โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 646 - มิติลาวาเดือด
ไม่ไกลจากเมืองลาวาเดือด ถนนแปดเลนถูกสร้างขึ้นในเวลาเพียงครึ่งวัน ตลอดทั้งสองฟากฝั่งของมัน ปรากฏมีหอคอยรักษาการณ์ตั้งอยู่ในทุกๆ 100 เมตร ติดตั้งอาวุธและคมเขี้ยวไว้พร้อมสรรพ คอยจับจ้องการมาเยือนของผู้คนตลอดเวลา ส่วนบนท้องฟ้า มีโดรนคอยสอดส่องพื้นที่ทั้งหมดในทุ่งล่าบริเวณนี้
และสุดถนนสายนี้ คือป้อมปราการขนาดไม่ใหญ่มากตั้งอยู่ มันมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 300 เมตรเท่านั้น แต่กำแพงทั้งหมดถูกติดตั้งไว้ด้วยปืนใหญ่พลังงานแก่นสัตว์ร้าย ภายใต้แสงระยิบระยับพรั่งพราวตาของมัน ชวนให้ผู้คนรู้สึกสั่นกลัว
เบื้องบนท้องฟ้า ปรากฏเมืองที่ดูวิจิตรงดงาม หลายคนจดจำได้ดีว่ามันคืออะไร
นี่คือเมืองลอยฟ้าที่ถูกทิ้งไว้โดยเผ่าพันธุ์อัจฉริยะ เมืองลอยฟ้าอันเลื่องชื่อ เป็นตำนานที่สามารถสังหารตัวตนทรงพลังเลเวล A
–เมืองลอยฟ้าเผ่ากริม! แต่ปัจจุบัน มันถูกเรียกขานใหม่ว่าเมืองลอยฟ้าเฟิงหลี
สรุปสั้นๆเลยคือป้อมปราการแห่งนี้มีระบบความปลอดภัยดีเยี่ยม!
เพราะสถานที่แห่งนี้ คือที่ตั้งของประตูสู่มิติลาวาเดือดที่ก่อสร้างขึ้นใหม่โดยฉินเฟิง
ตั้งแต่ติดตั้งเสร็จเมื่อวาน ฉินเฟิงก็เสริมการป้องกัน ติดตั้งระบบติดอาวุธต่อเป็นอันดับแรก ต่อจากนั้น ก็เริ่มก่อสิ่งถูกสร้างที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม , โรงพยาบาล , ร้านอาหาร , ร้านค้า ฯลฯ ทยอยกันเปิดให้บริการ
และแน่นอน ว่าใจกลางของป้อมปราการแห่งนี้ ยังคงเป็นจัตุรัสกลาง
ประตูมิติที่ถูกสร้างขึ้นจากศิลามิติสองก้อนเชื่อมต่อกัน พร้อมที่จะเปิดใช้งานได้ตลอดเวลา
จากเดิม เนื่องจากโทรลลาวาเดือดหายไป ต้นไม้เพลิงทำการโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ด้วยความแข็งแกร่งของมัน ทำให้เลเวล B ไม่มีทางเลือกนอกจากหนีเอาชีวิตรอด ส่วนเลเวล C ไม่กล้ารั้งอยู่ ทยอยกันอพยพในชั่วข้ามคืน
อย่างไรก็ตาม ในวันต่อมา หลังจากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ผู้คนในรัฐทะเลเหนือกลับไม่ลดลง หากแต่เพิ่มขึ้น
ภายในป้อมปราการยังไม่มีข่าวคราวอะไรประกาศออกมา แต่หลายคนก็พอจะคาดเดาได้ว่า ฉินเฟิงคงกำลังบุกต่างมิติ และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มหาศาล
แค่นึกถึงเรื่องนี้ พวกเขาก็เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ แต่คนของเฟิงหลีกลับทำอะไรเชื่องช้า ทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน พวกเขาเริ่มสร้างอาคารรอบนอก เห็นได้ชัดว่านี่คือร้านค้าสำหรับบุคคลทั่วไป มีไว้เพื่อให้กลุ่มเฟิงหลีเก็บค่าเช่าได้ จากนั้นก็เริ่มเปิดหน้าดิน ขยายพื้นที่เพาะปลูกจำนวนมาก
เดิมทีบริเวณนี้ทั้งหมดถูกเคยถูกปกคลุมไปด้วยลาวา ภายในดินอุดมสมบูรณ์ เปี่ยมไปด้วยพลังงาน หลังทำการขนย้ายดอกไม้หยาดน้ำตาและพีชพรรณอื่นๆเข้ามา ฤดูใบไม้ผลิที่กำลังถึงนี้ คงสามารถสร้างผลผลิต เก็บเกี่ยวได้มากมายอย่างแน่นอน
หากกล่าวว่าอาวุธปืนเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้พลัง เช่นนั้นตอนนี้ เกษตรกรรมของเฟิงหลี ไม่ว่าจะเป็นข้าวหรือพืชพรรณต่างๆ ทั้งหมดล้วนเป็นประโยชน์แก่ประชาชนทุกคน พูดได้เลยว่าในโซนภาคเหนือ กลุ่มเฟิงหลีสามารถครองตลาดอาหารใหญ่เป็นอันดับต้นๆ กลายเป็นที่รู้จักของทุกคนไปแล้ว
ยังไงก็ตาม การดำเนินงานของพวกเขาเชื่องช้ามาก จนคนอื่นเริ่มทนรอไม่ไหว
“นี่ฉินเฟิงมันไหลตายในห้องน้ำไปแล้วรึเปล่า? จะปล่อยให้พวกเราเสียเวลาไปถึงเมื่อไหร่!”
“ถ้าในเมื่อนายก็คิดแบบนั้น งั้นพวกเราไปดูด้วยกันเลยไหม ช่องว่างมิติที่เพิ่งปรากฏขึ้นใหม่ พวกเราจะปล่อยให้เขายึดครองมันคนเดียวได้อย่างไร!”
“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ เพราะตรงนั้นคืออาณาเขตของเขา ช่องว่างมิติก็เป็นเขาที่สร้างขึ้น ดังนั้นเขามิสิทธิ์ที่จะครอบครองมัน”
“ฉินเฟิงคิดอะไรอยู่กันแน่?”
ในใจของผู้คนเกิดความคิดไปต่างๆนาๆ ว่าฉินเฟิงต้องการเงิน หรือต้องการปิดล้อมพื้นที่แถบนั้นไว้สำหรับฝึกฝนตนเองกันแน่
หากเป็นอย่างแรกก็แล้วกันไปเถอะ เพราะคงสามารถจ่ายค่าเข้าได้ แต่หากเป็นอย่างหลัง นี่คงทำให้เลเวล B หลายคนไม่พอใจและอาจก่อหวอดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้เคยชินกับการระมัดระวังตัว ดังนั้นแม้ในใจคิดอย่างไร แต่เป็นธรรมดาที่ตนจะไม่เข้าไปยุ่มย่ามด้วยตัวเอง ดังนั้นเลยทำการจัดส่งเลเวล C บางคนเดินทางไปที่ป้อม
และหลิวฮุ่ยเป็นหนึ่งในนั้น
รถล่องเวหาขับไปตามเส้นทางถนน อาวุธบนหอคอยรักษาการณ์แต่ละฝั่งทำให้เหงื่อเขาแตกพลั่ก ตัวเขาก็เป็นมือปืน ดังนั้นเลยเป็นธรรมดาที่จะล่วงรู้ ว่าอาวุธปืนบนหอคอยเหล่านั้น ระดับภัยคุกคามของมันลวนอยู่ในเลเวล D
“นี่แค่หอคอยรักษาการณ์ตามรายทางนะ ฉินเฟิงคนนี้ เล่นใหญ่เกินไปจริงๆ”
หลิวฮุ่ยพึมพำ อันที่จริงหอคอยรักษาการณ์ทั่วๆไป สำหรับรัฐที่ค่อนข้างปลอดภัยอย่างทะเลเหนือ ปกติใช้แค่อาวุธปืนเลเวล F ก็เพียงพอแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉินเฟิงเลือกใช้อาวุธเลเวล D นี่มันฟุ่มเฟือยอย่างแท้จริง!
ยังไม่พอ ยิ่งเข้าใกล้ป้อมปราการมากเท่าไหร่ หลิวฮุ่ยยิ่งรู้สึกว่า สิ่งที่เขาเห็นตอนแรก กลายเป็นเด็กทารกไปเลย
บนกำแพงที่รายล้อมปรากฏปืนใหญ่พลังงานแก่นสัตว์ร้าย จากการสังเกต คล้ายมีระดับภัยคุกคามอยู่ในเลเวล C กระทั่งปืนใหญ่บางกระบอก ยังมีระดับภัยคุกคามถึงเลเวล B
ไหนจะยิ่งใกล้ เขาก็ยิ่งเห็นถึงความน่าสะพรึงกลัวของเมืองลอยฟ้า เจ้าสิ่งนี้ทำให้หลิวฮุ่ยเผลอขับรถช้าลงโดยไม่รู้ตัว ทั้งบังเกิดความรู้สึกหวาดระแวงขึ้นหลายส่วน
จนกระทั่งมาถึงประตูป้อมปราการ หลิวฮุ่ยก็ถูกสั่งให้หยุด
ผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า เป็นผู้ใช้อบิลิตี้ไม้เลเวล C คนๆมิใช่ใครอื่น แต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาคนใหม่ที่ได้รับการคัดเลือกจากฉินเฟิงในลุ่มน้ำตู่ซาน –หยวนเสี่ยวกวง
“ต้องจ่ายค่าเข้า 5 ล้าน และมีความแข็งแกร่งขั้นต่ำอยู่ที่เลเวล C5!” หยวนเสี่ยวกวงมองไปยังใครบางคนที่มาถึง ในหัวใจรู้สึกชื่นมื่น เขารับหน้าที่รักษาการณ์ประตูแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อวาน แม้จะแค่ชั่วคราว แต่ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการส่งข่าวสารให้แก่ผู้มาเยือนไปในตัว
อย่างไรก็ตาม หลังจากเฝ้ารอทั้งวัน กลับไม่มีใครมาเลย ทำให้ก่อนหน้านี้หยวนเสี่ยวกวงรู้สึกหดหู่ไม่น้อย
หลิวฮุ่ยพอได้ยินคำพูดของหยวนเสี่ยวกวง ใบหน้าของเขากลายเป็นแข็งทื่อทันใด “หยวนๆกันหน่อยไม่ได้หรอ? ฉันอยู่ในเลเวล C4 ห่างกันแค่ขั้นเดียว อีกอย่างฉันเป็นมือปืน!”
“ปกติแค่หนึ่งขั้นย่อยก็มีความแตกต่างราวฟ้ากับเหว ยกเว้นแต่ว่าคุณเป็นอัจฉริยะหรือพวกลูกรักของพระเจ้า ถ้าแบบนั้นฉันสามารถปล่อยให้ผ่านไปได้!” หยวนเสี่ยวกวงกล่าว
หลิวฮุ่ยมาที่นี่ ประเด็นหลักๆก็คือสอดแนม จะได้เข้าไปหรือไม่มันก็ไม่สำคัญ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดทะเลาะกับหยวนเสี่ยวกวง พูดคุยสอบถามกันอย่างมีไมตรี
หยวนเสี่ยวกวงผู้ว่างงานความจริงก็รู้สึกเบื่อหน่ายเช่นกัน ดังนั้นการสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น
“เจ้าเมืองฉินจัดตั้งป้อมปราการขึ้นเพื่ออะไรกันแน่? ฉันได้ยินมาว่าช่องว่างมิติข้างในถูกเปิดออกแล้ว พวกคุณมีแผนที่จะทำอะไร?”
หยวนเสี่ยวกวงกล่าว “อาศัยความแข็งแกร่งระดับนาย อย่าไปคิดถึงมันดีกว่า ข้างในนั่นต้องเป็นผู้ใช้พลังเลเวล B เท่านั้นถึงจะเข้าไปได้”
“ทำไมฉันถึงเข้าไปไม่ได้?”
“เพราะสำหรับประตูมิติ มันมีค่าเข้าเป็นเงินถึง 1 แสนล้าน!” หยวนเสี่ยวกวงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
พรวดด!
หลิวฮุ่ยสำลักน้ำลายตัวเอง ดวงตาเบิกโพลงแทบหลุดจากเบ้า
“เท่าไหร่นะ?”
“1 แสนล้าน! นายกำลังคิดว่ามันมากเกินไปใช่ไหม?” หยวนเสี่ยวกวงเลิกคิ้วและกล่าว “นายอย่าลืมสิว่า ผลึกของปีศาจโทรล ก้อนหนึ่งมีราคา 3 หมื่นล้าน ล่าแค่ 4 ตัวก็คืนทุนแล้ว สำหรับเลเวล B เสียเงินแค่นี้ ไม่ได้มากอะไรสำหรับพวกเขาเลย”
หลิวฮุ่ยกลายเป็นบื้อใบ้ แต่สำหรับเลเวล B เหมือนจะคุ้มค่าจริงๆ
แต่สำหรับตัวเขาเอง เงินนั่นก็ยังเป็นจำนวนที่มากเกินไปอยู่ดี!
“แล้วความเสี่ยงล่ะ? ถ้าที่นั่นเต็มไปด้วยปีศาจโทรลลาวาเดือด เต็มไปด้วยแอ่งลาวา ใครจะรู้ว่ามันจะเสี่ยงแค่ไหน ถึงเวลานั้นถ้าเกิดตายขึ้นมา มันจะไม่คุ้มเอาหรอ?”
หยวนเสี่ยวกวงกล่าวน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าแบบนั้นคงต้องโทษที่พวกเขาไม่มีความสามารถ อย่างในช่วงไม่กี่วันก่อน ประธานฉินได้เข้าไปแล้วกลับมาสองสามครั้ง แต่ผลึกปีศาจโทรลที่เขานำกลับมาด้วย สามารถกองรวมกันเป็นภูเขาขนาดเล็กลูกหนึ่ง ถ้าคนอื่นทำไม่ได้ ก็หมายความว่าพวกเขาอ่อนแอเอง!”
ในสมองของหลิวฮุ่ยสับสนว้าวุ่น แง่หนึ่งก็คิดว่าค่าเข้าแพงไป อีกแง่หนึ่งคิดฝันถึงผลึกปีศาจโทรลขนาดเท่ากองภูเขาของฉินเฟิง
“บ๊ะ! นี่นายจะถามอะไรมากมาย? ยังไงนายก็เข้าต่างมิติไม่ได้อยู่แล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของนาย เข้าไปคงถูกย่างจนสุกพอดี”
“อา! ถูกของนาย ยังไงฉันก็เข้าไปไม่ได้อยู่แล้ว” หลิวฮุ่ยตอบกลับ เขามาที่นี่เพื่อหาข้อมูล ไม่ได้มาเพื่อต่อสู้
“งั้นเอาอย่างนี้เป็นไง นายทำตามกฏ ฉันจ่ายให้ 5 ล้าน แล้วขอเข้าไปดูแค่เฉพาะข้างในป้อมปราการ เพราะยังไงซะฉันก็ไม่มีเงิน 1 แสนล้านจ่ายค่าเข้ามิติลาวาเดือดอยู่ดี”
หยวนเสี่ยวกวงขบคิดสักพัก สุดท้ายผงกศีรษะ “งั้นก็ตกลง นายเข้าไปได้”
“ขอบคุณพี่ชาย!”
หลิวฮุ่ยจ่ายเงินค่าเข้า เมื่อประตูเปิดออก เขาพบว่าภายในไม่ได้พิสดารอะไร แต่ใจกลางจัตุรัสปรากฏสองเสาตั้งห่างจากกัน บ่งบอกว่านั่นคือประตูมิติ นอกจากนี้ยังมีกฏเกณฑ์เขียนร่างเอาไว้อยู่ข้างๆ
2/4
Ep.646 – มิติลาวาเดือด
ไม่ไกลจากเมืองลาวาเดือด ถนนแปดเลนถูกสร้างขึ้นในเวลาเพียงครึ่งวัน ตลอดทั้งสองฟากฝั่งของมัน ปรากฏมีหอคอยรักษาการณ์ตั้งอยู่ในทุกๆ 100 เมตร ติดตั้งอาวุธและคมเขี้ยวไว้พร้อมสรรพ คอยจับจ้องการมาเยือนของผู้คนตลอดเวลา ส่วนบนท้องฟ้า มีโดรนคอยสอดส่องพื้นที่ทั้งหมดในทุ่งล่าบริเวณนี้
และสุดถนนสายนี้ คือป้อมปราการขนาดไม่ใหญ่มากตั้งอยู่ มันมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 300 เมตรเท่านั้น แต่กำแพงทั้งหมดถูกติดตั้งไว้ด้วยปืนใหญ่พลังงานแก่นสัตว์ร้าย ภายใต้แสงระยิบระยับพรั่งพราวตาของมัน ชวนให้ผู้คนรู้สึกสั่นกลัว
เบื้องบนท้องฟ้า ปรากฏเมืองที่ดูวิจิตรงดงาม หลายคนจดจำได้ดีว่ามันคืออะไร
นี่คือเมืองลอยฟ้าที่ถูกทิ้งไว้โดยเผ่าพันธุ์อัจฉริยะ เมืองลอยฟ้าอันเลื่องชื่อ เป็นตำนานที่สามารถสังหารตัวตนทรงพลังเลเวล A
–เมืองลอยฟ้าเผ่ากริม! แต่ปัจจุบัน มันถูกเรียกขานใหม่ว่าเมืองลอยฟ้าเฟิงหลี
สรุปสั้นๆเลยคือป้อมปราการแห่งนี้มีระบบความปลอดภัยดีเยี่ยม!
เพราะสถานที่แห่งนี้ คือที่ตั้งของประตูสู่มิติลาวาเดือดที่ก่อสร้างขึ้นใหม่โดยฉินเฟิง
ตั้งแต่ติดตั้งเสร็จเมื่อวาน ฉินเฟิงก็เสริมการป้องกัน ติดตั้งระบบติดอาวุธต่อเป็นอันดับแรก ต่อจากนั้น ก็เริ่มก่อสิ่งถูกสร้างที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม , โรงพยาบาล , ร้านอาหาร , ร้านค้า ฯลฯ ทยอยกันเปิดให้บริการ
และแน่นอน ว่าใจกลางของป้อมปราการแห่งนี้ ยังคงเป็นจัตุรัสกลาง
ประตูมิติที่ถูกสร้างขึ้นจากศิลามิติสองก้อนเชื่อมต่อกัน พร้อมที่จะเปิดใช้งานได้ตลอดเวลา
จากเดิม เนื่องจากโทรลลาวาเดือดหายไป ต้นไม้เพลิงทำการโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ด้วยความแข็งแกร่งของมัน ทำให้เลเวล B ไม่มีทางเลือกนอกจากหนีเอาชีวิตรอด ส่วนเลเวล C ไม่กล้ารั้งอยู่ ทยอยกันอพยพในชั่วข้ามคืน
อย่างไรก็ตาม ในวันต่อมา หลังจากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ผู้คนในรัฐทะเลเหนือกลับไม่ลดลง หากแต่เพิ่มขึ้น
ภายในป้อมปราการยังไม่มีข่าวคราวอะไรประกาศออกมา แต่หลายคนก็พอจะคาดเดาได้ว่า ฉินเฟิงคงกำลังบุกต่างมิติ และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มหาศาล
แค่นึกถึงเรื่องนี้ พวกเขาก็เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ แต่คนของเฟิงหลีกลับทำอะไรเชื่องช้า ทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน พวกเขาเริ่มสร้างอาคารรอบนอก เห็นได้ชัดว่านี่คือร้านค้าสำหรับบุคคลทั่วไป มีไว้เพื่อให้กลุ่มเฟิงหลีเก็บค่าเช่าได้ จากนั้นก็เริ่มเปิดหน้าดิน ขยายพื้นที่เพาะปลูกจำนวนมาก
เดิมทีบริเวณนี้ทั้งหมดถูกเคยถูกปกคลุมไปด้วยลาวา ภายในดินอุดมสมบูรณ์ เปี่ยมไปด้วยพลังงาน หลังทำการขนย้ายดอกไม้หยาดน้ำตาและพีชพรรณอื่นๆเข้ามา ฤดูใบไม้ผลิที่กำลังถึงนี้ คงสามารถสร้างผลผลิต เก็บเกี่ยวได้มากมายอย่างแน่นอน
หากกล่าวว่าอาวุธปืนเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้พลัง เช่นนั้นตอนนี้ เกษตรกรรมของเฟิงหลี ไม่ว่าจะเป็นข้าวหรือพืชพรรณต่างๆ ทั้งหมดล้วนเป็นประโยชน์แก่ประชาชนทุกคน พูดได้เลยว่าในโซนภาคเหนือ กลุ่มเฟิงหลีสามารถครองตลาดอาหารใหญ่เป็นอันดับต้นๆ กลายเป็นที่รู้จักของทุกคนไปแล้ว
ยังไงก็ตาม การดำเนินงานของพวกเขาเชื่องช้ามาก จนคนอื่นเริ่มทนรอไม่ไหว
“นี่ฉินเฟิงมันไหลตายในห้องน้ำไปแล้วรึเปล่า? จะปล่อยให้พวกเราเสียเวลาไปถึงเมื่อไหร่!”
“ถ้าในเมื่อนายก็คิดแบบนั้น งั้นพวกเราไปดูด้วยกันเลยไหม ช่องว่างมิติที่เพิ่งปรากฏขึ้นใหม่ พวกเราจะปล่อยให้เขายึดครองมันคนเดียวได้อย่างไร!”
“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ เพราะตรงนั้นคืออาณาเขตของเขา ช่องว่างมิติก็เป็นเขาที่สร้างขึ้น ดังนั้นเขามิสิทธิ์ที่จะครอบครองมัน”
“ฉินเฟิงคิดอะไรอยู่กันแน่?”
ในใจของผู้คนเกิดความคิดไปต่างๆนาๆ ว่าฉินเฟิงต้องการเงิน หรือต้องการปิดล้อมพื้นที่แถบนั้นไว้สำหรับฝึกฝนตนเองกันแน่
หากเป็นอย่างแรกก็แล้วกันไปเถอะ เพราะคงสามารถจ่ายค่าเข้าได้ แต่หากเป็นอย่างหลัง นี่คงทำให้เลเวล B หลายคนไม่พอใจและอาจก่อหวอดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้เคยชินกับการระมัดระวังตัว ดังนั้นแม้ในใจคิดอย่างไร แต่เป็นธรรมดาที่ตนจะไม่เข้าไปยุ่มย่ามด้วยตัวเอง ดังนั้นเลยทำการจัดส่งเลเวล C บางคนเดินทางไปที่ป้อม
และหลิวฮุ่ยเป็นหนึ่งในนั้น
รถล่องเวหาขับไปตามเส้นทางถนน อาวุธบนหอคอยรักษาการณ์แต่ละฝั่งทำให้เหงื่อเขาแตกพลั่ก ตัวเขาก็เป็นมือปืน ดังนั้นเลยเป็นธรรมดาที่จะล่วงรู้ ว่าอาวุธปืนบนหอคอยเหล่านั้น ระดับภัยคุกคามของมันลวนอยู่ในเลเวล D
“นี่แค่หอคอยรักษาการณ์ตามรายทางนะ ฉินเฟิงคนนี้ เล่นใหญ่เกินไปจริงๆ”
หลิวฮุ่ยพึมพำ อันที่จริงหอคอยรักษาการณ์ทั่วๆไป สำหรับรัฐที่ค่อนข้างปลอดภัยอย่างทะเลเหนือ ปกติใช้แค่อาวุธปืนเลเวล F ก็เพียงพอแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉินเฟิงเลือกใช้อาวุธเลเวล D นี่มันฟุ่มเฟือยอย่างแท้จริง!
ยังไม่พอ ยิ่งเข้าใกล้ป้อมปราการมากเท่าไหร่ หลิวฮุ่ยยิ่งรู้สึกว่า สิ่งที่เขาเห็นตอนแรก กลายเป็นเด็กทารกไปเลย
บนกำแพงที่รายล้อมปรากฏปืนใหญ่พลังงานแก่นสัตว์ร้าย จากการสังเกต คล้ายมีระดับภัยคุกคามอยู่ในเลเวล C กระทั่งปืนใหญ่บางกระบอก ยังมีระดับภัยคุกคามถึงเลเวล B
ไหนจะยิ่งใกล้ เขาก็ยิ่งเห็นถึงความน่าสะพรึงกลัวของเมืองลอยฟ้า เจ้าสิ่งนี้ทำให้หลิวฮุ่ยเผลอขับรถช้าลงโดยไม่รู้ตัว ทั้งบังเกิดความรู้สึกหวาดระแวงขึ้นหลายส่วน
จนกระทั่งมาถึงประตูป้อมปราการ หลิวฮุ่ยก็ถูกสั่งให้หยุด
ผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า เป็นผู้ใช้อบิลิตี้ไม้เลเวล C คนๆมิใช่ใครอื่น แต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาคนใหม่ที่ได้รับการคัดเลือกจากฉินเฟิงในลุ่มน้ำตู่ซาน –หยวนเสี่ยวกวง
“ต้องจ่ายค่าเข้า 5 ล้าน และมีความแข็งแกร่งขั้นต่ำอยู่ที่เลเวล C5!” หยวนเสี่ยวกวงมองไปยังใครบางคนที่มาถึง ในหัวใจรู้สึกชื่นมื่น เขารับหน้าที่รักษาการณ์ประตูแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อวาน แม้จะแค่ชั่วคราว แต่ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการส่งข่าวสารให้แก่ผู้มาเยือนไปในตัว
อย่างไรก็ตาม หลังจากเฝ้ารอทั้งวัน กลับไม่มีใครมาเลย ทำให้ก่อนหน้านี้หยวนเสี่ยวกวงรู้สึกหดหู่ไม่น้อย
หลิวฮุ่ยพอได้ยินคำพูดของหยวนเสี่ยวกวง ใบหน้าของเขากลายเป็นแข็งทื่อทันใด “หยวนๆกันหน่อยไม่ได้หรอ? ฉันอยู่ในเลเวล C4 ห่างกันแค่ขั้นเดียว อีกอย่างฉันเป็นมือปืน!”
“ปกติแค่หนึ่งขั้นย่อยก็มีความแตกต่างราวฟ้ากับเหว ยกเว้นแต่ว่าคุณเป็นอัจฉริยะหรือพวกลูกรักของพระเจ้า ถ้าแบบนั้นฉันสามารถปล่อยให้ผ่านไปได้!” หยวนเสี่ยวกวงกล่าว
หลิวฮุ่ยมาที่นี่ ประเด็นหลักๆก็คือสอดแนม จะได้เข้าไปหรือไม่มันก็ไม่สำคัญ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดทะเลาะกับหยวนเสี่ยวกวง พูดคุยสอบถามกันอย่างมีไมตรี
หยวนเสี่ยวกวงผู้ว่างงานความจริงก็รู้สึกเบื่อหน่ายเช่นกัน ดังนั้นการสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น
“เจ้าเมืองฉินจัดตั้งป้อมปราการขึ้นเพื่ออะไรกันแน่? ฉันได้ยินมาว่าช่องว่างมิติข้างในถูกเปิดออกแล้ว พวกคุณมีแผนที่จะทำอะไร?”
หยวนเสี่ยวกวงกล่าว “อาศัยความแข็งแกร่งระดับนาย อย่าไปคิดถึงมันดีกว่า ข้างในนั่นต้องเป็นผู้ใช้พลังเลเวล B เท่านั้นถึงจะเข้าไปได้”
“ทำไมฉันถึงเข้าไปไม่ได้?”
“เพราะสำหรับประตูมิติ มันมีค่าเข้าเป็นเงินถึง 1 แสนล้าน!” หยวนเสี่ยวกวงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
พรวดด!
หลิวฮุ่ยสำลักน้ำลายตัวเอง ดวงตาเบิกโพลงแทบหลุดจากเบ้า
“เท่าไหร่นะ?”
“1 แสนล้าน! นายกำลังคิดว่ามันมากเกินไปใช่ไหม?” หยวนเสี่ยวกวงเลิกคิ้วและกล่าว “นายอย่าลืมสิว่า ผลึกของปีศาจโทรล ก้อนหนึ่งมีราคา 3 หมื่นล้าน ล่าแค่ 4 ตัวก็คืนทุนแล้ว สำหรับเลเวล B เสียเงินแค่นี้ ไม่ได้มากอะไรสำหรับพวกเขาเลย”
หลิวฮุ่ยกลายเป็นบื้อใบ้ แต่สำหรับเลเวล B เหมือนจะคุ้มค่าจริงๆ
แต่สำหรับตัวเขาเอง เงินนั่นก็ยังเป็นจำนวนที่มากเกินไปอยู่ดี!
“แล้วความเสี่ยงล่ะ? ถ้าที่นั่นเต็มไปด้วยปีศาจโทรลลาวาเดือด เต็มไปด้วยแอ่งลาวา ใครจะรู้ว่ามันจะเสี่ยงแค่ไหน ถึงเวลานั้นถ้าเกิดตายขึ้นมา มันจะไม่คุ้มเอาหรอ?”
หยวนเสี่ยวกวงกล่าวน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าแบบนั้นคงต้องโทษที่พวกเขาไม่มีความสามารถ อย่างในช่วงไม่กี่วันก่อน ประธานฉินได้เข้าไปแล้วกลับมาสองสามครั้ง แต่ผลึกปีศาจโทรลที่เขานำกลับมาด้วย สามารถกองรวมกันเป็นภูเขาขนาดเล็กลูกหนึ่ง ถ้าคนอื่นทำไม่ได้ ก็หมายความว่าพวกเขาอ่อนแอเอง!”
ในสมองของหลิวฮุ่ยสับสนว้าวุ่น แง่หนึ่งก็คิดว่าค่าเข้าแพงไป อีกแง่หนึ่งคิดฝันถึงผลึกปีศาจโทรลขนาดเท่ากองภูเขาของฉินเฟิง
“บ๊ะ! นี่นายจะถามอะไรมากมาย? ยังไงนายก็เข้าต่างมิติไม่ได้อยู่แล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของนาย เข้าไปคงถูกย่างจนสุกพอดี”
“อา! ถูกของนาย ยังไงฉันก็เข้าไปไม่ได้อยู่แล้ว” หลิวฮุ่ยตอบกลับ เขามาที่นี่เพื่อหาข้อมูล ไม่ได้มาเพื่อต่อสู้
“งั้นเอาอย่างนี้เป็นไง นายทำตามกฏ ฉันจ่ายให้ 5 ล้าน แล้วขอเข้าไปดูแค่เฉพาะข้างในป้อมปราการ เพราะยังไงซะฉันก็ไม่มีเงิน 1 แสนล้านจ่ายค่าเข้ามิติลาวาเดือดอยู่ดี”
หยวนเสี่ยวกวงขบคิดสักพัก สุดท้ายผงกศีรษะ “งั้นก็ตกลง นายเข้าไปได้”
“ขอบคุณพี่ชาย!”
หลิวฮุ่ยจ่ายเงินค่าเข้า เมื่อประตูเปิดออก เขาพบว่าภายในไม่ได้พิสดารอะไร แต่ใจกลางจัตุรัสปรากฏสองเสาตั้งห่างจากกัน บ่งบอกว่านั่นคือประตูมิติ นอกจากนี้ยังมีกฏเกณฑ์เขียนร่างเอาไว้อยู่ข้างๆ