โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 627 - แหวกช่องว่างมิติ
2/5
Ep.627 – แหวกช่องว่างมิติ
ฉินเฟิงเอ่ยสั่งการลงไปไม่กี่คำ ผู้คนนับไม่ถ้วนก็รับไปปฏิบัติตาม
อย่างช้าที่สุด ขอเพียงฉินเฟิงเอ่ยปากตน ทั้งหมดนี้ สามารถสร้างจนแล้วเสร็จในเวลาครึ่งเดือน
แต่ฉินเฟิงเป็นคนบ้างานมาโดยตลอด เขาไม่เคยอยู่เฉยนานๆในเฟิงหลี ดังนั้นไม่น่าแปลกใจว่านี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาลงมือเอง วันถัดมา ฉินเฟิงนำลูกน้องผู้ใช้อบิลิตี้ดินเลเวล D คนหนึ่ง นั่งเรือเหาะของเฟิงหลี ติดตามไปยังสถานที่ก่อสร้าง
ที่นี่คือใจกลางทุ่งล่าอันรกร้าง ทั้งยังมีสัตว์ร้ายอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ต่อให้คิดกวาดล้าง ก็จำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควร
แต่ฉินเฟิงเป็นใคร? ขนาดในลุ่มน้ำตู่ซาน รังแมลงเขายังเคยถล่มมาแล้ว ในขณะที่ท่ามกลางทุ่งล่ารกร้างแห่งนี้ สัตว์ร้ายเลเวลสูงสุดอยู่แค่ E5 เลเวลต่ำสุดอยู่ที่ F แล้วแบบนี้พวกมันจะสามารถต้านทานฉินเฟิงได้หรอ?
หลังจากยิงปืนใหญ่บนเรือเหาะออกไปไม่กี่นัด สถานที่สำหรับเตรียมสร้างเมืองใหม่ก็ถูกเก็บกวาดจนเกลี้ยง ฉินเฟิงเริ่มปลดปล่อยเทคนิคแมกมาออกไป ทำการแทรกซึมธาตุไฟลงใต้พื้นดินในพื้นที่เพาะปลูกรอบนอก เพื่อต่อจากนี้ไป ที่นี่จะได้กลายเป็นดินดำอันอุดมสมบูรณ์ที่เหมาะแก่การเพาะปลูก
ส่วนผู้ใช้อบิลิตี้ดินที่ฉินเฟิงเรียกมา เจ้าตัวได้ทำการปรับแต่งหน้าดินให้เหมาะสมแก่การสร้างเมือง
เมื่อเห็นทั้งสองลงมือ ผู้คนจากอีกสี่เมืองเลยไม่กล้าอยู่เฉย เริ่มทำการขนย้ายสิ่งจำเป็นต่างๆเข้ามาที่นี่
พวกเขาคอยจัดสรรคน ออกค้นหาประชากรจากหมู่บ้านและเมืองที่ห่างไกล ย้ายพวกเขาทั้งหมดมาอยู่ที่นี่ เริ่มนับยอด ฯลฯ
ในยุคสมัยนี้ ไม่มีอะไรน่าหวาดกลัวไปกว่าการทอดทิ้งดินแดนที่พักอาศัยของตน ทว่าหากอีกฝ่ายที่ชักชวนพวกตนมา สามารถจ่ายค่าชดเชย มอบที่อยู่ฟรีๆในเมืองที่ปลอดภัย ทั้งยังมีผู้ใช้พลังแข็งแกร่งคอยคุ้มครอง พวกเขาย่อมตอบตกลงด้วยความยินดี
ด้วยเหตุนี้เอง ภายในระยะเวลาเพียงครึ่งเดือนเมืองใหญ่อันงดงาม ก็ถูกสร้างขึ้นในที่สุด ถนนหลักหลายเส้นทอดยาว กระจัดกระจายออกไป เชื่อมต่อเข้ากับเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด มีผู้คนจำนวนมากทยอยกันเข้ามาในเมืองทุกวัน โครงสร้างของเมืองเริ่มขยับขยายเติมเต็ม
และเบื้องบนของตัวเมือง เป็นอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติรุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมด้วยเรือเหาะทรงพลานุภาพกว่าสามลำ กล่าวได้ว่าเมืองๆนี้ถูกปกป้องเอาไว้ด้วยเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งที่สุด
ตลอดทั้งเมือง แข็งแกร่งดุจดั่งทองคำ
ฉินเฟิงยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์ที่สูงที่สุดในกลางเมือง มองทอดยาวไปทางทิศตะวันตก ในสายตาก้มลงมองบนอุปกรณ์สื่อสารอยู่หลายครั้ง
โชคยังดี ที่ไม่มีใครสังเกตเห็นถึงท่าทีแปลกๆของเขา ส่วนไป๋หลี เธอกำลังเล่มรูบิควิเศษ ตกแต่งชุดเดรสที่ทำมาจากปีกของผีเสื้อผงหอม เตรียมสวมใส่มันในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึง
ในเวลานั้นเอง บนท้องฟ้า จู่ๆอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติก็เริ่มส่งสัญญาณเตือนอย่างรุนแรง
【ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด】
อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิง ได้รับสัญญาณแจ้งเตือนเช่นเดียวกัน เสียงแจ้งเตือนถูกประกาศออกไป
【คำเตือน คำเตือน!】
【ตรวจพบรอยแยกมิติจำนวนมากในระยะห่างออกไป 30 กิโลเมตร】
30 กิโลเมตร ไม่ถือว่าไกล ต้องรู้นะว่าอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติ มีระยะตรวจสอบนับจากตัวเมืองในรัศมี 100 กิโลเมตร ดังนั้นเลยมีการสร้างหอคอยรักษาการณ์ในระยะ 20 กิโลเมตรนับจากใจกลางเมือง
สำหรับ 30 กิโลเมตร หากนับจากตัวเมือง รถธรรมดาจะใช้เวลาเดินทาง 30 นาที แต่หากเป็นรถศึกล่องเวหา วิ่งในอัตราเร็วเต็มที่ จะใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที
กล่าวได้ว่ารอยแยกมิติปรากฏขึ้นในระยะใกล้เช่นนี้ ผู้คนคงพาลรู้สึกว่าจบสิ้นแล้ว
ขณะเดียวกัน ผู้ใช้พลังในเมือง ทั้งหมดต่างแตกตื่นตกใจเช่นกัน พวกเขาร้องตะโกน
“เร็วเข้า รีบระดมโดรนสังเกตการณ์ ออกไปตรวจสอบดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่ทันแล้ว ถ้าใช้โดรนคงสายเกินไป ในเมื่อระยะห่างแค่ไม่กี่สิบกิโลเมตร ถ้างั้นใช้ระบบสแกนระยะไกลจะเหมาะกว่า”
“รีบเปิดระบบสแกนระยะไกลเร็วเข้า!”
ภายในหอสังเกตการณ์ ไป๋หลีผุดลุกขึ้น เอ่ยถามฉินเฟิง “เจ้าสิ่งนี้ใช่ไหม ที่ที่รักกำลังรออยู่?”
ไป๋หลีไม่ใช่เด็กอีกต่อไป สติปัญญาของเธอไม่ต่างจากมนุษย์ ทั้งยังได้รับสืบทอดความทรงจำจากเหล่าสัตว์ยักษ์มิติ หากพูดกันในแง่ประสบการณ์และฐานความรู้ เธอมีมากกว่าฉินเฟิงผู้กลับมาเกิดใหม่เสียอีก
และสิ่งหนึ่งที่เธอทราบมาตลอด นั่นคือฉินเฟิงมีความสามารถในการคาดเดาถึงเหตุการณ์ใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ทว่าโลกใบนี้มันช่างกว้างใหญ่ สิ่งมีชีวิตหลายชนิดก็มีความสามารถที่ว่านี้ ดังนั้นไป๋หลีเลยคิดว่านี่เป็นเรื่องปกติไม่แปลกอะไร
“มาเถอะ พวกเราไปดู เตรียมคว้าโอกาสทองครั้งใหญ่กัน”
“อื้ม!”
พลังสมาธิของไป๋หลีวูบไหว รูนสีเงินปกคลุมทั้งสอง อบิลิตี้เทเลเพอร์ตถูกเปิดใช้งานทันที
ปัจจุบัน พลังเทเลพอร์ตของไป๋หลีแข็งแกร่งขึ้นแล้ว มันสามารถจั๊มป์ได้ไกลสุดถึง 5,000 เมตรในคราวเดียว ซึ่งเท่ากับใช้ท่าเทเลพอร์ตไม่กี่ครั้ง ฉินเฟิงกับไป๋หลีก็มาปรากฏกายเบื้องหน้ารอยแยกมิติขนาดใหญ่
ระหว่างที่คนทั้งเมืองเพิ่งตื่นตัว และเฝ้ามองมันอย่างใจจดใจจ่า ฉินเฟิงกับไป๋หลี กลับใช้เวลาไม่ถึง 10 วินาที ก็มาถึงสถานที่เกิดเหตุ
ปัจจุบัน รอยแยกกลมโตผุดออกมาจากท้องฟ้า ยังไม่พอ ปรากฏวัตถุทรงกลมรูปทรงเช่นเดียวกัน กำลังพยายามแทรกรอยแยกมิติออกมา ลองสังเกตดูดีๆ จะพบว่ามันเป็นก้อนเปลวไฟทรงกลมที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอย่างน้อยสิบเมตร
ไป๋หลีเฝ้ามองรอยแยกที่ค่อยๆขยายออก ทราบว่านี่เกิดจากการฝืนทำลายกำแพงอุปสรรคของมิติ
“อยากให้ฉันปิดมันรึเปล่า?” ไป๋หลีเอ่ยถาม
ด้วยความแข็งแกร่งของเธอในปัจจุบัน สามารถสยบรอยแยกมิตินี้ได้อย่างง่ายดาย
“ไม่ต้อง ฉันกำลังรอให้พวกมันลงมา”
ขณะกล่าว วัตถุทรงกลมที่ลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิง สุดท้ายสามารถแหวกผ่านรอยแยกมิติออกมาได้ เผยโฉมทั้งตัวออกมาอย่างเต็มตา ปรากฏว่ามันใหญ่กว่าที่คาดไว้ จากเดิมเส้นผ่านศูนย์กลางสิบเมตร กลับกลายเป็นสี่สิบเมตร!
ประจวบกับวัตถุทรงกลมอยู่ห่างจากพื้นประมาณ 400 – 500 เมตร ทำให้มันร่วงตกถึงพื้นอย่างรวดเร็ว
ตึงงง!
เพียงชั่วพริบตา มันร่วงตกลง เกิดการระเบิดทันที อย่างไรก็ตาม ผลสะท้อนอันรุนแรงชนิดขุนเขาผืนดินสั่นสะเทือนอย่างที่จินตนาการไว้ กลับไม่ปรากฏออกมา
ฉินเฟิงยืนสงบนิ่งอยู่บนที่สูง ดังนั้นเลยสามารถมองเห็นทุกฉากได้อย่างชัดเจน ว่าก่อนที่วัตถุทรงกลมขนาดใหญ่กำลังตกถึงพื้น มันเกิดการระเบิดล่วงหน้า ปกคลุมผืนดิน แปรเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเปลวเพลิงแทน
จากนั้น เงาร่างมนุษย์นับหลายร้อยร่าง ที่อยู่ในสภาวะขดตัวไม่ต่างจากบอลมนุษย์ ก็เริ่มเหยียดแขนเหยียดขา ผุดลุกขึ้นยืน
ผิวหนังของพวกมันไม่ต่างจากหินลาวา ปกคลุมไปด้วยสีดำและแดง ปรากฏรอยปริร้าวเป็นชั้นๆ ท่ามกลางรอยแตกร้าว มีสะเก็ดไฟพวยพุ่งออกมา แม้จะอยู่ไกลกัน แต่เพียงมองด้วยตาเปล่า ก็พอระบุได้ว่าอุณหภูมิในร่างกายของพวกมันสูงลิ่ว
ดูไปแล้วไม่ต่างจากมนุษย์เพลิงที่ถูกแช่เอาไว้ในลาวา
แน่นอน อันที่จริงพวกมันมีขนาดตัวใหญ่โตกว่าร่างมนุษย์ถึงสองเท่า สูงเต็มที่กว่าสี่เมตร สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาเหล่านี้ เป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า ‘ปีศาจโทรลลาวาเดือด’
ปีศาจโทรลหลายร้อยตัวผุดลุกขึ้น ความแข็งแกร่งของพวกมันอย่างต่ำอยู่ในเลเวล C8 หรือสูงกว่า อีกทั้งภายในวัตถุทรงกลม ยังปรากฏโทรลที่สูงกว่าตัวอื่นๆ คาดว่ามันน่าจะก้าวไปถึงเลเวล B เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ภายในเมืองที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ โจวฮ่าวกับคนอื่นๆมองไปยังรูปลักษณ์ของเหล่าโทรลที่ดูน่าหวาดกลัว ทั้งหมดต่างสูดหายใจลึกพร้อมกัน
“มัวรออะไรอยู่ รีบแสกนความผันผวนจากพลังงานเร็วเข้า”
“เจ้าสิ่งมีชีวิตนั้นอยู่ในระดับไหน?”
“แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในเลเวล B1”
“ว่ายังไงนะ!?”
“ซวยแล้ว พวกเราจะทำยังไงกันดี อพยพกันตอนนี้ทันไหม?”
ฝูงชนบังเกิดความแตกตื่นลนลาน สำหรับเลเวล B1 ถือเป็นการดำรงอยู่ที่พวกเขาไม่อาจเอาชนะได้
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ผู้คนยังคงมุ่งความสนใจมายังปีศาจโทรลลาวาเดือดเหล่านี้ เบื้องบนท้องฟ้า รอยแยกมิติที่เริ่มหดตัว ก็ถูกบังคับให้ขยายออกอีกครั้ง
เปรี๊ยะ!
คล้ายกับมีบางสิ่งบางอย่างถูกทำลาย ผู้คนในเมืองหันเหทิศทางระบบสแกน มองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง
ช่วงเวลานี้ ฉินเฟิงกับไป๋หลีเองก็เงยหน้าขึ้นไปเช่นกัน
เห็นแค่เพียง ณ ตำแหน่งที่รอยแยกมิติปรากฏขึ้น วัตถุทรงกลมที่ลุกไหม้อีกลูกกำลังแทรกออกมาอีกครา
ไม่ว่าจะเป็นขนาดหรือรูปทรง ล้วนเหมือนกับลูกแรกทุกประการ
ยังไม่พอ ท่ามกลางผืนฟ้า ชั้นอากาศเกิดปริร้าว เริ่มล่มสลาย จากนั้น แสงสีเงินได้หายวับไป รอยแยกมิติสีดำปรากฏขึ้นแทนที่ ตามมาติดๆด้วยวัตถุทรงกลมอีกลูกกำลังแทรกตัวออกมา
บนผืนฟ้าในปัจจุบัน–
–ปรากฏวัตถุทรงกลมที่ลุกไหม้กว่า 7 – 8 ลูกกำลังแทรกแซงเข้าสู่โลกมนุษย์ในคราวเดียว!