลังสมาธิกวาดออกไป และพบว่าตรงป่าภายนอกฐานของชินระ ปรากฏร่างอันงดงามกำลังคลานขึ้นมาจากพื้นดินอย่างยากลำบาก
“เธอเป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บอะไรรึเปล่า?” ฉินเฟิงกวาดมองไป๋หลีขึ้นๆลงๆ ตอนนี้เสื้อผ้าของไป๋หลีฉีกขาด แต่ดูจากผิวหนังบนร่างกายเธอเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส … อา หรือว่านี่จะเป็นเทคนิคเปลี่ยนรูปของเธอกันแน่ ฉินเฟิงชักไม่มั่นใจแล้วว่าไป๋หลีไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ
“ฉันสบายดี ที่รักนั่นแหละเป็นยังไงบ้าง ฉันต้องขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้ปกป้องคุณให้ดี!” ไป๋หลีรีบขอโทษขอโพย ในดวงตาของเธอฟุ้งไปด้วยความรู้สึกผิด
ฉินเฟิงเมื่อเห็นว่าไป๋หลีไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ความรู้สึกคันยิบในหัวใจก็เริ่มคลายลง ยื่นมือไปลูบหัวเด็กสาว
“อย่าคิดแบบนั้นสิ ตามปกติแล้วต้องเป็นฉันต่างหากที่ปกป้องเธอ ถูกไหม?”
ไป๋หลีทำหน้ามุ่ย ยังไม่วายเอ่ยด้วยความคับข้อง ทั้งยังตำหนิตัวเอง
“แต่ก่อนหน้านี้พวกเราตกลงกันแล้ว ว่าฉันจะรับมือกับชินระ แต่กลับทำตามสัญญาไม่ได้! แถมยังนึกไม่ถึงเลย ว่ามันจะวกกลับไปเล่นงานคุณ!”
ฉินเฟิงอดหัวเราออกมาไม่ได้
“เอาล่ะๆ เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะ ขอแค่เธอเป็นเด็กดีเชื่อฟังฉันก็พอ อีกฝ่ายใช้วิธีขี้โกง ดังนั้นไม่ต้องเก็บมาคิดหรือรู้สึกผิดไป”
ฉินเฟิงลูบผมคู่หูเขา ปลอบประโลม โอบกอดเธอไว้ในอ้อมขน รอจนไป๋หลีเริ่มรู้สึกดีขึ้น
แต่ในจังหวะนั้นเอง ภายในป่าที่ห่างออกไปก็เริ่มเกิดความเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆ ฉินเฟิงหันไปมอง ก่อนจะเผยรอยยิ้มขมขื่น ในหัวใจคิดว่า ถ้ามีคนอื่นมา เกรงว่าคงจะไม่เชื่อแน่นอน ว่าที่นี่เคยถูกสร้างเป็นหมู่บ้านมาก่อน!
มองไปยังตำแหน่งที่ห่างจากฉินเฟิงไม่กี่ร้อยเมตร ในตำแหน่งที่ชินระระเบิดตันเถียน ปัจจุบันยุบตัวลงเป็นปล่องลึก อีกทั้งรูนไฟมากมายของฉินเฟิง ยังถูกกลืนหายไปภายใต้อำนาจของพลังงานนั้น
ส่วนด้านล่างของปล่องลึก เริ่มปรากฏน้ำทะลักออกมา เห็นได้ชัดว่ามันพลังทำลายเจาะลึกลงไปถึงชั้นบาดาลใต้ดิน แบบนี้เกรงว่าในอีกไม่กี่วันต่อมา สถานที่แห่งนี้คงกลายเป็นทะเลสาบ
ยังไงก็ตาม สำหรับฉินเฟิงแล้วแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน!
เพราะถ้าน้ำกลบกลืนร่องรอยทุกอย่าง คาดว่าคงจะไม่มีใครล่วงรู้ ว่าเขาได้ทำลายกลุ่มปีศาจชินระ ทั้งยังไม่มีใครรู้ว่า ฉินเฟิงในฐานะผู้ใช้พลังเลเวล C สังหารเลเวล A
“พวกเรารีบกลับเถอะ ใกล้รุ่งสางแล้ว”
ฉินเฟิงมองไปยังแสงสีขาวนวลที่ปลายขอบฟ้า ปัจจุบันก็เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว หลังจากต่อสู้มาตลอดทั้งคืน ทั้งยังได้รับบาดเจ็บ ลุ่มน้ำตู่ซานเกิดความวุ่นวาย ดังนั้นไม่เหมาะที่ฉินเฟิงกับไป๋หลีจะรั้งอยู่ต่อ
“ตกลง ไปกันเถอะ”
ไป๋หลีคล้องแขนฉินเฟิง ใช้ออกด้วยอบิลิตี้มิติ หายวับไปจากสถานที่เดียวกัน
ทว่าห่างออกไปจากจุดนั้นราวๆ 300 เมตร ปรากฏเงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากแมกไม้ สายตาของร่างนั้น จ้องมองไปยังทิศทางที่ทั้งสองจากไปด้วยความซับซ้อน
หากฉินเฟิงอยู่ที่นี่ เขาคงร้องอ้อขึ้นมาทันที เพราะอีกฝ่ายที่ปรากฏกาย แท้จริงแล้วเป็นคงโบะ!
เมื่อคืนในลุ่มน้ำตู่ซาน ช่วงที่ไป๋หลียกระดับเป็นเลเวล B คลื่นความผันผวนของมันได้ถูกตรวจจับได้โดยเครื่องจักรเฝ้าระวัง เลเวล B ทุกคนในตึกผู้ใช้พลังถูกปลุกให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ กระทั่งเลเวล A ที่ไม่ค่อยโผล่หน้ามา ยังให้ความสนใจกับเรื่องนี้ ลอบตรวจสอบมันอย่างเงียบๆ
ในขณะที่คงโบะอยู่ในลุ่มน้ำตู่ซานมานานกว่าสิบปี แตกต่างจากซื่อฉิงและเลเวล B คนอื่นๆที่ถูกเรียกมาเป็นกำลังเสริม ที่นี่เปรียบเสมือนบ้านหลังหนึ่งที่เขาต้องปกป้อง ดังนั้นคงโบะไม่รับฟังคำทัดทานจากคนอื่นๆ ออกมาสำรวจที่นี่ด้วยตัวเอง
ผู้ใช้วรยุทธโบราณที่ครอบครองกระบวนท่าอาวุธลับ จะไม่เหมือนกับผู้ใช้วรยุทธโบราณคนอื่นๆ เนื่องจากกระบวนท่าตนมุ่งเน้นไปทางการลอบสังหาร ดังนั้นจึงฝึกฝนทักษะลับในการปกปิดกลิ่นอายและกลบร่องรอย จนในที่สุดคงโบะสามารถมาถึงที่นี่โดยไม่ถูกค้นพบ และพบกับมิติเอกเทศของไป๋หลี
ในความคิดของคงโบะตอนแรกรู้สึกตกใจ เดิมเขานึกว่าที่นี่ปรากฏเขตแดนลับขึ้น แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ผลีผลาม คอยเฝ้าสังเกตจากระยะไกล
และไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าตนจะได้เห็นภาพตรงหน้า …