โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 644 - ต้นไม้เพลิงมอดดับ
แซดดูไม่ต่างไปจากเดิมเลย เพราะท้ายที่สุดแล้ว ครั้งก่อนที่พวกเขาเจอกัน มันเพิ่งผ่านไปได้แค่ไม่กี่เดือนเอง
ถึงหูซานผู้ทรงอำนาจคนนั้นจะทำข้อตกลงกับแซด ว่าให้องค์กรของเขาถอนตัวออกจากรัฐทะเลเหนือไปแล้วก็ตาม กระนั้นสำหรับแซด เงื่อนไขนี้ไม่อาจฉุดรั้งเขาเอาไว้ได้!
จริงอยู่ว่าตัวตนทรงอำนาจเลเวล S น่ะมักปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ แต่กฏเกณฑ์ที่ว่านั่นมันบีบบังคับไม่ให้พวกเขาออกไปไหนได้หรือ?
–เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นไปไม่ได้! แซดยอมรักษาข้อตกลงกับหูซานก็จริง แต่กรณีนั้นเรียกว่าเป็นการประนีประนอมกันทั้งสองฝ่ายจะถูกกว่า เรื่องไหนหยวนกันได้ก็หยวนๆ ดังนั้นหากแซดอยากเดินเล่นที่ไหนสักที่ก็ไม่มีใครหยุดเขาได้
เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ ในหัวใจของฉินเฟิงคล้ายตระหนักได้ถึงบางสิ่ง
‘หรือว่าก่อนเกิดใหม่ บุคคลลึกลับจะเป็นแซด?’
‘ตัวตนทรงอำนาจลึกลับได้ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ทำลายต้นไม้เพลิง และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย’
แต่พอนำเอาคำข้างต้นมาประกอบเข้าด้วยกันแล้ว แซดเป็นคำตอบที่เหมาะสมที่สุดจริงๆ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ คิ้วของฉินเฟิงค่อยๆยับย่นเข้าหากัน หากเป็นเช่นนั้นจริง ไม่ได้หมายความว่าฉินเฟิงต้องติดหนี้แซดหรือ?
เพราะท้ายที่สุดแล้วรัฐทะเลเหนือในปัจจุบัน คืออาณาเขตของฉินเฟิง
เมื่อถึงจุดนี้ แนวสายตาของแซดถึงค่อยเบนออกจากฉินเฟิง ไปตกลงบนต้นไม้เพลิง พริบตานั้นมันสุกสกาว เปล่งประกายด้วยความสนอกสนใจ
แต่ประกายสนอกสนใจนี้ กลับทำให้ฉินเฟิงรู้สึกขนลุกเกรียว
เพราะคราวก่อน แซดก็เคยมองฉินเฟิงด้วยแววตาเช่นนี้เหมือนกัน
มันคือแววตาที่ใช้มองร่างทดลอง!
ยิ่งมองแซดก็ยิ่งสนใจ เขาเอ่ยปากขึ้นมา “เจ้าสิ่งนี้ประหลาดมากจริงๆ มันสามารถดูดซับพลังงานได้โดยการกิน และเติบโตขึ้น ช่างเป็นวัตถุดิบที่หาได้ยากยิ่ง บางทีถ้านำมันไปใช้ อาจช่วยให้ผลลัพธ์การทดลองของฉันดีขึ้น”
สีหน้าของฉินเฟิงแปรเปลี่ยนไป จริงอยู่ที่มนุษย์เองก็สามารถวิวัฒนาการได้ด้วยการกิน ตัวอย่างเช่นกินวัตถุดิบสัตว์ร้าย , กินสมบัติฟ้าดิน , กินสมุนไพรวิญญาณ และกินผลไม้วิญญาณ แต่ในกรณีกินคน กินหิน กินดินแล้วเกิดการวิวัฒน์ นี่แทบไม่เคยเกิดขึ้น
แซดกล่าวต่อ “ของดี ของดีจริงๆ! ยิ่งดูก็ยิ่งน่าสนใจ! งานทดลองของฉันยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ถ้าได้รับความสามารถแบบนี้มาช่วยเสริม อาจเกิดกรณีที่มนุษย์ทดลองสามารถล่าสัตว์ร้าย แล้วกินพวกมันเพื่อวิวัฒนาการเลยก็ได้ เมื่อถึงตอนนั้นผู้คนคงสามารถเติบโตได้อย่างไร้ขีดจำกัด โดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการทดลองอย่างต่อเนื่องอีก เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในทุกๆการทดลองมันก็มีความเสี่ยงอยู่บ้างเหมือนกัน”
ฉินเฟิงได้ยินแซดพึมพำ หัวใจของเขาต้องกระตุกวูบ เพราะสิ่งที่แซดกล่าว กับพลังพิเศษของฉินเฟิงมีความคล้ายคลึงกันจริงๆ
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ แซดค่อยเอียงศีรษะมาทางฉินเฟิง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉินเฟิง มาร่วมมือกันทดลองไหม? ไม่สนใจพิจารณาเกี่ยวกับมันดูหน่อยหรอ? ฉันรู้นะ ว่านายเองก็มีร่างทดลองมนุษย์กลายพันธุ์อยู่ในมือมากมาย แต่ตอนนี้ทุกคนกลับหยุดนิ่ง ไม่สามารถวิวัฒนาการได้อีกต่อไป!”
คิ้วของฉินเฟิงขมวดเข้าหากัน กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ขอปฏิเสธ!”
ฉินเฟิงมีลูกน้องเป็นมนุษย์ทดลองอยู่จริงๆ และที่สนิทกันที่สุดคงเป็นหลิงหวูยี่กับหานน่วน แต่หานน่วนสามารถวิวัฒนาการในระดับสูงได้ ขณะที่หลิงหวูยี่วิวัฒนาการในระดับต่ำ ดังนั้นหากต้องการยกระดับ จำเป็นต้องผ่านการทดลอง ติดปัญหาก็ตรงมันมีความเสี่ยงสูงมาก
อย่างไรก็ตาม หากการลดความเสี่ยงสูงคือต้องยอมร่วมมือกับแซด ฉินเฟิงจะไม่เลือกข้อนั้น!
เพราะอีกฝ่ายคือนักวิทยาศาสตร์คลั่ง ทั้งยังครอบครองขุมกำลังอันแข็งแกร่ง
หากต้องร่วมมือกับบุคคลเช่นนี้ อย่างน้อยพื้นฐานความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสอง จะต้องอยู่ในระดับเดียวกัน
หากฉินเฟิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากร่วมมือกับแซดในอนาคต นั่นคงเป็นตอนที่เขาสามารถวิวัฒนาการไปถึงเลเวล S แล้ว
แซดไม่แปลกใจกับการปฏิเสธของฉินเฟิง อีกฝ่ายยังคงเหมือนเดิม ตีตัวออกห่างจากเขาอย่างไม่ลดละ
บางทีแซดอาจแค่นึกขึ้นได้เลยเอ่ยถามออกมาเล่นๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไร
เพราะปัจจุบัน สิ่งที่เขากำลังให้ความสนใจ คือต้นไม้เพลิง
“ฮี่ ฮี่ ช่างมันเถอะ สำหรับนายฉันปล่อยไปก่อนก็ได้ แต่สำหรับเจ้าสิ่งนี้ ฉันจะเอามันกลับไปด้วย!”
สิ้นเสียง แซดก็ไม่สนใจฉินเฟิงอีกต่อไป กลิ่นหายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง
วินาทีต่อมา มังกรทมิฬขนาดยักษ์พลันปรากฏกายขึ้นบนผืนฟ้า
นี่คือจิตวิญญาณนักรบของแซด!
ต้นไม้เพลิงเปี่ยมไปด้วยพลัง แค่พุ่มส่วนบนของมันก็สามารถบดบังแสงอาทิตย์ ยามขยับกายเคลื่อนไหว ส่งผลกระทบจนผืนดินสั่นสะเทือนครั้งใหญ่
ทว่าจิตวิญญาณนักรบของแซด กลับไม่ด้อยไปกว่ากันเลย
“โฮกกกกก!”
จิตวิญญาณนักรบขู่คำราม มังกรดำโฉบถลาลงจากผืนฟ้า ตรงไปยังพุ่มเหนือต้นไม้เพลิง
กรงเล็บอันแหลมคนของมังกรดำฉีกกิ่งก้านของต้นไม้ บังเกิดเสียง แกร๊ก แกร๊ก ของกิ่งก้านถูกหักทำลายดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กิ่งก้านเหล่านั้นแม้ดูเล็กจากระยะไกล ทว่ายามตกกระทบลงถึงพื้น กลับส่งเสียงดังสนั่น แต่ละกิ่งมีความยาวมากกว่า 20 เมตร กว้าง 1 เมตร เทียบเท่ากับต้นไม้ใหญ่ธรรมดาๆได้เลย
การต่อสู้ดังกล่าว ดำเนินไปอย่างน่าหวาดกลัวสยองขวัญ
ขนาดฉินเฟิงเฝ้ามองจากระยะไกล ในหัวใจยังอดสั่นเทิ้มไม่ได้
แซดซ่อนตัวอยู่ในจิตวิญญาณนักรบที่ปัจจุบันขนาดมีตัวใหญ่กว่าต้นไม้เพลิง ยามมันยกมือขึ้นโจมตีหรือเหวี่ยงเท้า สามารถฉีกทำลาย สร้างความเสียหายแก่ต้นไม้เพลิงได้
การต่อสู้ระหว่างสองสัตว์ยักษ์ บุคคลอื่นๆ ไม่สามารถแทรกแซงได้เลย
‘นี่คือความห่างชั้นของความแข็งแกร่ง หรือว่าเป็นความแตกต่างทางสรีระกันแน่?’
คำถามนี้ผุดขึ้นมาในใจของฉินเฟิง
เพราะฉินเฟิงเองก็รู้สึกได้ว่า ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าต้นไม้เพลิงมากนัก ทว่าขนาดตัวแตกต่างกันมากเกินไป อย่างอันที่จริงแล้วฉินเฟิงเพียงวาดมือหรือกวาดขาก็สามารถทำลายยอดเขาให้แตกเป็นเสี่ยงๆได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับต้นไม้เพลิง อำนาจทำลายของเขากลับมีค่าแค่ก่อกวนมันเท่านั้น ได้แต่ตัดราก สะบั้นกิ่งก้าน และใบไม้ของมันอย่างช้าๆ
อย่างไรก็ตาม สำหรับจิตวิญญาณนักรบของแซด มันกลับสามารถฉีกกระชากต้นไม้เพลิงได้ทั้งต้น!
คงไม่ผิดแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแซดคือเลเวล S !
แต่ข้อได้เปรียบของแซดยังมีอีก นั่นคือครอบครองขนาดจิตวิญญาณอันใหญ่โต แบบนี้หากฉินเฟิงต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดตัวมโหฬารในภายหลัง เขาจะไม่ดูกากไปเลยหรอ?
แต่ความคิดดังกล่าว ถูกฉินเฟิงโยนทิ้งไปเบื้องหลังอย่างรวดเร็ว
‘แซดคงเจตนารักษาสัญญาณ เลยไม่ยุ่งกับฉัน ไม่อย่างนั้นช่วงที่เขาเผชิญหน้ากับหูซาน อีกฝ่ายคงไม่บ่นมากขนาดนั้น’
‘ฮึ! คิดให้ฉันไปเป็นหนูทดลองอย่างงั้นหรือ ฝันไปเถอะ!’
‘ต่อให้เขาทรงพลังแล้วอย่างไร? มีใครรับประกันได้รึเปล่าว่าในอนาคตจะไม่ปรากฏสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวยิ่งกว่า? เมื่อถึงเวลาครบสัญญา ฉันจะงัดทุกอย่าง ใช้ออกด้วยทุกสิ่งที่มีโค่นแซดลงให้จงได้!’
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประสบการณ์จากอนาคตของฉินเฟิง ความทรงจำที่ยังเหลืออีก 8 ปีข้างหน้า นั่นเพียงพอแล้วที่จะทำให้ฉินเฟิงได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร!
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินเฟิงไม่เชื่อเด็ดขาด ว่าความสำเร็จของเขา ถึงช่วงหนึ่งแล้วจะหยุดนิ่ง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ การแสดงออกของฉินเฟิงก็กลับมามั่นคงหนักแน่น
ในเวลานั้นเอง ณ สถานที่ห่างไกล ยักษ์ใหญ่อีกหนึ่งได้ปรากฏขึ้น!
–เมืองลอยฟ้าได้มาถึงแล้ว!
“ไปกันเถอะ”
ฉินเฟิงโอบเอวไป๋หลี ไป๋หลีใช้ออกด้วยรูนมิติ ชักนำฉินเฟิงสู่เมืองลอยฟ้าทันที
ฉินเฟิงปรากฏกายขึ้นภายในห้องควบคุมเมืองลอยฟ้า ผู้คนไม่แสดงออกถึงความแปลกใจใดๆ ทั้งหมดต่างเคร่งขรึมจริงจัง จดจ้องไปยังการต่อสู้ด้านนอก
บังเกิดความประหลาดใจขึ้นในดวงตาของพวกเขา แต่ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ไม่มีใครกล้ากล่าวถึงมัน
สำหรับสมาชิกที่ปฏิบัติการบนเมืองลอยฟ้า ทั้งหมดล้วนเป็นมือปืนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของกลุ่มเฟิงหลี
คนเหล่านี้ จงรักภักดีอย่างแท้จริง ได้รับการฝึกฝนเข้มงวดอย่างถึงที่สุด!
มือปืนน่ะแตกต่างจากผู้ใช้วรยุทธโบราณหรือผู้ใช้อบิลิตี้ ดังนั้นคนเหล่านี้จึงเชื่อมั่นสุดหัวใจ ว่ามีแค่ฉินเฟิงเท่านั้น ที่จะช่วยให้พวกเขาได้กลายเป็นคนแข็งแกร่งในอนาคต ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงเคารพเทิดทูนฉินเฟิงอย่างถึงที่สุด
“ล็อคเป้าต้นไม้เพลิงไว้ ล็อคเป้าคนๆนั้นด้วย เตรียมพร้อมโจมตีได้ทุกเมื่อ!”
มาถึง ฉินเฟิงก็เอ่ยปากสั่งการทันที
หากมีโอกาส แล้วสามารถกำจัดแซดได้ในลมหายใจเดียว ฉินเฟิงก็ไม่รังเกียจที่จะทำมัน ยิงอีกฝ่ายทิ้งซะตอนนี้เลย
แต่ช่างน่าเสียดาย ที่แซดเหมือนจะไม่ให้โอกาสนั้นแก่ฉินเฟิง!
เพราะแซดทรงพลังเกินไป แม้ต้นไม้เพลิงเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน แต่มันไม่มีความสามารถมากพอจะต้านทานเขา
มังกรทมิฬตัวยักษ์โฉบกายลงม้วนขด รัดพันรอบลำต้นต้นไม้เพลิง จากนั้นบีบคั้น เริ่มบดขยี้อย่างรุนแรง
รากของต้นไม้เพลิงโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง ทุบตีตามร่างของมังกรทมิฬ แต่กลับไม่ทิ้งร่องรอยบาดแผลใดๆเอาไว้เลย
ตรงกันข้าม กลับเป็นลำต้นของมัน ที่ยิ่งมายิ่งหดลีบลง
แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก!
บังเกิดสุ้มเสียงอันน่าสยองขวัญ เสมือนดั่งพลังชีวิตที่ยิ่งถูกรัดยิ่งเหือดหาย สักพักเสียงนี้ก็ค่อยๆเบาลง เบาลง และสุดท้าย
เป๊าะ!
ภายในจอเฝ้าระวังของเมืองลอยฟ้า ลำต้นของต้นไม้เพลิง แตกหัก ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง