โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 632 แผนการที่วางไว้
Ep.632 – แผนการที่วางไว้
ณ บ้านตระกูลตี๋ ผู้ใช้พลังเลเวล C3 ตี๋หยวนจิว กำลังใช้สมองขบคิด โดยกลุ่มคนที่นั่งอยู่ถัดลงไปทั้งซ้ายขวา เป็นอาวุโสเลเวล D ของตระกูล
“สิ่งใดที่ยังทำให้ท่านผู้นำลังเล? ไหนๆบรรพชนของตระกูลโหวก็ออกปากเชิญชวนด้วยตัวเองแล้ว พวกเราจะปฏิเสธไม่ยอมไปดูหน่อยหรือ?”
“ใช่ นี่นับว่าเป็นโอกาสอันหาได้ยากยิ่งชนิดท้าทายสวรรค์”
“หากพวกเราปล่อยฉินเฟิงได้รับทรัพยากรทั้งหมดไว้เพียงลำพัง นับจากนี้ไปในอนาคต สถานการณ์ในตระกูลตี๋ของพวกเราคงไม่อาจอยู่อย่างเป็นสุขได้อีกแล้ว”
“นานวัน ฉินเฟิงก็ยิ่งคิดแล่เนื้อเถือหนังพวกเรา!”
“ถูกต้อง ในอดีตรัฐทะเลเหนือคือดินแดนของพวกเรา แล้วทำไมตอนนี้ถึงต้องหวาดกลัวฉินเฟิงด้วย? ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ในอนาคตยังมีที่ไหนให้พวกเราได้ซุกหัวนอนอีก?”
อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้ยังแบ่งออกเป็นสองฝักสองฝ่าย มีรุ่นเยาว์บางคน รวมไปถึงตี๋เล่ยที่เคยสัมผัสกับฉินเฟิงมาก่อน ดังนั้นไม่คิดเป็นศัตรูกับอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว แต่การกระทำของฉินเฟิงในตอนนี้ มันดันแตะต้องผลประโยชน์ของพวกตาแก่หัวรั้นเข้า ดังนั้นพวกเขาเลยปรารถนาจะตัดแบ่งเค้กสักชิ้นจากในก้อนใหญ่ มาเป็นของตัวเอง
ตี๋หยวนจิว หมุนบอลลูกเหล็กในมือเขา สุดท้ายกล่าวเสียงหนักแน่น “ในเมื่อได้รับเชิญจากตระกูลโหว เช่นนั้นพวกเราก็จะไปด้วย ถ้าฉินเฟิงโกรธ พวกเราก็แค่ผลักความรับผิดชอบให้ตระกูลโหว”
เมื่อคนอื่นๆได้ยินคำประกาศของตี๋หยวนจิว บางคนก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที ในขณะที่บางคนแสดงออกถึงความกังวลยิ่งกว่าเดิม
…
ภายในตระกูลหยางก็ครึกครื้นไม่เบาในช่วงเวลานี้
หยางโจวเถียนได้เดินทางกลับมายังรัฐทะเลเหนือแล้ว ที่ซ่อนตระกูลของพวกเขาตั้งอยู่ใกล้กับสันเขาถังซาน กล่าวได้ว่าเป็นริมเชิงเขาของรังจักรพรรดินกยูงเพลิงฟ้าในอดีต แม้สัตว์ร้ายจะมีระดับสูงสุดอยู่แค่เลเวล D แต่หยางโจวเถียนก็ยังกลับมาตระกูลเป็นประจำทุกปี เพราะหวั่นเกรงว่าจะเกิดกองทัพสัตว์ร้ายขึ้นในสันเขาถังซาน
ต้องทราบนะว่า การที่ตระกูลหยางตัดสินใจตั้งรกรากที่นี่ เป็นเพราะพวกเขาค้นพบเส้นชีพจรพลังงาน แม้จะมีขนาดเล็ก แต่พลังงานระหว่างสวรรค์และปฐพีมีอยู่มากมาย ลูกหลานตระกูลหยางจะได้ได้รับพลังงาน เสริมสร้างบำรุงความแข็งแกร่งตั้งแต่แรกเกิด
ด้วยเหตุนี้เอง เลเวล C อย่างเขาเลยต้องกลับมาตรวจสอบสถานการณ์ทุกปี เพราะไม่ยินยอมที่จะสูญเสียฐานที่มั่นแห่งนี้ไป
ณ โถงกลางของตระกูลหยาง มีผู้คนมารวมตัวกันกว่า 50 คน นอกจากเลเวล D แล้วยังมีเลเวล E รวมอยู่ด้วย ทั้งหมดเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้
“ผู้การฉินลงมือสู้ด้วยตัวเองมาเป็นเวลากว่าเจ็ดวัน ทั้งยังไม่ยอมเรียกกำลังสนับสนุน หมายความว่าเขากำลังปกปิดความลับอะไรบางอย่างอยู่ช แต่หากพวกเราบุกไปที่นั่น เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องดี”
“ก็ในเมื่อปกปิดเป็นความลับ นั่นบ่งบอกชัดเจนว่าเขาพบสมบัติ แล้วพวกเราจะยอมละทิ้งโอกาสนี้ไปจริงๆน่ะหรือ?”
“จะให้พวกเรายื่นมือเข้าปากเสือรึไง ความสัมพันธ์ระหว่างผู้การฉินกับตระกูลเรายังโอเคอยู่ จะเป็นการดีกว่าหากไม่ไปแข็งข้อกับเขา”
“วางใจเถอะ พวกเราจะไปอย่างเป็นมิตร อธิบายว่าพวกเราต้องการช่วยผู้การฉินกำจัดภัยคุกคาม ฉันเชื่อว่าท่านผู้การจะไม่ปฏิเสธ!”
“เดี๋ยวก่อนนะ เพิ่งมีรายงานเข้ามาว่าผู้นำตระกูลโหวกับตระกูลตี๋ได้ออกจากบ้านหลัก คิดว่าพวกเขาน่าจะไปที่นั่นเช่นกัน”
หนึ่งในที่ประชุมพอได้รับข่าวและเอ่ยออกมา ทุกคนก็หันเหสายตาไปยังทิศทางเดียว ตกลงบนร่างของหยางโจวเถียน
หยางโจวเถียนยิ้มบาง แสดงสีหน้าเจ้าเล่ห์ “ปล่อยให้พวกเขาเป็นหนูทดลองดูก่อน ยังไงเดี๋ยวข่าวก็ถูกส่งมา รอสักวันสองวัน ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะรู้เองว่าการไปเยือนที่นั่น เป็นผลดีหรือผลเสีย”
คนอื่นๆพอลองคิดดู ก็พบว่าแผนการนี้สมเหตุสมผล ทั้งหมดทยอยกันพยักหน้าเห็นด้วย
จากนั้น ภายใต้การสังเกตการณ์ของตระกูลหยาง ตระกูลตี๋กับตระกูลโหวได้รวมตัวกัน นั่งฮอลศึกบินไปยังเมืองใหม่
ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมง พวกเขาก็บินผ่านเมืองใหม่ มาถึงดินแดนของเหล่าปีศาจโทรล
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงทราบข่าวนี้ตั้งแต่เมื่อหลายชั่วโมงก่อนแล้ว
เพราะอย่างไรเสีย กลุ่มเฟิงหลีมีหูตาอยู่ทั่วทั้งรัฐทะเลเหนือ ไม่เว้นกระทั่งในพันธมิตรมนุษย์ ฉินเฟิงทุ่มเทอย่างหนักเพื่อกำจัดปีศาจโทรลลาวาเดือด หากมีใครคิดสร้างปัญหาขึ้นมา ฉินเฟิงจะเป็นคนแรกที่ได้รับแจ้ง
เวลานี้ โกวก๋วนที่นำเรือเหาะมาช่วยฉินเฟิงยิงธารลาวาให้เย็นลงได้เอ่ยขึ้น
“ท่านประธาน พอคนพวกนั้นมาถึง คุณอยากให้พวกเราออกไปขวางหรือไม่?” โกวก๋วนเอ่ยถาม
และถ้าหากจำเป็น ก็ฆ่าทิ้งซะเลย ยังไงซะ เจ้ากลุ่มที่เรียกตัวเองว่าตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณ ในสายตาของโกวก๋วนและคนจากเมืองหวัง ล้วนเป็นฝูงแมลงวันน่ารังเกียจ เห็นแล้วระคายสายตา ปรารถนาจะยิงให้ตาย
ฉินเฟิงกลับเผยอยิ้มออกมา “ออกไปขวาง? ไม่ต้องหรอก เพราะคนพวกนั้นคงเข้ามาช่วยเหลือพวกเรานั่นแหละ”
โกวก๋วนมองไปยังการแสดงออกที่ดูผ่อนคลายของฉินเฟิงก็ลอบประหลาดใจ ‘ทำไมมันถึงง่ายดายแบบนี้ ท่านประธานใช่อยู่ๆก็ใจดีเกินไปรึเปล่า?’
อย่างไรก็ตาม โกวก๋วนยังคงทำตามคำสั่งของฉินเฟิง ไม่คิดเอ่ยขัดแต่อย่างใด เพราะตอนนี้อาณาเขตของปีศาจโทรลก็มีขนาดใหญ่ขึ้นมากแล้ว หากมีคนจากสองตระกูลคอยช่วยเหลือ มันก็ดีไปอีกแบบ
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองตระกูลรู้สึกไม่ค่อยดีนักหากปรากฏตัวต่อหน้าฉินเฟิงตรงๆ ทำให้ระหว่างเดินทาง พวกเขาจงใจเปิดโล่พลังสมาธิและรูนมืดปกคลุม
แต่ช่างน่าเสียดาย ที่วิธีการพวกนี้ได้ผลแค่กับเฉพาะคนระดับต่ำ มันไม่สามารถซ่อนจากฉินเฟิงได้
ฉินเฟิงเพียงชำเลืองมอง แล้วก็ไม่สนใจอีก เขาหันไปกวักมือเรียกอีกทางหนึ่ง
“เอาล่ะ พวกเราก็วุ่นกันมาหลายวันแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างถูกเตรียมไว้จนเกือบเสร็จสิ้น ถึงในด้านจำนวนโทรลจะไม่เป็นอย่างที่คำนวณไว้ แต่ก็ไม่มีโทรลลาวาเดือดเลเวล B อยู่ที่นี่อีกต่อไป เลเวล C ก็ลดลงไปมาก”
พวกโทรลที่อาศัยอยู่ในดินแดนลาวาด้านใน ในปัจจุบัน มีขนาดสูงเพียงสองเมตร แม้พวกมันจะแข็งแกร่งตั้งแต่แรกเกิด แต่จนกระทั่งตอนนี้มีเลเวลมากสุดอยู่ที่ D5
โกวก๋วนนึกไม่ถึงเหมือนกันว่าฉินเฟิงจะตัดสินใจแบบนี้ แต่ยังคงขับเคลื่อนเรือเหาะ รับฉินเฟิงกับไป๋หลีออกจากที่นี่
อีกด้านหนึ่ง ผู้คนจากตระกูลโหวคอยลอบสังเกตการณ์ฉินเฟิงอย่างเงียบๆ เมื่อพบว่าจู่ๆเรือเหาะบินจากไป พวกเขาก็งงงวยไปพักหนึ่ง ไม่อาจคิดหาเหตุผลได้
“ท่านบรรพชน ฉินเฟิงกับพวกของมันออกไปแล้ว”
“หืม?” โหวหมิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“บางทีฉินเฟิงอาจค้นพบพวกเราแล้วก็ได้ หลังจากเขาต่อสู้ต่อเนื่องมายาวนานกว่าเจ็ดวัน เลยตัดสินใจล่าถอยจากสนามรบ แล้วฝากฝังหน้าที่ให้กับพวกเราแทน” ตี๋หยวนจิวกล่าว
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” โหวหมิงขบคิดยังไงก็ไม่อาจหาเหตุผลอื่น จึงผงกศีรษะเห็นด้วย
“งั้นพวกเราก็อย่าอยู่เฉย รีบแสดงฝีมือไม่ให้ผู้การฉินต้องผิดหวังเถอะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นั่นสินะ”
แม้ปากเอ่ยเช่นนี้ แต่ในความจริงเป็นแล้ว ในใจของทั้งสองเกิดความคิดแบบเดียวกัน นั่นคือ
‘ฉันจะต้องรู้ให้ได้ ว่ามันมีสมบัติอะไรอยู่ที่นี่กันแน่’
ทั้งคู่แข็งแกร่งมาก ยังไงก็ตาม ปีศาจโทรลลาวาเดือดที่เดินเตร็ดเตร่อยู่รอบนอก ทั้งหมดล้วนเป็นเลเวล C ส่วนโทรลเด็กเลเวล D จะทำงานอยู่ด้านในเพื่อความปลอดภัย
พวกเขาส่งมือปืนออกไปล่อโทรลเข้ามา
ตึง ตึง …
โทรลลาวาเดือดค่อยๆก้าวเข้าหาอย่างช้าๆ
ผู้คนจากตระกูลโหวและตี๋ต่างตื่นตัว เมื่อถึงระยะโจมตี โหวหมิงเป็นคนแรกที่เปิดฉาก
ปรากฏพลองยาวสองเมตรในมือเขา จ้วงแทงไปข้างหน้า
“กระบวนท่าสังหารไร้เงา!”
พริบตานั้น พลองยาวเริ่มหมุนวน ปรากฏภาพติดตาผุดพรายออกมา แยกไม่ออกว่าอันไหนจริงอันไหนปลอม กระจายเป็นพลองนับสิบนับร้อยในอากาศ มองจากมุมข้างไม่ต่างจากเครื่องบดเนื้อ อำนาจทำลายรุนแรงร้ายกาจ
ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม!
พลองไร้เงาที่อัดฉีดไปด้วยกำลังภายในควงสว่านเข้าใส่ร่างโทรลลาวา ยามกระทบก่อให้เกิดประกายไฟแปลบปลาบ แขนข้างหนึ่งของมันพลันขาดสะบั้น ลอยคว้างไปในอากาศ
“ก๊าซซซซ!”
โทรลลาวาเดือดถลึงมองโหวหมิงด้วยความโกรธ ฟาดฝ่ามือเข้าสวน โหวหมิงยกไม้พลองขึ้นปัดป้อง ทว่าถูกแรงปะทะตัวลอยออกมาอีกทาง กระทั่งโล่ปราณกำลังภายในยังสั่นสะท้าน
“ฝ่ามือเหล็กพินาศ!”
ปรากฏฝ่ามือสีทะมึนขึ้นในอากาศที่ว่างเปล่า ตบเปรี้ยงลงบนร่างของโทรลลาวาเดือด ทั้งยังคว้าจับตัว กุมขังศัตรูอย่างแน่นหนา
ผู้ใช้พลังคนอื่นๆที่ติดตามมา งัดทั้งดาบทั้งหอกเข้ากุ้มรุมมัน ส่วนมือปืนยังใช้กระสุนน้ำแข็งเลเวล D ยิงเข้าใส่หัวมัน
ไม่นานปีศาจโทรลก็ไม่อาจทานทนต่อการโจมตีดังกล่าวได้อีกต่อไป มันแหลกเหลวลง สุดท้ายหัวหลุดจากบ่า ภายใต้อานุภาพจากกระสุนน้ำแข็งของมือปืนเลเวล D
วินาทีต่อมา ผู้คนที่รุมสกรัมอยู่รอบปีศาจโทรล ทั้งหมดถูกแรงระเบิดนี้ ปลิวเสียหลักลงไปกลิ้งกับพื้น ขณะเดียวกัน พื้นดินโดยรอบก็เริ่มเปลี่ยนเป็นแอ่งลาวา ขยายเข้าถึงตัวพวกเขาที่ยังไม่ทันลุกขึ้น
“อ๊ากกกก!”
เสียงร้องโหยหวนน่าเวทนาดังระงม