โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 650 - อาวุธปืนเลเวล B
หนึ่งฝ่ามือของฉินเฟิงปะทะเข้ากับสองฝ่ามือของหยางจิง
หยางจิงสัมผัสได้ถึงพละกำลังมหาศาลโถมเข้าแหวกสองฝ่ามือเขา ถูกปัดให้กางฝ่ามือออก
“ไม่จริง!”
หยางจิงร้องอุทานไม่อยากจะเชื่อ
แต่ในระหว่างนั้นเอง ฉินเฟิงได้เปลี่ยนท่วงท่าอีกครั้ง ย่ำไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ตามด้วยยกอีกหนึ่งฝ่ามือและ
ปัง!
มือนี้ ปะทะเข้ากับโล่ปราณกำลังภายในของของหยางจิง และโล่ปราณของเขาก็แตกเป็นเสี่ยงๆในพริบตา
หยางจิงชักฝีเท้าถอย กระทืบย่ำกับพื้นเพื่อลดทอนแรงส่ง บังเกิดความตกใจสุดแสน แต่เมื่อตั้งสติได้ เงยหน้าขึ้นอีกที ฉากตรงหน้าก็เป็นภาพของฉินเฟิงที่กำลังวาดฝ่ามืออีกครั้ง
นี่คือฝ่ามือที่สามของฉินเฟิง
หยางจิงตื่นตระหนกว้าวุ่น ไม่ทันคิดโจมตีสวนกลับไป ได้แต่หุบสองแขนเข้าหากัน ตั้งเป็นการ์ดป้องกันการโจมตีจากฝ่ามือของฉินเฟิง
ตูม!
กำลังภายในของฉินเฟิงพรั่งพรู ฟาดเข้าใส่หยางจิงทันที กำลังภายในอันแข็งแกร่ง โถมกดทับลงบนร่างคู่ต่อสู้
เท้าของหยางจิงจมลึกลงไปในพื้นกว่าสิบเซนติเมตร ขณะเดียวกันทั้งคนทั้งร่างถูกกดดันให้ถอยร่น สองเท้าถูกไถลากยาวเป็นทาง ยิ่งนานยิ่งจมลึก จนกระทั่งไถไปไกลกว่าสามเมตร เจ้าตัวก็ไม่สามารถยื้อได้อีกต่อไป สองเท้าถูกยกลอยจากพื้น ม้วนกลับหัวกลับหาง
“อ๊าาาา”
หยางจิงมิอาจควบคุมตนเอง ปลิวไกลออกไปกว่า 30 เมตร ก่อนจะร่วงลงกับพื้นโครมใหญ่ เวลานี้ เขารู้สึกได้ว่าอวัยวะภายในถูกเคลื่อนย้ายปั่นป่วน ตามสองแขนบวมเป่งปูดโปนไปด้วยเส้นเอ็นราวกับรากไม้
พรวดดด!
หยางจิงกระอักเลือดคำโต กลิ่นอายของเขาอ่อนโทรมลงหลายส่วน
ได้รับบาดเจ็บสาหัส!
ฝูงชนรอบเวทีกลายเป็นเงียบงัน!
ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล C9 เผชิญหน้ากับฉินเฟิงในเลเวล C7 แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าฝ่ายแรกสามารถต้านทานได้เพียงสามกระบวนท่าเท่านั้น
ผู้คนไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย ดังนั้นตื่นตะลึงไปชั่วขณะ
ฉินเฟิงยกแขนขึ้นเล็กน้อย สะบัดชายแขนเสื้อ วาดมือไปไพร่หลัง ปากเอ่ยอีกคำสั้นๆ “นำคนออกไป”
สมาชิกกลุ่มเฟิงหลีรีบขึ้นไปบนเวที ช่วยประคองหยางจิงเดินลงไป ตอนนี้แม้หยางจิงจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถต่อสู้ได้อีก แต่เจ้าตัวไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตนจะพ่ายแพ้ในสารรูปแบบนี้
“ฉินเฟิง ฉันแข็งแกร่งไม่พอ ไม่สามารถเอาชนะคุณได้ก็จริง แต่ทำไมคุณถึงไม่ทำตามที่พูดไว้? ไหนบอกจะรับมือ 100 กระบวนท่าไง ทำไมคุณถึงตอบโต้กลับด้วย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?” หยางจิงกล่าวอย่างไม่ยินยอม
คู่ดวงตาของฉินเฟิงเบนกลับมามองคู่ต่อสู้ของเขา เอ่ยเสียงเย็นชา “ก็แล้วทำไมผมต้องรอให้คุณใช้ครบ 100 กระบวนท่าด้วย หรือคุณจะบอกว่าเมื่อครบ 100 กระบวนท่าแล้วคุณจะต้องเอาชนะได้แน่ๆ? เมื่อลงสนามประลองแล้ว ไม่คิดเผื่อใจบาดเจ็บไว้เลยหรือ ยอมรับความจริงเถอะ คุณแกร่งไม่พอ ฉะนั้นอย่าพยายามหาข้ออ้างเลย ถ้าอยากกินปู ก็ต้องใช้มือแกะกระดองมันก่อน มีโอกาสเสี่ยงถูกบาดเป็นธรรมดา”
ฉินเฟิงกล่าวจบ ก็ไม่สนใจหยางจิงอีก “รีบนำตัวไปลง!”
“ขอรับท่านประธาน!”
ฝูงชนกรูกันเข้ามาทันที และหนึ่งในนั้นคือหยวนเสี่ยวกวง ผู้ใช้อบิลิตี้ไม้เลเวล C ดังนั้นภารกิจลากผู้ใช้วรยุทธโบราณที่บาดเจ็บสาหัสลงไป ถือเป็นงานที่ง่ายมาก
ไม่นานหยางจิงก็ถูกลากตัวออกไป เหลือทิ้งไว้เพียงร่องรอยการต่อสู้บนพื้นสนามประลอง ที่บ่งบอกว่าเขาเคยอยู่ที่นี่
ฉินเฟิงไม่มีเวลาซ่อนพื้นสนามประลอง เพราะการต่อสู้ครั้งต่อไปอาจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นต่อให้ซ่อมไปก็เปล่าประโยชน์
“คนต่อไป!”
ฉินเฟิงเปิดปาก ตะโกนเรียกร้องขอผู้ท้าชิง
ต้องขอบอกว่า ฉินเฟิงวางกลยุทธ์ได้ดีมาก พวกเลเวล C ที่ในใจหวังว่าจะโชคดีก่อนหน้านี้ แต่ละคนต่างเหงื่อแตกพลั่ก และรู้สึกขอบคุณตัวเองที่คิดช้ากว่าคนอื่นๆ
ไม่อยากงั้น ชะตากรรมของพวกเขาคงไม่ต่างกับหยางจิง!
ฉินเฟิงไม่ได้บอกว่าจะไม่ลงมือ การโค่นศัตรูก็ถือเป็นชัยชนะของเขาเช่นกัน แต่สำหรับผู้ใช้พลังเลเวล B นี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย
“เจ้าเด็กฉินเฟิงคนนี้ เขาคงกะจะใช้วิธีนี้รับมือกับพวกเราตั้งแต่แรกแล้ว”
“กะแล้วเชียว ว่ามันต้องไม่ง่ายดายขนาดนี้”
“ฉันเคยตรวจสอบข้อมูลของเขามาก่อน เด็กคนนี้เคยสังหารเลเวล B มาก่อน แถมยังมากกว่าหนึ่งคน เขากระทั่งเคยกำจัดแมลงจักรพรรดิเลเวล C ในสนามรบ!”
แค่ข่าวพวกนี้ ก็ยืนยันได้แล้วว่าฉินเฟิงมีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล B แต่ก็ไม่มากเกินไปกว่าเลเวล B เช่นกัน
เพราะท้ายที่สุดแล้ว มีแค่ผู้ใช้พลังเลเวล B เท่านั้นที่สามารถสังหารแมลงจักรพรรดิเลเวล C ได้
แต่ความเย้ายวนที่จะได้ครอบครองทางเข้าต่างมิติ มันมีสเน่ห์ดึงดูดมากเกินไป เห็นได้ชัดว่ามากกว่าความหวาดกลัวที่มี
สุดท้าย บางคนที่มาที่นี่ บางส่วนยังเป็นคนจากกองกำลังมืดที่ซ่อนตัวอยู่ พวกเขาต้องการส่วนแบ่งเค้กสักชิ้นเช่นกัน
ในที่สุด ดูเหมือนว่าการปล่อยเวลาให้ล่วงเลยผ่านไปมันจะไม่เกิดประโยชน์อะไร เลเวล B คนแรกตัดสินใจขึ้นมาบนเวที
บุคคลคนนี้เป็นผู้ใช้พลังที่ถืออาวุธปืนในมือทั้งสองข้าง
“มือปืนเลเวล B งั้นหรอ?” ฉินเฟิงหรี่ตาแคบลง
หากกล่าวว่าในเลเวล G จากบรรดาผู้ใช้พลังทั้ง 100 คน จะมีผู้ใช้อบิลิตี้ 1 คน ผู้ใช้วรยุทธโบราณ 10 และที่เหลืออีก 89 คนเป็นมือปืนแล้วล่ะก็
ในเวลา B ทุกอย่างจะตรงกันข้าม จะปรากฏมือปืนแค่ 1 คน ผู้ใช้อบิลิตี้ 10 คน และผู้ใช้วรยุทธโบราณ 89 คนแทน
และโอกาสเพียง1% ที่สามารถทะยานขึ้นมาได้ ยังบ่งบอกว่ามือปืนในเลเวล B จำเป็นต้องพิเศษกว่าคนอื่นๆเป็นอย่างมาก พวกเขาครอบครองอาวุธปืนที่เหนือล้ำไม่เหมือนใคร เป็นผู้กุมอำนาจทำลายล้างอันน่าหวาดกลัว
“ผู้การฉิน โปรดให้คำชี้แนะด้วย ฉันจะไม่ใช้อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง แต่ปืนสองกระบอกในมือฉัน ก็น่าหวาดกลัวไม่แพ้กัน ฉะนั้นขอให้คุณระวังตัวเอาไว้ให้ดี!”
ไม่ทันสิ้นเสียง มือปืนคนนี้ก็ยกปืนขึ้นเล็งแล้ว
สายตาของฉินเฟิงตกลงบนใบหน้าอีกฝ่าย ทันใดนั้นหัวใจของเขาพลันกระตุกวูบ
นั่นเพราะชายตรงหน้า ฉินเฟิงรู้จักอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
ราชาปืนจินห่าว!
อนาคตมือปืนเลเวล A ซึ่งมือปืนที่สามารถไปอยู่ในจุดๆนั้นได้ มีเพียงหนึ่งในหมื่น!
พลังสมาธิของคนๆนี้มีทรงพลังมาก นี่เองคือสาเหตุที่จินห่าวสามารถขึ้นเป็นเลเวล A ได้
หากชุ่ยเหลียนถูกกล่าวขวัญว่าเป็นราชาอัคคี เช่นนั้นจินห่าวคนนี้เป็นผู้ถูกกล่าวขวัญว่าราชาปืน คุณสามารถลองจินตนาการดูได้ว่าผู้ที่ได้รับสมญาพวกนี้ทรงพลังแค่ไหน (ในอดีตฉินเฟิงฉายา ราชาทหารรับจ้าง)
ไม่นึกฝันเลยว่ากระทั่งเขาก็จะมาที่นี่ด้วย!
อย่างไรก็ตาม พอได้ลองคิดดูดีๆ ในชีวิตก่อนที่มิติลาวาเดือดปรากฏขึ้น มันดึงดูดผู้ใช้พลังสมาธิมากกว่า 30 ชีวิต มาร่วมทีมกัน ทำการแบ่งผลประโยชน์ร่วมกัน ฉินเฟิงไม่แน่ใจว่าจินห่าวเป็นหนึ่งในนั้นหรือไม่ แต่การที่เขามาที่นี่ พอได้คิดๆดูแล้ว ฉินเฟิงพบว่ามันก็สมเหตุสมผล
“ดี! ในที่สุดก็เจอตัวเป้งแล้ว!”
ฉินเฟิงไม่มีความคิดที่จะต่อสู้รุนแรงกับจินห่าว เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตนอย่างไรเป็นแค่เลเวล C ดังนั้นลงมือพอหอมปากหอมคอ เชือดไก่ให้ลิงดูก็พอ
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไม่มีใครเอ่ยเริ่มประลอง ทั้งสองขยับไหวในเวลาเดียวกัน
จินห่าวยกปากกระบอกปืนขึ้นเล็กน้อย ปะทุพลังงานออกไป ก่อร่างเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ โถมเข้าคลุมฉินเฟิง
ปรากฏกกระแสไฟฟ้ากระพริบไหวบนตาข่ายนั่น เห็นได้ชัดว่ามันผสานรูนสายฟ้าเอาไว้ หากถูกมัด จะต้องส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวแน่นอน
ซี่!
ตาข่ายขนาดใหญ่โถมคลุมลงบนพื้น ทว่าตำแหน่งที่ว่ากลับว่างเปล่า
ฉินเฟิงได้หายวับไปแล้ว!
แต่จินห่าวมิได้ตื่นตระหนกใดๆ เขาวาดมือออกอีกครั้ง และยิงตาข่ายไฟฟ้าออกไปอีกรอบ
พลังสมาธิของจินห่าวแข็งแกร่งมาก ดังนั้นเขาเลยสามารถจับการเคลื่อนไหวของฉินเฟิงได้ สามารถล็อคเป้าฉินเฟิง
แต่กระนั้น ถึงจะล็อคเป้าและสามารถโจมตีได้ มันก็ยังไม่เร็วพอที่จะเล็งโดนตัวเขา
หลังจากการโจมตีอยู่หลายครั้ง ผลลัพธ์กลับเปล่าประโยชน์ ไม่เกิดผลอะไรเลย
กระสุนห้านัดของมือปืน เทียบเท่าได้กับ 5 กระบวนท่า ดวงตาของจินห่าวเริ่มหนักแน่นจริงจังขึ้น
วินาทีถัดมา อาวุธคล้ายไล่ติดตามเงาร่างของฉินเฟิงเร็วยิ่งกว่าเดิม และปากกระบอกปืนนี้มิใช่ใช้ยิงตาข่ายอีกต่อไป หากแต่ใช้ยิงสายฟ้าของจริง!
เปรี้ยง!
สายฟ้าสีม่วงว่างวาบทั่วทั้งจัตุรัส ฉากนี้ทำเอาผู้คนรู้สึกขวัญผวา
ทั้งสองฟากฝั่งหุบเขา เลเวล B ทั้งหมดมุ่งสมาธิเต็มที่ จดจ่อกับการต่อสู้ ในขณะที่ผู้ใช้พลังเลเวล C ตะโกนส่งเสียงโห่ร้องอย่างตื่นเต้น
เพราะนี่คือการต่อสู้ในระดับเลเวล B หากมิใช่คนที่คอยติดตามเลเวล B แล้วล่ะก็ อาศัยแค่เลเวล C อย่างพวกเขา ยากนักที่จะได้รับชมการต่อสู้ระดับนี้
ยังไงก็ตาม การโจมตีทรงพลังดังกล่าว ก็ยังไม่อาจสัมผัสตัวฉินเฟิง
สายฟ้ายามสัมผัสเข้ากับโล่ปราณกำลังภายในของฉินเฟิง มันก็หายวับไปทันที ฉินเฟิงในปัจจุบัน ราวกับเดินเล่นในสวนหย่อมอย่างสบายอารมณ์ ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ–
–กว่า 30 กระบวนท่าได้ผ่านพ้นไป!