โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 625 - ปรับแต่งมีดกษัตริย์คราม
ฉินเฟิงไปยังลุ่มน้ำตู่ซานในครั้งนี้ สามารถกล่าวได้ว่าเป็นการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่
เมื่อพูดถึงวัตถุดิบที่ได้มา หากนำมากองรวมๆกันคงไม่ต่างไปจากภูเขาทั้งลูก และจำนวนแม่แมลงที่สามารถสังหาร มีมากถึง 28 ตัว เกรงว่าน่าจะรับทรัพย์มากกว่า 50 ล้านล้าน
แม้วัตถุดิบจากแมลงสัตว์ร้ายจะมีราคาค่อนข้างต่ำ ทั้งยังมีน้ำหนักตัวค่อนข้างเบา แต่เนื่องจากขนาดตัวที่ค่อนข้างใหญ่ และปริมาณอันมหาศาลของพวกมัน การจะรับทรัพย์ได้มากถึงขนาดนี้ก็ไม่แปลกอะไร
แน่นอน วัตถุดิบพวกนี้ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ในทันที ต่อให้ซูซิงฝูมีความสามารถมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนพวกมันเป็นเงินได้ในลมหายใจเดียว
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงยังมีเงินรางวัลจากการต่อสู้อยู่ แค่มันเพียงส่วนเดียว ก็เป็นจำนวนเงินมากถึง 170 ล้านล้าน และแต้มสงครามอีกมากถึง 1.5 ล้าน
นี่ถือว่าเยอะมากนะ ยังจำได้ไหมว่าตอนซางฮันเสนอศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งเปลวเพลิงให้แก่ฉินเฟิง ตัวศิลามีราคาแค่ 500,000 แต้มสงครามเท่านั้นเอง
“ความสูญเสียจากการต่อสู้กับแซดในครั้งก่อน ในที่สุดก็ได้กลับคืนมาซักที แต่น่าเสียดาย ที่ไม่มีศิลานรกให้ซื้อ”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฉินเฟิงแลกเปลี่ยนมาในครั้งนี้ ในด้านคุณภาพ มันไม่ด้อยไปกว่าศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งเปลวเพลิงเลย
หากกล่าวว่าศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งเปลวเพลิง คือสมบัติของผู้ใช้อบิลิตี้ นั่นหมายความว่าผู้ใช้วรยุทธโบราณ ก็มีสมบัติในทำนองนี้เช่นเดียวกัน
“ศิลาหมื่นชั่ง , ผลึกอัคคีขั้วโลก , เหล็กพันกระแส”
ถูกต้อง สามชื่อที่กล่าวมานี้ เพื่อให้ได้มันมา ฉินเฟิงต้องจ่ายแต้มสงครามทั้งหมดที่มีออกไป!
ศิลาหมื่นชั่ง สามารถนำไปผลิตอาวุธให้มีน้ำหนักหมื่นจิน
ผลึกอัคคีขั้วโลก ประกอบไปด้วยเพลิงทมิฬที่เกิดจากการกลายพันธุ์ เมื่อนำมาหลอมสร้างอาวุธ ยามอัดฉีดกำลังภายในลงไป มันจะสามารถปลดปล่อยเปลวเพลิงทมิฬอันน่าหวาดกลัวออกมา สำหรับผู้ใช้กระบวนท่าวรยุทธประเภทไฟ นี่คือสมบัติในฝัน
สุดท้าย เหล็กพันกระแส ยามหลอมหลอมเข้ากับอาวุธ สามารถสร้างการสั่นสะเทือนแก่กำลังภายใน ทั้งๆที่ความจริงฟาดฟันออกไปเพียงครั้งเดียว แต่พลังงานจากอาวุธที่หลอมรวมเข้ากับมัน กลับสามารถโจมตีได้นับพันครั้ง
อย่างไรก็ตาม การดำรงอยู่ของสมบัติทั้งสามนี้ ไม่เพียงหายาก แต่ยามใช้สอยมันก็เป็นปัญหาที่ยากไม่แพ้กัน
อย่างแรกเลยคือต้องสูญเสียกำลังภายในเป็นจำนวนมาก
อย่างเช่นในส่วนของเหล็กพันกระแส มันก่อให้แรงการสั่นสะเทือนนับพันครั้งก็จริง แต่กำลังภายในต้องถูกส่งออกไปอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โจมตีทีเดียวเท่ากับพันครั้ง นั่นเท่ากับการรีดเร้นกำลังภายในที่ใช้โจมตีนับพันเท่า มิฉะนั้น ประสิทธิภาพของมันจะลดทอนลงเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าสามารถเปลี่ยนเป็นร้อยครั้งหรือสิบครั้งก็ได้เช่นกัน
อาจมีบางคนใช้สมบัติเช่นนี้ในการสร้างอาวุธเทวะ อำนาจของมันสามารถสังหารศัตรูนับพันในคราวเดียว แต่นี่เท่ากับเป็นการทำร้ายตัวเอง รีดเร้นกำลังภายในมหาศาลในคราวเดียวเช่นกัน ส่วนใหญ่แล้วมักเก็บไว้ใช้เป็นไพ่ตาย ไม่ใช่ทางเลือกสุดท้ายไม่นำออกมา
อะไรนะ? พูดถึงเรื่องกำลังภายในงั้นหรือ!? ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็ สำหรับฉินเฟิงแล้วไม่มีปัญหา!
“ฉันหวังแค่ว่า วัตถุทั้งสามชิ้นนี้ มันจะไม่เกิดปฏิกิริยา ปฏิเสธกันและกันก็พอ”
เพราะท้ายที่สุดแล้ว การปรับแต่งอาวุธไม่ใช่เรื่องใหญ่ หากไม่มีรูบิควิเศษ การหลอมวัตถุระดับสมบัติเช่นนี้ ต่อให้เป็นฉินเฟิงก็ไม่มีความกล้าพอ
ฉินเฟิงใส่มีดกษัตริย์ครามลงในรูบิควิเศษ จากนั้นก็เติมกระดองแม่แมลงเลเวล C ที่เขาล่ามาได้ลงไป
ฉินเฟิงไม่ได้ปรับแต่งมีดกษัตริย์ครามเป็นเวลานานแล้ว ด้วยคุณสมบัติของเหล็กพระอาทิตย์ที่เคยใส่ลงไปในคราวก่อน ทำให้มีดกษัตริย์ครามสามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกำลังภายในของฉินเฟิงได้ก้าวถึงเลเวล B แล้ว ดังนั้นย่อมถึงเวลาปรับแต่งมันให้ดีขึ้น
ไม่นาน ภายในมีดกษัตริย์คราม วัตถุดิบจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล D ทั้งหมดก็ถูกถอดออกมา เนื่องจากใส่วัตถุดิบจักรพรรดิเลเวล C เข้าไปก่อนแล้ว มันเลยเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก
“เอาล่ะ มาลองกันซักตั้ง!”
การปรับแต่งในครั้งนี้ ฉินเฟิงลงทุนมาก ใส่กระทั่งวัตถุดิบจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล B ลงไป เฉพาะส่วนนี้คิดเป็นเงินกว่า 10 ล้านล้านเต็มๆ ในขณะที่มีดบินของคงโบะ ผสมวัตถุดิบของจักรพรรดิเลเวล B เป็นมูลค่าแต่ 5 ล้านล้านเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าวัตถุดิบที่ฉินเฟิงเลือก มันทรงพลังกว่ามาก
ปัจจุบันกำลังภายในของฉินเฟิงมาถึงเลเวล B แล้ว ฉะนั้นย่อมสามารถใช้วัตถุดิบเลเวล B ได้
ส่วนวัตถุดิบจักรพรรดิเลเวล C ที่ใส่ไปในตอนแรก ไม่ได้ใส่มากจนเกินไป พวกมันมีหน้าที่สร้างรากฐานให้มีดกษัตริย์ครามให้ทนทานมากขึ้นเท่านั้น
มีดกษัตริย์ครามผสมผสานกันอย่างลงตัว กลิ่นอายของมันค่อยๆเกิดการเปลี่ยนแปลง
ช่วงเวลานี้ ในที่สุดฉินเฟิงก็เริ่มเพิ่มสมบัติทั้งสามอย่างซึ่งเทียบเคียงได้เลยกับเลเวล S ลงไป ภายใต้การควบคุมโดยพลังสมาธิของเขา ศิลาหมื่นชั่ง , ผลึกอัคคีขั้วโลก และเหล็กพันกระแส ค่อยๆหลอมรวมเข้ากับมีดกษัตริย์คราม
ในเวลานั้นเอง รูปลักษณ์ของมีดกษัตริย์คราม ในที่สุดก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
สีแดงอมม่วงเข้มข้นขึ้นไม่หยุด จนสุดท้ายแปรสภาพเป็นเปลวไฟสีม่วงดำ ยิ่งไปกว่านั้นเปลวเพลิงที่ลุกไหม้คล้ายสงบเสงี่ยมกว่าเดิม ไม่ปะทุออกมาเองเหมือนเปลวเพลิงก่อนหน้านี้
“จงออกมา!”
ฉินเฟิงสั่งการผ่านพลังสมาธิ มีดกษัตริย์ครามบินออกจากรูบิควิเศษ ส่งเสียงหึ่ง หึ่ง ฉวัดเฉวียนในอากาศ
เสียงหวีดหวิวนี้ชวนให้ผู้คนรู้สึกขนลุก นี่คือเอกลักษณ์เฉพาะของเหล็กพันกระแส –การสั่นสะเทือน!
ฉินเฟิงคว้าจับด้ามมีด สัมผัสได้ถึงน้ำหนักอันหนักหน่วงของมีดกษัตริย์คราม แต่เป็นเพราะอำนาจของรูบิควิเศษ ทำให้อาวุธใดก็ตาม ที่ถูกหลอมโดยมัน เจ้าของจะสามารถใช้งานและควบคุมได้อย่างอิสระดั่งเป็นแขนขาของตัวเอง
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
ช่วงเวลานี้ กระทั่งฉินเฟิงยังเกิดความรู้สึกว่า มีดของเขาได้กลายเป็นอาวุธทำลายล้างไปแล้ว ยามเผชิญหน้ากับมนุษย์ด้วยกัน คงเป็นการดีกว่าหากไม่ใช้มัน
และแน่นอน ยามเผชิญหน้ากับศัตรูที่ต้องกำจัดจริงๆ ตราบใดที่ฉินเฟิงชักมีดกษัตริย์ครามออกมา อีกฝ่ายต่อให้แน่สักแค่ไหน โชคชะตาคงไม่พ้นจมลงสู่ความตาย!
“แต่ถ้าจะให้ฉันผลิตอาวุธอื่นๆด้วยรูบิควิเศษอย่างเดียว พวกมันก็พลอยไม่มีสีไปกันหมดน่ะสิ แบบนั้นมีดกษัตริย์ครามคงไม่สะดุดตา ผู้คนคงไม่เห็นว่ามันพิเศษอะไร”
ฉินเฟิงขบคิด ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
แต่ไม่นาน เขาก็เปิดอุปกรณ์สื่อสาร และโทรหาหลิวเซินซาน (พ่อหลิวซู คนทำอาวุธ)
“ลุงหลิว ผมขอรบกวนหน่อยครับ ลุงช่วยทำมีดให้ผมสักเล่มจะได้ไหม ส่วนเรื่องวัตถุดิบเอาจากผมไปได้เลย”
หลิวเซินซานย่อมไม่ปฏิเสธ เอ่ยถามในสิ่งที่ต้องรู้ออกไป “ท่านประธาน ไม่ทราบว่าคุณต้องการอาวุธระดับไหน”
เพราะท้ายที่สุดแล้ว หลิวเซินซานจำได้ว่าฉินเฟิงมีมีดกษัตริย์ครามอยู่แล้ว และตัวมีดได้เคยหลอมเหล็กดาราเข้าไป เป็นตัวเขาเองที่ช่วยหลอมมัน
“วัตถุดิบของแมลงสัตว์ร้ายระดับจักรพรรดิ ลุงสามารถนำมันไปทำยังไงก็ได้ตามต้องการ จะได้ถือเป็นการฝึกฝนฝีมือของลุงไปในตัว”
หลิวเซินซานเกือบเป็นลม วัตถุดิบระดับจักรพรรดิ? แต่บอกว่าเอาไปทำยังไงก็ได้ตามต้องการเนี่ยนะ?
แต่พอมาลองคิดๆดูอีกที หลิวเซินซานก็นึกขึ้นได้ ว่าฉินเฟิงในปัจจุบัน มิใช่แค่คนร่ำรวยธรรมดาๆ แต่เขายังทรงพลังเกินกว่าจะบรรยาย!
และตัวฉินเฟิงเองก็เหมือนจะไม่ได้ใส่ใจเลย ว่าวัตถุดิบพวกนี้จะเสียหายหรือไม่ เพราะยังไงซะ เขามีวัตถุดิบของแมลงจักรพรรดิในครอบครองมากถึง 28 ตัว หากมีเท้าแมลงสักข้างเสียไป เขายังต้องสนใจด้วยหรือ?
ในระหว่างที่หลิวเซินซานกำลังสร้างอาวุธรูน ฉินเฟิงไม่ได้ปิดด่านฝึกตน กลุ่มเฟิงหลีในตอนนี้กำลังเดินในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว ที่เหลือก็แค่ปีนป่ายขึ้นไปสู่จุดสูงสุด อย่างไม่หยุดยั้ง หลายสิ่งหลายอย่าง ฉินเฟิงไม่ต้องลงมือด้วยตัวเองอีกต่อไป
ยังไงก็ตาม ฉินเฟิงยังมีอีกสถานะหนึ่ง
นั่นคือผู้การแห่งรัฐทะเลเหนือ!
สำหรับทางกลุ่มเฟิงหลี ฉินเฟิงจัดการปฏิรูปมันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ช่วงที่ผ่านมา เขายังไม่ได้ปฏิรูปรัฐทะเลเหนือเลย
ดังนั้นฉินเฟิงจึงสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชา ให้แจ้งแก่ผู้รับผิดชอบดูแลเมืองต่างๆให้ทราบ ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน คนพวกนั้นก็มาถึงเมืองเฟิงหลี
…
ภายในห้องประชุมของเฟิงหลี ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย ปัจจุบันมีผู้คนแยกเป็นสองฟากฝั่งโต๊ะประชุม ยืนรออย่างเป็นระเบียบกันอยู่ก่อนแล้ว
คนเหล่านี้ล้วนติดตราผู้ใช้พลังเลเวล D บนอกเขา สถานะเองก็ไม่ต่ำต้อย ทั้งหมดล้วนเป็นเจ้าเมืองและรองเจ้าเมือง ไม่ก็นายพลที่ทรงพลังของรัฐ
ในที่นี้ มีหลายคนที่ฉินเฟิงเคยพบเจอ และรู้จักกันเป็นอย่างดี อย่างเหมิงหลินเจ้าเมืองนุ่ยเหมิง หานหยวนเซิงรองเทศมนตรีเมืองฉีหาน และคนอื่นๆ
แต่ปัจจุบัน สถานะของพวกเขาได้สลับกัน เป็นฉินเฟิงที่ทะยานขึ้นมายืนอยู่บนจุดสูงสุด เหมิงหลินกับหานหยวนเซิงได้แต่เงยหน้าขึ้นมอง
“ครั้งนี้อยากจะรู้จริงๆว่าผู้การรัฐเรียกพวกเรามาทำไม? ว่าแต่คุณได้ยินข่าวลือมาบ้างรึเปล่า?”
“ไม่ได้ยินก็บ้าแล้ว ว่ากันว่าผู้การรัฐเพิ่งกลับจากสนามรบ ข่าวลือนี้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งกลุ่มเฟิงหลีเลย”
“แล้วข่าวลือนั่นเป็นเรื่องจริงรึเปล่า ที่บอกว่าสามารถปราบปรามแม่แมลงสัตว์ร้ายเลเวล C ทั้ง 28 ตัวได้ ทั้งยังได้รับแต้มสงครามมากเกินกว่า 1 ล้าน ไม่คิดว่ามันฟังดูโม้เกินไปหน่อยหรอ”
“ความแข็งแกร่งของตัวตนทรงพลังเลเวล C ลึกล้ำเกินหยั่งถึง ฉันเองก็ไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน”
“เฮ้อ พอเทียบกับคนของกลุ่มเฟิงหลีแล้ว พวกเรามันไม่ต่างจากเด็กยังไม่หย่านม”
“ตาแก่อย่างฉัน ต่อให้คิดเข้าร่วมกับเฟิงหลี พวกเขาก็คงไม่ต้องการ”
คนเหล่านี้ได้แต่ถอนหายใจ
ฉินเฟิงบริหารกลุ่มเฟิงหลี ฝึกฝนผู้คนในกลุ่มจนแข็งแกร่ง นั่นเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับเหมิงหลินและคนที่เหลือในห้องประชุม ทั้งหมดล้วนเป็นคนของพันธมิตรมนุษย์ ถึงพวกเขาจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฉินเฟิงก็จริง แต่คนที่ให้ค่าจ้างหรือเงินเดือนพวกเขา ไม่ใช่ฉินเฟิง
อย่างไรก็ตาม บางทีวันหนึ่งหากฉินเฟิงต้องการมอบตำแหน่งเป็นรางวัลให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาของตน โดยการสลับตำแหน่งในปัจจุบันของพวกเหมิงหลินออกไป ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน